‘โครงการสีระวัฒนา’
ชื่อโครงการที่สะดุดตา ตัวใหญ่เบ้อเร่อที่ติดอยู่ตรงทางเข้า
‘คุ้นๆ’ ความคิดเกิดขึ้น รินดาเลี้ยวหัวรถเข้าไปในโครงการนั้น สำนักงานตั้งอยู่ไม่ห่างจากปากทางมากนัก
“เหนื่อยยังไง ก็ต้องเริ่มเลยใช่ไหม” เธอถามตัวเอง
หยิบกระเป๋าและอุปกรณ์ที่จำเป็น และกล้องถ่ายรูปขนาดกะทัดรัดพอดีมือ ดีกว่าใช้ ไอแพดที่ใหญ่เทอะทะ ไม่ลืมสมุดโน้ต มือถือ และเธอได้หยิบนามบัตรติดมือมาหนึ่งใบ
ตื๊ด... ตื๊ด... เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้า
(“รีบหน่อย เขารออยู่แล้ว”)
“ค่ะบอส” เธออ่านจบก็พูดกับมือถือทันที และส่ายหน้าเบาๆ
ขายาวๆ ของรินดาก้าวฉับๆ เข้าไปในสำนักงานข้างหน้า
“สวัสดีค่ะ ดิฉันรินดามาจาก เอสบี อินทีเรีย ค่ะ” รินดาแนะนำตัวกับประชาสัมพันธ์ที่นั่งอยู่ตรงนั้น
“อ๋อ สวัสดีค่ะคุณรินดา คือว่า เดี๋ยวพายให้คนขับรถไปส่งที่ห้องพักตัวอย่างนะคะ บอสไปรออยู่แล้วค่ะ” หญิงสาวที่เอ่ยชื่อตัวเองว่าพาย กระวีกระวาดออกมาจากเคาน์เตอร์ด้วยอาการรีบเร่ง
“มันก็ไกลน่ะค่ะ” รินดาพูดเหมือนแก้ตัว เพราะเลยเวลานัดมาแล้วกว่าครึ่งชั่วโมง
“ค่ะ พายเข้าใจ แต่...” เธอไม่พูดต่อ และเดินเร็วไปเรียกคนขับรถ ก่อนจะส่งรินดาให้ขึ้นไปนั่ง สั่งการกับคนขับรถ ว่าให้พารินดาไปที่ไหน
พายยกมือโบกลา ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“โชคดีนะคะคุณรินดา” เธออวยพรเสียงเบาๆ ตามหลัง
รถกอล์ฟคันนั้นวิ่งเข้าไปในโครงการผ่านบ้านตั้งหลายหลัง แต่ไปหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่มีเนื้อที่และบริเวณมากที่สุด และติดอยู่กับโขดหิน และด้านหน้าเป็นท้องทะเลกว้างใหญ่ หญิงสาวกล่าวขอบคุณคนขับรถเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปตามทางลาดเล็กน้อย
“สวยมากๆ” เธอมองไปรอบๆ ที่เป็นเวิ้งทะเลสุดสายตา สีขาวของคลื่นตีกันเป็นก้อนๆ ส่งแสงประกายระยิบระยับท้าแสงแดดเวลาบ่ายสองโมง
ตื๊ด...ตื๊ด... มือถือในกระเป๋าเสื้อของเธอสั่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ยายริน ถึงไหนแล้ว???” แค่เห็นข้อความเธอก็รีบเร่งฝีเท้า ก้าวขึ้นตามบันไดปูนที่วางหินสีดำกันลื่น
‘ตามอยู่ได้ รู้แล้วค่ะ ถึงแล้วค่ะ’ เธอบ่นกระปอดกระแปด เงยหน้ามองไปที่บ้านหลังนั้น ค้อนไปถึงบอส
‘จะยังไงเนี่ย เร่งจะแย่แล้ว หึ...’ รินดาก็บ่นไปแบบนั้นแหละ แต่ก็ตั้งหน้าและทำใจว่าเธอต้องโดนต่อว่าอยู่แล้ววันนี้
ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก...
เธอยกมือขึ้นเคาะประตู รินดาเห็นผู้ชายเดินมาทางประตู และเปิดมันออก
สายตาที่จ้องสบมา เธอไม่เคยลืม รินดาคอแข็งขึ้นมาทันที
ป้องณวัฒน์มองผู้หญิงตรงหน้า เขาไม่เคยลืมสายตาคู่นี้ ผู้หญิงที่เขาเคยได้แล้วทอดทิ้ง
‘รินเหรอ’ เขาถามตัวเองในใจ สีหน้าแปลกใจเป็นที่สุด รินดาเธอเปลี่ยนไปมาก สวยขึ้น ขาวขึ้น และสดใสขึ้น
‘เส็งเคร็งจริงๆ ไอ้คนเลว...’ เธอด่าเขาในใจ ตอนนี้ตาที่มองเขาไม่มีความเป็นมิตรเอาเสียเลย เธอเริ่มตัวสั่น และหายใจแรงขึ้น เรื่องราวในอดีตเมื่อเจ็ดปีที่แล้วโผล่เข้ามาในหัว สองมือของรินดากำเข้าหากันแน่น
“คุณมาจาก เอสพี อินทีเรีย ใช่ไหม” เขาเอ่ยปากถามเหมือนจำเธอไม่ได้ ยิ่งทำให้รินดาคอแข็งและกลืนน้ำลายลงคอ ความเจ็บปวดที่ทำท่าจะลืมได้แล้ว กลับเข้ามาตอกย้ำในหัวใจอีกครั้ง
“ค่ะ ใช่ ฉันรินดา” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ
“ผมป้อง ป้องณวัฒน์” เขายื่นส่งมือไปตรงหน้า แต่รินดาใช้หัวไหล่ของตัวเองกระแทกเข้าไปบนตัวเขา และเดินผ่านเข้าไปในห้อง ไม่ไยดีที่จะจับกระชับมือกับเขาเหมือนธรรมเนียมฝรั่ง เขาถึงกับเก้อ
รินดาเธอเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว ไม่ใช่เด็กสาวที่จะหลงคารมของใครง่ายๆ เจ็บแล้วต้องจำ
“เลว... ฉันอยากจะฆ่านาย” เธอยังสบถคำนี้ออกมาพึมพำ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ในบรรยากาศที่ยังคลุมเครือ
“เริ่มงานเลยนะคะ” เธอหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเขา แล้วจ้องสบตาอย่างไม่ลดละ แต่แววตานั้นมองออกมาแบบอาฆาตมาดร้ายอย่างชัดเจน
“สบายดีไหม” เขาถามขึ้น แค่ได้ยินคำถามเธอก็ตัวเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มเยาะที่มุมปาก
“หื้อ....ก็สบายดีค่ะ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่รู้สึกอะไร และยังไม่ตาย ลมหายใจก็ยังมีอยู่” เธอตอบเขาเป็นชุดเหมือนระบายความอึดอัดบางอย่าง แต่ก็มองเขาด้วยหางตาแล้วเริ่มขยับปลายเท้าเดินสำรวจไปทั่วห้อง แล้วยกกล้องถ่ายรูปเก็บภาพตามมุมต่างๆ ที่ได้รับคำสั่งมา
“ห้องเดิมๆ เนี่ยมันดูเชยๆ เลยอยากเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด” เขาพูดและเดินตามหลังเธอไปรอบๆ รินดาไม่ตอบ แต่ก็เดินไปทั่วทุกมุม และเริ่มเข้าไปในห้องหับต่างๆ ที่มีอยู่ถึงสามห้อง เขาตามประชิด
รินดาวันนี้ไม่เหมือนเมื่ออดีต วันนี้เธอสูงยาวขาวใส แล้วสีผิวสว่างตัดกับชุดสีดำที่เธอใส่มาในวันนี้ และรองเท้าส้นสูงเกือบสามนิ้ว สีแดงเพลิงเงาวับ ยิ่งตัดกับผิวกาย ผมที่ยาวถึงกลางหลังและเหยียดตรงกระเพื่อมไหวสะบัดเวลาที่เธอเดิน สะโพกพายกลมมนดูมีมัดกล้ามเนื้อมากกว่าเดิม แล้วเธอยังอาจหาญโนบราเสียด้วย แผ่นหลังที่ขาวสะอาดโผล่พ้นเนื้อผ้าเผยความงามจนคนเดินตามต้องกลืนน้ำลาย
“นี่ชุดมาทำงานหรือ” เขาเอ่ยถามเธอ ทำให้คนที่ถูกถามหันหน้ากลับมาดังขวับ
ปึก...
ร่างของเธอชนเข้ากลับแผงหน้าอก ด้วยส้นของรองเท้าที่สูงทำให้เธอสะดุด ป้องณวัฒน์รับร่างของเธอเอาไว้ทันที ตอนนี้รินดาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาเสียแล้ว
เธอยกแขนขึ้นกัน แล้วผลักร่างของชายหนุ่มออกไปให้ห่างจากตัวอย่างแรง พลั่ก... ก่อนจะตามไปด้วยฝ่ามืออรหันต์
เพี้ยะ...เพี้ยะ...เพี้ยะ...
ใบหน้าที่ถูกกระทบด้วยฝ่ามือแดงเงยขึ้นมาทันที ป้องณวัฒน์ถึงกับยกมือของตัวเองขึ้นมากุมหน้า
“ฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน จะแต่งตัวยังไง คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ หรือถามแบบเสียมารยาทแบบนี้” เธอหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธซึ่งทุกสิ่งมันสุมรวมก่อตัวอยู่ก่อนแล้ว
“อืม...” ชายหนุ่มทำเสียง ยกมือขึ้นลูบปลายคางของตัวเอง
ถามว่าเขาโกรธไหม เขาคิดว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของรินดาดีนะ หญิงสาวที่ถูกพรากพรหมจรรย์ แล้วเขาก็ทิ้งเธอทันที ไม่เคยกลับไปพบเจออีกเลย
“มีอะไรต้องให้รายละเอียดดิฉันอีกไหมคะ” เธอถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เพิ่งใช้ฝ่ามือตบหน้าเขาไปเมื่อกี้นี้ เมื่อเขาไม่ตอบเธอก็สะบัดตัวหันหลังกลับไปทำงานเหมือนเดิม
สวบ... อ้อมแขนใหญ่สวมกอดเข้าไปที่ด้านหลังของเธอทันที รั้งรัดร่างของเธอให้เข้ามาหาแนบชิดกาย ก่อนจะจรดปลายจมูกลงไปบนซอกคอขาวเนียน
“อึ...” เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ หันหน้ามามองใบหน้าคมเข้มของป้องณวัฒน์ที่อยู่ใกล้ๆ
จุ๊บ... เขาจุ๊บปากของเธอทันที