“เป็นความผิดของข้าวเองค่ะพ่อ ขวัญอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้ แต่ข้าวให้น้องไม่ได้ เราสองคนเลยแย่งกันจนทำมันขาด ข้าวโกรธเลยเผลอผลักน้องจนล้มค่ะ เป็นความผิดของข้าวเองค่ะ” ขวัญข้าวตอบพร้อมสะอื้นไห้อย่างหนักกับสภาพของตุ๊กตาที่ขาดจนไม่เหลือโครงเดิมให้ได้เห็น มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกเสียใจที่ปกป้องของขวัญชิ้นแรกที่พี่พีอุตส่าห์ให้มาไม่ได้ แต่ที่เสียใจยิ่งกว่านั้นคือนี่เป็นครั้งแรกที่เธอควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองไม่อยู่จนเผลอทำให้น้องสาวบาดเจ็บ
“จำไว้นะลูก ข้าวเป็นพี่ ต้องเสียสละให้น้อง” นี่คือประโยคที่ทุกคนมักจะคอยตอกย้ำให้เธอฟังอยู่เสมอตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าน้องสาวอยากจะได้อะไรก็ต้องได้ทุกครั้ง
แม้ว่าบางครั้งของที่น้องสาวอยากได้มันจะเคยเป็นของเธอมาก่อนก็ตาม และไม่ว่าเธอจะรักของชิ้นนั้นมากสักแค่ไหน ขอเพียงแค่น้องสาวปรารถนาอยากจะได้ เธอก็ต้องตัดใจจากมันแล้วยกให้น้องสาวไป
“ข้าวโกรธน้องไหมลูก” เมื่อได้รู้ถึงต้นตอของสาเหตุคนเป็นพ่อก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ มันเป็นความผิดของทุกคนที่พากันคิดเอาเองว่าขวัญนรีควรได้รับความห่วงใยมากกว่าขวัญข้าว ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเด็กสองคนนี้เกิดห่างกันแค่ไม่กี่นาที แม้อีกคนจะอ่อนแอกว่า แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ใครต่อใครจะรักเด็กสองคนไม่เท่ากัน เพราะผลสุดท้ายแล้วขวัญนรีก็กลายเป็นคนที่มีความเชื่อผิด ๆ ว่าอยากได้อะไรแล้วต้องได้ แม้ว่าของสิ่งนั้นมันจะไม่ใช่ของตัวเองก็ตาม
“ไม่โกรธค่ะ แต่ข้าวเสียใจ ตุ๊กตาตัวนี้พี่พีอุตส่าห์ให้ข้าวเป็นรางวัลที่ข้าวสอบได้ที่หนึ่ง ถ้าพี่พีรู้ว่าข้าวทำมันขาด พี่พีต้องโกรธข้าวมากแน่ ๆ เลยค่ะพ่อ” ความจริงที่เพิ่งได้รู้สร้างความภาคภูมิใจแก่คนเป็นพ่อไม่น้อย สุดท้ายเขาก็ได้แต่รั้งลูกสาวเข้ามากอดเหมือนทุกครั้ง
“ไม่ต้องร้องนะคนเก่งของพ่อ เอาแบบนี้ดีไหม เดี๋ยวพ่อเย็บใหม่ให้ เอาให้กลับมาน่ารักเหมือนเดิมเลย แต่ข้าวต้องหยุดร้องไห้ก่อน ตกลงไหม” คำปลอบโยนนั้นได้ผลเมื่อขวัญข้าวหยุดร้องไห้ก่อนจะเฝ้ารอพ่อที่คว้ารถมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกไปซื้อด้ายกับเข็มที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อมาเย็บตุ๊กตาให้เธออย่างใจจดใจจ่อ
แต่ไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนก็ไม่มีวี่แววว่าพ่อของเธอจะกลับมา กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านเวลาก็ล่วงเลยไปถึงกลางดึกเมื่อมีคนในละแวกบ้านขับรถมาส่งข่าวร้าย ว่ารถมอเตอร์ไซค์ของพ่อเธอเกิดประสานงาเข้ากับรถบรรทุก เป็นเหตุให้ท่านเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
ทุกคนโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดเธอ การตายของพ่อจะไม่เกิดขึ้นหากเธอไม่ร้องไห้อยากได้เข็มกับด้ายเพื่อมาเย็บตุ๊กตาที่ขาด หลังจากวันนั้นชีวิตของเธอกับน้องสาวก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย
หกปีต่อมา
เสียงเคาะประตูห้องที่ดังรัวไม่ยอมหยุดทำให้ขวัญข้าวในวัยยี่สิบสามปีต้องลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปเปิดประตู ก่อนจะพบเข้ากับน้องสาวที่แทรกตัวเข้ามาในห้องพร้อมกับข่าวคราวของใครบางคน
“พี่พีจะกลับมาแล้วนะ แม่รู้มาจากป้ากมลเมื่อวานตอนที่นั่งรถไปวัดด้วยกัน” ข่าวจากคนไกลไม่ได้ทำให้เธอตื่นเต้นเหมือนกับคนอื่น ๆ ในบ้าน เพราะไม่ว่าเขาจะอยู่หรือไปมันไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีกแล้วตอนนี้ สิ่งเดียวที่เธอต้องให้ความสนใจคือความเป็นอยู่ของแม่กับน้องสาว ส่วนเรื่องอื่นเธอไม่อยากรับรู้โดยเฉพาะเรื่องของคน ๆ นั้น
“พี่รู้แล้ว” แม้จะพยายามไม่สนใจ แต่ข่าวคราวของ ‘เขา’ ก็ถูกบอกเล่าให้ได้รับรู้ตลอด ซึ่งเป็นเธอเองที่ทำเหมือนไม่สนใจ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเวลาที่ผ่านมาหลายปีมันไม่ได้เปลี่ยนความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาไปได้เลย ไม่ว่าเธอจะพยายามสักแค่ไหนหัวใจเธอมันก็รักแค่เขาอยู่ดี
“พี่ข้าวว่าพี่พีจะเป็นยังไง จะหล่อขึ้นไหม” ขวัญนรียังคงไม่หยุดอาการเพ้อฝัน ต่างจากคนเป็นพี่สาวที่ยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานแปลเอกสารในมือ ไม่มีทีท่าว่าจะเงยหน้ามาแสดงท่าทีตื่นเต้นต่อการกลับมาของคนที่กำลังถูกกล่าวถึงอยู่เลยแม้แต่น้อย
“เอาเวลาไปตั้งใจเรียนเถอะขวัญ ปีนี้พี่อยากให้ขวัญเรียนให้จบ” เพราะเรียนเก่งเลยทำให้ขวัญข้าวเรียนจบก่อนขวัญนรีน้องสาว ตอนนี้เธอได้งานเป็นพนักงานบริษัทส่งออกแห่งหนึ่ง แม้รายได้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็พอเลี้ยงดูคนในบ้านให้ผ่านไปได้แต่ละเดือน
นับตั้งแต่วันที่พ่อผู้ซึ่งไม่ต่างอะไรกับเสาหลักเดียวในบ้านจากไป บ้านของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย เธอต้องออกไปทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองกับน้องสาวเรียน ในขณะที่มารดาที่ไม่เคยทำงานหนักก็ต้องรับจ้างเย็บผ้าอยู่บ้านเพื่อหาเงินช่วยเธออีกทาง
ความลำบากที่ได้เผชิญทำให้ตอนนี้เธอกลายเป็นเสาหลักของบ้านแทนพ่อเข้าไปทุกวัน ซึ่งมันเป็นหน้าที่ที่เธอพร้อมจะสานต่อจากท่านด้วยความเต็มอกเต็มใจ แม้จะไม่เก่งเท่า แต่เธอจะไม่มีวันยอมแพ้ต่อโชคชะตา ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“ก็ขวัญไม่ได้เรียนเก่งเหมือนพี่ข้าวนี่ แต่จะพยายามแล้วกัน” คนเป็นน้องสาวตอบรับกลับมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก แต่แค่อีกฝ่ายบอกว่าจะพยายามเธอก็ดีใจมากแล้ว อย่างน้อยก็อยากให้น้องสาวเรียนจบเพื่อแม่
แม่คงมีความสุขที่ได้เห็นวันแห่งความสำเร็จของลูกสาวสุดที่รัก ต่างจากลูกชังอย่างเธอ ที่แม้แต่วันรับปริญญาท่านยังไม่ยอมไปร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเธอก็เข้าใจดี ไม่คิดโทษโกรธใครนอกจากตัวเอง ที่เป็นต้นเหตุทำให้พ่อต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นรู้ซึ้งอยู่ทุกวันว่าเป็นเพราะเธอ