"น้ำมนต์พี่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย" แพรวพราวเดินเข้ามาหาน้ำมนต์ที่กำลังเก็บอุปกรณ์อยู่ในสตูดิโอ
"ค่ะพี่แพรว"
"คือพี่เข้าใจว่าเราเป็นเด็กทำงานพิเศษนะพี่เห็นใจไม่อยากจะว่าอะไรแต่ว่า..."
"มีอะไรหรือคะพี่แพรวบอกมาได้เลยค่ะ"
"เธอต้องปรับปรุงการทำงานให้มากกว่านี้หน่อยนะจ๊ะโดยเฉพาะกับคีตะ พี่เองก็สังเกตุว่าบางครั้งเราก็ทำอะไรแปลกๆจนคีย์เขาเริ่มไม่ค่อยโอเค"
"น้ำมนต์ทำอะไรคะ" เธอยังนึกไม่ออกว่าทำอะไร
"ก็บางทีก็เหม่อจ้องหน้าเขา หรือบางทีก็ไปห้ามเขากินน้ำ กินขนม พี่เข้าใจว่าเราอยากใกล้ชิดดาราอยากสนิทสนมด้วยแต่แบบนี้มันไม่โอเคนะจ๊ะ" แพรวพราวก็สังเกตุเห็นอาการแปลกของน้ำมนต์ที่มีต่อคีตะแต่เข้าใจว่าเธอก็คงอยากหาเรื่องเข้าหาศิลปินในดวงใจ
"มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะพี่แพรว" น้ำมนต์อยากแก้ตัว
"คือน้ำมนต์เห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ น้ำมนต์แค่อยากช่วยคุณคีตะนะคะ"
"ช่วยอะไรจ๊ะ อย่างวันนี้ก็จ้องหน้าเขาจน คีย์เกือบจะอ่านสคริปไม่ทัน ดีนะที่เขาเป็นมืออาชีพเลยใช้ไหวพริบเอาตัวรอดได้" แพรวพราวกอดอกพูด
"ถ้าน้ำมนต์พูดอะไรไปแล้วพี่แพรวจะเชื่อหรือเปล่าล่ะคะ" มนต์ชญาจะพูดความจริงที่เธอเห็น
"ว่ามาสิ"
"น้ำมนต์เห็นมีผู้หญิงผมยาวตามคุณคีตะอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะน้ำมนต์เลยจ้องดูเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นวิญญาณผีตนไหน"
"ผี?!" แพรวพราวเองก็หวนนึกไปถึงเงาดำที่เธอเองเคยเห็นผ่านๆในห้องแต่งตัวเหมือนกัน
"ไม่เอาน่าน้ำมนต์ ผีเผอที่ไหนมี เอาเป็นว่าทำงานพลาดก็ปรับปรุงตัวแล้วกันนะจ๊ะไม่อย่างนั้นพี่คงต้องย้ายเธอไปทำงานจุดอื่นแทน แต่พี่เสียดายเห็นว่าเธอกับเพื่อนเป็นเด็กขยันไม่เกี่ยงงาน" ถึงแม้จะเคยเห็นแต่แพรวพราวไม่อยากเออออไปกับมนต์ชญาเพราะเธออาจจะตาฝาดก็เป็นได้
"แต่น้ำ...." มนต์ชญาพูดไม่ทันจบ
"พอเถอะน้ำมนต์ไม่มีใครเชื่อเธอหรอก ถ้าอยากเข้าใกล้คีตะเอาไว้เขาว่างๆอารมณ์ดีๆพี่จะขอเขาให้นะว่าน้ำมนต์อยากถ่ายรูปด้วย"แพรวพราวตัดบทเพราะไม่อาจเชื่อสิ่งที่มนต์ชญาพูดได้
"เฮ้อว่าละ" มนต์ชญาทอดถอนใจ
"ใครจะไปเชื่อแกร๊ น้ำมนต์เอ้ย" กำปั่นเสียงสูงเมื่อมนต์ชญาเล่าให้ฟังว่าแพรวพราวเรียกคุย
"แต่ฉันเห็นจริงๆนี่" มนต์ชญาแข็งขัน
"ก็มีแต่ฉันนี่แหล่ะที่เชื่อแก" กำปั่นตบไหล่เพื่อน
"จิ๊ดริดกับจ้อยร่อยก็เชื่อน้ำมนต์น๊า" สองรักยมออดอ้อน
"ถ้ามีแค่แกกับจิ๊ดริดจ้อยร่อยที่รู้มันจะไปมีอะโยชน์อะไรกันล่ะ คอยดูนะเจอดีขึ้นมาน้ำมนต์จะไม่ช่วยเลย หึ!" มนต์ชญาน้อยใจผสมงอนเล็กๆ
..................................................
"คีย์ คีย์ กลับหรือยัง" แพรวพราวมาตามหาคีตะจะได้ไปคิวงานอื่นต่อ
"อยู่ไหนนะ มีงานอีกที่นะคีย์" แพรวพราวเข้ามาที่ห้องแต่งตัวมองไปทางซ้ายและขวาก็ไม่เจอคนที่ตามหา แต่พอเดินมาใกล้โซฟาเธอก็ต้องตกใจสุดขีด
"กรี๊ดดด" แพรวพราวตะโกนลั่นเพราะสิ่งที่เธอเห็นคือผู้หญิงผมยาวในชุดพริ้วไหวสีดำ คงดูสวยไม่น้อยหากผมสลวยนั่นมีขนาดความยาวที่พอดีแต่มันกลับดูหลอนเพราะยาวเกินมนุษย์ปกติจะไว้กัน และมากไปกว่านั้น สาวชุดดำหันมามองเธอด้วยตาที่เหลือกขึ้นจนตาดำหายไปไม่มีแววตา
ภาพที่ผู้จัดการสาวเห็นเป็นหญิงชุดดำนั่งคร่อมทับอะไรอยู่ที่เธอไม่สามารถมองเห็นได้ คล้ายว่าร่างนั้นมันต้องการพรางตาไม่ให้ใครมองเห็นอะไรบางอย่าง เหมือนสุนัขที่นั่งเฝ้าเนื้อและรอเจ้าของ
แพรวพราวกรี๊ดจนสิ้นสติและนอนสลบลงที่พื้นในห้องแต่งตัว
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงช่างแต่งหน้าสาวสองนางหนึ่งก็เดินนวยนาดเข้ามาเพื่อเตรียมพื้นที่แต่งหน้าให้ดาราคนอื่นๆที่ต้องถ่ายทำรายการในสตูดิโอเดียวกัน
"ว๊ายแพรวพราว ใครอยู่ข้างนอกมาดูแพรวหน่อยนางเป็นลม" ช่างแต่งหน้าร่างใหญ่แต่เสียงเล็กแหลมมือไม้กรีดกรายตะโกนเรียกคนข้างนอก
"พี่แพรว! น้ำมนต์ไปเอากล่องยามาสิ มีแอมโมเนียหรือยาดมไหม" ทีมงานคนหนึ่งเรียกให้มนต์ชญาไปเอากล่องยา ทั้งน้ำมนต์และกำปั่นรีบวิ่งไปช่วยกัน
"นี่ค่ะพี่ยาดม ปั่นช่วยพัดหน่อย" มนต์ชญาวานให้เพื่อนช่วยพัดอีกแรง
"เป็นอะไรไปนะ ไม่ได้กินข้าวหรือเปล่า" แขไขช่างแต่งหน้าสาวสองถามเมื่อแพรวพราวลืมตาขึ้นมา
"ผะผะผี ฉันเห็นผี" ฟื้นขึ้นมาได้แพรวพราวก็รีบพูดด้วยความตกใจกลัวแทบไม่เป็นภาษาคน
"ผีที่ไหนนอนน้อยหรือเปล่ายะ นี่มันกลางวันแสกๆ"แขไขถามแกมกระแทกเสียงทำนองว่าไม่เชื่อ
"จริงๆฉันเดินเข้ามาตามคีย์แล้วเห็น ฉันพูดเรื่องจริง" แพรวพราวเริ่มสติแตก
"แล้วคุณคีย์ล่ะคะไปไหน" มนต์ชญาถามเมื่อแพรวพราวพูดถึงคีตะ
"ไม่เห็น พี่เข้ามาไม่เจอคีย์เจอแต่ผี" แพรวพราวยังพร่ำคำว่าผีไม่เลิก
"อยู่นั่นน้ำมนต์ผีตัวนั้นคลุมร่างพี่สุดหล่อเอาไว้" รักยมน้อยชี้ไปทางโซฟาที่คีตะนอนหลับอยู่แต่ไม่มีใครมองเห็น
"เดี๋ยวน้ำมนต์มานะคะ กำปั่นแกอยู่นี่ช่วยดูพี่แพรวเดี๋ยวฉันมา" มนต์ชญารีบวิ่งไปเอาของบางอย่างในกระเป๋าเป้เธอ
"ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้" มนต์ชญาเอาน้ำมนต์ที่พกใส่ขวดมาเทใส่แก้วและใช่กิ่งไม้ที่ไปเก็บหน้าสตูดิโอมาประพรมสะบัดไปที่วิญญาณตัวนั้น"
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด" เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณตัวนั้นดังจนมนต์ชญาแสบแก้วหู แต่มีเธอที่ได้ยินแค่คนเดียว
"เพล้ง" ส่วนคนอื่นๆได้ยินเป็นเสียงแก้วน้ำที่วางอยู่ในห้องแตกแทน
"อุ๊ย แก้วแตกเองได้ยังไง" แขไขร้องทัก
"อ้าว มาทำอะไรกันครับเนี่ย" คีตะฟื้นขึ้นก็งุนงงที่มีหลายคนมานั่งรวมกันอยู่ในห้องนี้
"คีย์ อยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรทำไมพี่ไม่เห็น" แพรวพราวงงเป็นไก่ตาแตกที่จู่ๆคีตะก็ลุกขึ้นจากโซฟาท่าทางงัวเงีย
"ผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบครับ หาววว" เขาพูดเหมือนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นพร้อมยกมือปิดปากหาวและบิดขี้เกียจ
"แต่พี่หาทั่วห้องแล้วพี่ไม่เห็นใครเลยนะที่โซฟาก็ไม่เห็น" แพรวพราวเลิ่กลั่กไปกันใหญ่เพราะอาการกลัวจนลนลาน
"อ้าว เธออีกแล้วหรือ" คีตะหันไปถามมนต์ชญา เหมือนว่าเจอมนต์ชญาทีไรก็มีอะไรให้วุ่นวายทุกที
"ไม่ช่วยดีไหมนะตาคีตะ" มนต์ชญากอดอกคิดในใจไม่ชอบใจในท่าทีที่เขามองและพูดกับเธอ
"เมื่อก่อนเคยคลั่งไคล้อยู่นะแต่ตอนนี้ชักไม่ปลื้ม ฮึ!"
................................
คีตะขอตัวไปห้องน้ำเขาได้ล้างหน้าล้างตาไล่ความง่วงและถอดแหวนเงินเกลี้ยงที่เคยได้มาจากแฟนคลับออกเพราะกลัวว่าล้างมือฟอกสบู่แล้วจะหลุดหาย แต่เมื่อเสร็จธุระเขาก็ลืมมันทิ้งเอาไว้ที่อ่างล้างหน้าเสียสนิท
.........