มนต์ชญาเริ่มเกร็งเมื่อต้องนั่งไปไหนมาไหนกับคีตะเพียงลำพังสองคน พอขึ้นรถมาได้เธอก็มองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรอยู่
"หาอะไรน่ะ" คีตะถามมนต์ชญา
"เปล่าค่ะ" เธอปฏิเสธเสียงมีพิรุธ
"มาก็เปล่าประโยชน์นะเธอ ขับรถก็ไม่เป็น เหมือนมานั่งรถให้ฉันขับ" คีตะบ่นแกมต่อว่า
"นี่น้ำมนต์มาตามคำสั่งพี่แพรวไม่ได้อยากมาด้วยเสียหน่อย อ่อ ก็ดีเหมือนกันนะคะ ขอบคุณที่ทำให้น้ำมนต์รู้สึกว่าวันนี้มีสารถีเป็นซุปตาร์" เธอทำหน้าทะเล้นใส่เขาเป็นการยียวนที่เขาว่าเธอ
"ก็ถือว่าสงเคราะห์เด็ก จดจำเอาไว้แล้วกันว่าวันนี้เธอได้นั่งรถฉันเป็นบุญก้นเธอ" คีตะเองก็ปากร้ายใช่ย่อย มนต์ชญาถึงกับเถียงไม่ออกได้แต่เก็บอารมณ์
"จิ๊ดริดจ้อยร่อยนั่งเฉยๆ" เสียงมนต์ชญาดุสองรักยมที่นั่งเล่นกันอยู่ที่เบาะหลังรถ
"ท่าจะเพี้ยน" คีตะมองเห็นเธอคล้ายหันไปพูดคนเดียวกับเบาะหลังรถที่ดูยังไงก็ว่างเปล่า
......................
"ฮัลโหล อาจารย์ ทำไมยังไม่เห็นผลอีก" มีเสียงหนึ่งโทรหาชายชุดดำ
"เอ็งต้องใจเย็นๆ รอหน่อยดวงมันยังไม่ตกของเข้าถึงยากแล้วอีกอย่างเหมือนมีใครคอยช่วยอยู่มันถึงได้แคล้วคลาดไปได้หลายครั้งหลายครา ตอนนี้อีชบาของข้าทำได้แค่เฝ้าติดตาม" ชายชุดดำอธิบายถึงสาเหตุ
"ต้องรออีกนานแค่ไหน ฉันจะได้สิ่งที่ฉันรอคอยเสียที"
"ยังไงก็ต้องรอเรื่องของดวงเรื่องของบุญเก่าที่มันมีเอ็งไปเร่งมันไม่ได้ ช้าๆได้พร้าเล่มงามเว้ย"
"ฉันจะเพิ่มเงินให้อีกถ้าสามารถเร่งเวลาให้ฉันได้" ปลายสายบอกเจตนาที่ร้อนใจยิ่งนัก
"ก็ต้องจ่ายหนักหน่อยถ้าอยากได้ทางลัด แล้วสั่งคนของเอ็งไปจัดการตามแผนได้เลย" ชายชุดดำกล่าวแบบให้ความหวังว่ามีลู่ทางทำให้คนที่โทรมาสมหวังได้
"หลังจากโอนไปแล้วหวังว่าจะเห็นอะไรก้าวหน้ามากกว่าเดิม" สั่งเสียเพียงแค่นั้นบุคคลดังกล่าวก็วางสายไป
"ไอ้หนุ่มนี่มันเสน่ห์แรงจริง"ชายชุดดำยิ้มที่มุมปากแล้วบริกรรมคาถาต่อไป
"อีชบามึงกินของเซ่นเสียให้อิ่มแล้วไปแก้ตัวแทนอีแก้วตาหน่อย อย่าให้ข้าเสียชื่อ" เขาลืมตาขึ้นมาพูดกับหลอดแก้วที่อยู่ในมือและวางมันลงบนโต๊ะที่มีแต่อาหารไม่ผ่านการทำให้สุกแต่อย่างใดและมีธูปเพียงหนึ่งดอกปักอยู่ตรงกลาง
...................
"อ่ะถือ" คีตะยื่นกระเป๋าสัมภาระให้มนต์ชญาถือตอนถึงที่หมาย
"อะไรนะคะ" มนต์ชญายังงงที่อยู่ดีๆเขาก็ยื่นกระเป๋ามาให้
"ก็ถือไง จะมานั่งรถเล่นเฉยๆไม่ได้นะ ช่วยถือกระเป๋าหน่อย"
"ค่ะ" มนต์ชญากระแทกเสียงใส่เล็กน้อย
"ตกลงนี่คือผู้ช่วยผู้จัดการดาราหรือเด็กถือของกันแน่นะ กลับไปทำงานกับกำปั่นยังดีเสียกว่า" มนต์ชญาบ่นไล่หลังเขา
"พี่คีย์คะ เดี๋ยวน้ำหวานช่วยถือชุดค่ะ" เด็กทีมงานในกองเดินเข้ามาหาเขาอย่างตั้งใจมือหนึ่งคว้าชุดเสื้อผ้าที่เขาถือมาส่วนอีกมือหนึ่งลูบไปที่ต้นแขนเขา
"ไม่เป็นไรครับพี่มีเด็กขนของมา" เขาจงใจพูดว่ามนต์ชญาเป็นเพียงเด็กถือของ
"ให้น้ำหวานช่วยดีกว่าค่ะ" น้ำหวานแย่งของจากมือเขาไปจนได้ ซึ่งอยู่มันสายตาของมนต์ชญา
"อะไรกัน" มนต์ชญาได้กลิ่นที่เหม็นฉุนจัดเหมือนซากสัตว์ตายเตะเข้าที่จมูกและเห็นมีวิญญาณเงาดำทะมึนเกาะที่ร่างของคีตะอีกแล้วแต่สักพักก็กลายเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามเขาไปเป็นเงาตามตัว
"จิ๊ดริดจ้อยร่อย เห็นอย่างที่น้ำมนต์เห็นไหม ตามไปดูตาขี้ตาให้หน่อย"
"ได้เลยขี้ตาๆรอด้วย" รักยมลอยตามคีตะไป
มนต์ชญายังคงจับตาดูคีตะว่าจะมีอะไรผิดหูผิดตาไปอีกหรือไม่ เธอรู้สึกได้ว่าผู้หญิงทีมงานที่ชื่อน้ำหวานพยายามเข้าหาเข้ามากเป็นพิเศษ
"น้ำค่ะพี่คีย์" น้ำหวานเอาน้ำที่ใส่ในแก้วของกองถ่ายติดชื่อของเขาแปะไว้ที่ข้างแก้วยื่นเสิร์ฟให้กับเขา
"เดี๋ยวน้ำมนต์เอาไปเติมน้ำแข็งให้ก่อนค่ะจะได้ชื่นใจ" มนต์ชญาคว้าแก้วตัดหน้าคีตะไปที่มือค้างอยู่ในท่ากำลังจะรับแก้วมา
"แต่น้ำหวานใส่มาแล้วนะคะ" น้ำหวานจะคว้าแก้วคืนมา
"มันน้อยไปค่ะเดี๋ยวน้ำมนต์ไปเติมให้เองค่ะสักครู่นะคะ" มนต์ชญานำแก้วน้ำของคีตะมาเพิ่มน้ำแข็งตรงจุดบริการอาหารและเครื่องดื่มของกองถ่ายแล้วเธอก็แอบหยดน้ำมนต์ที่แบ่งติดตัวมาด้วย
"นี่ค่ะได้แล้ว" มนต์ชญายื่นแก้วให้คีตะแบบแข็งๆทื่อๆจนเกือบจะโดนหน้าเขา
"ขอบใจ" เขารับมาแบบเสียไม่ได้ในอาการกระโดกกระเดกของเธอ
"ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ได้เป็นผู้ช่วยพี่แพรวแค่นี้ทำเป็นกันท่าพี่คีย์" น้ำหวานบ่นว่ามนต์ชญาที่มาขัดจังหวะ เธอเดินเลี่ยงออกไปแต่ยังคงแอบเมียงมองเขาอยู่เป็นระยะ
และสิ่งหนึ่งที่มนต์ชญาไม่คาดฝันคือเธอไม่สามารถเฝ้าให้คีตะอยู่ในสายตาของเธอตลอดเวลาได้
"พี่คีย์คะ น้ำหวานเอาน้ำมาเติมให้ค่ะ อุ๊ย!ว้าย! ขอโทษค่ะพี่น้ำหวานไม่ได้ตั้งใจ" น้ำหวานทำน้ำหกรดเสื้อเขาแบบจงใจแต่เสแสร้งทำเป็นกลัวและกังวล
"ไม่เป็นไรกำลังจะเปลี่ยนชุดเข้าฉากพอดี" คีตะใจดีเพราะเห็นน้ำหวานหน้าเสีย
"งั้นพี่คีย์ถอดเสื้อออกมาเลยค่ะน้ำหวานขอเอากลับไปซักให้ค่ะ" น้ำหวานอาสาเพื่อไถ่โทษ
"ได้ขอบคุณครับ" คีตะถอดเสื้อยืดตัวที่เปียกน้ำออกให้น้ำหวานแบบไม่รีรอเพราะเขากำลังกลับไปถ่ายละครต่อเลยไม่มีเวลามาพูดอะไรมาก
มนต์ชญาเดินกลับมาจากห้องน้ำสวนทางกับน้ำหวานไปเมื่อครู่ เห็นน้ำหวานที่เดินอมยิ้มไปคนเดียวจนพ้นสายตา เธอรู้สึกไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ
.....................
มนต์ชญารอคีตะทำงานจนเสร็จและติดรถเขาออกมาเพื่อขอลงข้างทางและต่อรถกลับบ้านเอง
"เธออยู่แถวไหนเดี๋ยวไปส่งให้ใกล้ๆ"คีตะแสดงน้ำใจ
"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ" มนต์ชญาปฏิเสธ
"ฉันไม่อยากให้ใครมาว่า ว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษใจร้ายใจดำกับผู้ช่วยผู้จัดการตัวเอง"
"อ๋อกลัวโดนครหาว่างั้นเถอะ"
"นี่ๆน้อยๆหน่อย เอาเป็นว่าจะไปส่งเธอจุดที่ใกล้ที่สุดแล้วกัน" คีตะเริ่มหมั่นไส้มนต์ชญาที่บังอาจต่อคำกับเขาแต่ก็ยังแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ
"คีตะ คีตะ"
"อะไรนะ เธอว่าอะไร" คีตะได้ยินเหมือนใครเรียกและคิดว่ามนต์ชญาเรียกเขา
"เปล่านะคะยังไม่ได้พูดอะไร" มนต์ชญาปฏิเสธแต่ในขณะเดียวกันเธอก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน
"คีตะ คีตะ" คีตะสะบัดหัวเหมือนไล่ความง่วงเมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้น
"เฮ้ย!" มนต์ชญาเห็นกระจิ๊ดริดและกระจ้อยร่อยกำลังดึงผู้หญิงคนหนึ่งออกจากรถทางเบาะด้านหลัง
"น้ำมนต์มันตามคุณขี้ตามา" สองรักยมน้อยบอกเสียงแหลมผสมเหนื่อยหอบที่ใช้กำลังดึงผู้หญิงผู้นั้นออกไป
"มาได้ไง ฉันเอาน้ำมนต์ให้ตานี่ดื่มแล้วนี่" มนต์ชญาตกใจเธอคิดว่ารู้ทันน้ำหวานและเอาน้ำมนต์ให้คีตะดื่มดักไว้แล้ว
"มึงอย่ายุ่ง ออกไป๊!" ผู้หญิงคนนั้นมองมนต์ชญาด้วยสายตาแข็งกร้าวดวงตาแดงกล่ำและก็ตวาดเสียงดังไล่รักยมทั้งสองตนออกไป
"ไม่ได้การละ" มนต์ชญาทำท่าจะปีนที่นั่งไปเบาะข้างหลัง
"นี่เธอจะทำอะไร ยัยบ๊องนั่งลง" คีตะเหมือนได้สติเรียกมนต์ชญาให้นั่งลง
"มีแขกไม่ได้รับเชิญขึ้นมาน้ำมนต์จะไปไล่มันก่อน"
"แขกไม่ได้รับเชิญบ้าอะไรเดี๋ยวตำรวจก็จับนั่งลงเฉยๆ" คีตะคิ้วขมวดด้วยพฤติกรรมของเธอ พอบอกว่าเดี่ยวตำรวจเห็นมนต์ชญาคิดได้ว่าเดี๋ยวทำให้คีตะเป็นข่าวเลยทำใจเย็นนั่งลงก่อนแต่ตายังหันไปมองเบาะหลังไม่วางตา
"คาถาของพ่อ" มนต์ชญาคิดถึงคาถาปราบผีที่บุญล้อมสอนเธอไว้ เธอจึงพนมมือและว่าคาถาบทสวดจน ผู้หญิงคนนั้นหายไปกับอากาศ
"เออ อยากจะไหว้พระสวดมนต์ก็นั่งลง" คีตะทั้งประชดทั้งงงกับอาการของมนต์ชญา
"เอ้า นี่น่าจะใกล้ที่สุดแล้ว ไปเองไหวแน่นะ จะให้พาไปหาหมอไหม" คีตะรู้สึกว่าเธอเพี้ยนเหมือนต้องการการรักษา
"น้ำมนต์ไม่ได้บ้านะคะ"
"ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ไปล่ะอย่าไปอาละวาดใส่ใครเค้าล่ะรีบกลับบ้านไป" คีตะเปิดไฟเลี้ยวเลียบรถเข้าจอดข้างทาง พูดทิ้งท้ายกวนประสาทเธอ
"นี่ฉันกำลังช่วยคุณอยู่นะ คุณขี้ตา" มนต์ชญาเท้าเอวบ่นคนเดียวตอนมองคีตะขับรถพ้นสายตาออกไปหลังจากมาส่งเธอที่สถานีรถไฟฟ้า
"นี่มันไม่ใช่ผีตัวเดิมนะน้ำมนต์ ตัวหนักมากเลย" รักยมตัวน้อยบ่นอุบ
.................