“คุณรินดาครับ ผมซื้อมาตั้งเยอะแยะ ผมตั้งใจจะมากินด้วยกับคุณ”
“ฉันกินไม่ลงหรอก ถ้าเห็นหน้าคุณแบบนี้ แค่หายใจใช้อากาศร่วมกับคุณแล้ว ฉันเหมือนอยากจะกลั้นใจตาย” เธอพูดจริงๆ เดินไปเดินมา ก่อนจะสะบัดตัวหมุนไปยังระเบียงสูดอากาศบริสุทธิ์ เพราะโกรธเกลียดเขาจนหายใจไม่ออกจริงๆ
ป้องณวัฒน์ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง มันก็สมควรหรอกที่รินดาต้องเกลียดชังเขา
เขาจัดการอาหารที่ซื้อมาแล้ว ใส่ถ้วยจาน ก็ออกมาตามเธอถึงข้างนอก
“คุณ... เราต้องทำงานด้วยกันอีกหลายวันนะ ยังไงญาติดีกับผมสักนิดไม่ได้เหรอ”
รินดาพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง หลับตาสนิทก่อนจะกะพริบติดๆ กันหลายครั้ง
“คุณป้องณวัฒน์” เธอเรียกชื่อเขาเสียเต็มยศ แล้วหันมาเผชิญหน้า
“ที่จริง งานนี้เป็นงานของพี่ต่อ แต่ถ้าคุณทำให้ฉันอึดอัด ฉันจะถอนตัว” เธอว่าใส่หน้าของเขาแบบไม่เกรงใจ สายตาเหมือนจะฟาดฟันให้ป้องณวัฒน์ตายไปให้ได้ตรงนั้น
“ริน...” เขาทำเสียงอ่อย ฉวยข้อมือของเธอทันที ก่อนจะรวบร่างที่เซๆ เข้ามาหา สอดแขนรั้งเธอขึ้นสู่อ้อมแขน พาเธอกลับไปนั่งที่โต๊ะกินอาหารที่เขาจัดการเรียบร้อยแล้ว
“เอ๊ะ... นายเนี่ย พูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม” เขารัดร่างของเธอแน่นเข้าไปอีก จ้องตาแบบเข้มๆ ริมฝีปากเม้มปิดสนิท
“โอเค คุณต้องกินข้าว ต้องกินยา ผมรู้ว่าคุณโกรธและเกลียดผม” เขาพูดแทงใจดำ รินดาสะบัดหน้าไปอีกทาง
โครกคราก... ท้องเจ้ากรรมก็ดันทำเสียงดังขึ้นมาจนน่าเกลียด ป้องณวัฒน์ส่งยิ้มให้ เธอขบเม้มริมฝีปากล่างของตัวเองทันที
‘ไอ้ท้องบ้า จะร้องขึ้นมาทำไมตอนนี้’
ป้องณวัฒน์ไม่สนใจเขาก้าวขาอุ้มพาร่างของเธอวางลงไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง
“นั่งลง แล้วกินซะ” เขาออกคำสั่งเสร็จ เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาเทรินใส่แก้วไว้ให้
“พอคุณกินอิ่ม น้ำคงหายเย็น เดี๋ยวผมค่อยจัดการให้แม่บ้านเอาน้ำดื่มที่ไม่เย็นมาให้” เขาพูดเหมือนใส่ใจว่าเธอไม่ดื่มน้ำเย็น
อาหารที่จัดใส่จานเรียบร้อย ส่งกลิ่นหอมกรุ่นฟุ้งไปหมด รินดากลืนน้ำลายลงคอ ตอนนี้ท้องไส้ก็ร้อนรนอยากให้เจ้าของร่างพาอาหารเหล่านั้นลงไปในคอ
ป้องณวัฒน์ยัดช้อนกับส้อมใส่ไปที่มือของเธอ แล้วเขาก็เดินไปนั่งอยู่เก้าอี้ตรงกันข้าม และเริ่มตักอาหารใส่ในจานข้าวของรินดา และตักกินไปเงียบๆ
“ชิ...” เธอยังทำเสียงขึ้นจมูกประชดประชันเขา แต่ก็จำใจตักข้าวใส่ปาก เพราะตอนนี้เริ่มหิวจัดเอามากๆ
“อร่อยไหม” เขาถาม
“ถ้าคุณจะกินไปอย่างเงียบๆ ทำเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้จะดีมากๆ” เธอสวนน้ำคำกลับไปในทันที
“เฮ้อ...” ป้องณวัฒน์ถอนหายใจเสียงดังให้เธอได้ยิน แต่ก็กินไปมองพิศใบหน้าของรินดาไปด้วย
หญิงสาวรู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด เธอรู้ว่าเขามองจ้องตลอดเวลา รินดารีบกินให้เสร็จๆ จนสำลัก
แค่ก แค่ก แค่ก... เธอทำเสียงไอ แล้วรีบยกน้ำขึ้นมาดื่ม ป้องณวัฒน์ลุกขึ้นมาลูบหลังให้อย่างเป็นห่วง เธอเหมือนอยากจะปัดสะบัดมือใส่เขา แต่ตอนนี้ก็ต้องการความช่วยเหลือจากเขาจริงๆ
“จะรีบไปไหนกัน” ชายหนุ่มตำหนิ เธอส่งสายตามองค้อน ก่อนจะหยิบทิชชูมาซับน้ำตา แล้วก็พานอิ่มไปเสียดื้อ
กริ๊ง... เสียงมือถือของรินดาดังขึ้น เธอหันซ้ายหันขวา เพราะจำไม่ได้แล้วว่าเอาวางไว้ตรงไหน แสงไฟที่กะพริบให้เห็น ป้องณวัฒน์รีบเดินไปหยิบมาให้
ภาพบนหน้าจอเป็นรูปของเด็กชายที่ถ่ายแนบใบหน้าคู่กับรินดา สายตาของเด็กชาย คิ้วที่ดกเข้มเหมือนๆ กันกับเขา และปากหยักที่ยั่วเย้าเหมือนกับริมฝีปากของป้องณวัฒน์ไม่มีผิด
“หื้อ...” เขาสะดุดตากับเด็กชายคนนี้มาก
รินดาหยิบมือถือมาจากมือของเขา
“อย่ามายุ่งกับของของคนอื่น” รินดาชักตาเข้าใส่ พอเห็นใบหน้าของลูกชายก็ใจเต้น หันไปสบตากับสายตาของป้องณวัฒน์ที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“กินอิ่มก็กลับไปได้แล้ว ขอบใจ แต่ครั้งต่อไปไม่ต้องนะคะ ฉันช่วยเหลือตัวเองได้” เธอหมุนตัวไปที่ระเบียงทันที ได้เวลาที่ต้องคุยกับน้องอินดี้แล้ว ซึ่งเธอจะทำเป็นประจำทุกวัน ป่านนี้ลูกคงคอย เพราะเลยเวลามากว่าห้านาทีแล้ว
“คุณแม่ฮับ...” เด็กน้อยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ
รินดายิ้มให้กับตัวเอง แต่ก็มองหางตามาทางในห้องว่าป้องณวัฒน์จับจ้องเธออยู่หรือเปล่า หรือว่าเขาทำอะไรอยู่
“อินดี้ครับ คนเก่งของแม่ ทำการบ้านหรือยังครับ”
“ทำแล้วครับแม่ คุณแม่ครับครูนิวชมอินดี้ด้วยครับวันนี้ ครูบอกว่าอินดี้ตัวหนังสือสวย แล้วครูนิวให้ดาวอินดี้ตั้งห้าดวง”
“จริงหรือครับ เก่งจังเลยลูกแม่”
“แม่ฮับ... แม่สัญญากับอินดี้แล้วนะฮับว่าปิดเทอมแม่จะพาอินดี้ไปเที่ยวทะเล อินดี้อยากเห็นทะเล”
“เราสัญญากันแล้ว แม่ไม่ลืมหรอก แต่ว่าอินดี้รับปากแม่แล้วนะว่าต้องเรียนได้ที่หนึ่ง”
“อินดี้ต้องได้ที่หนึ่งอยู่แล้วฮับแม่” เด็กชายส่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
“แม่ฮับวันนี้ไม่ต้องเล่านิทาน แต่แม่เล่าเรื่องที่แม่ทำงานให้อินดี้ฟังดีกว่านะฮับ อินดี้เบื่อนิทานที่แม่เล่าแล้ว”
“งานแม่วันนี้หรือคะ” เธอนึกตาม ตอนนี้คนต้นเรื่องมายืนเมียงมองเธออยู่ที่ประตู พอหันไปสบตากับป้องณวัฒน์เธอก็ทำคอแข็ง สีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนไปในทันที
“อินดี้ครับ บอกคุณพ่อนะว่าแม่จะกลับวันศุกร์หน้า” เธอเสไปเรื่องอื่น เด็กน้อยถึงกลับงงๆ ถามแม่กลับ
“คุณแม่ฮับ แล้วพ่อจะกลับลงมาจากสวรรค์แล้วหรือฮับ”
“จ้ะ...” ปากก็บอกลูกไป ที่ใจเต้นแรงกับคำตอบโง่ๆ ของตัวเอง หันหน้าหนีจากสายตาของป้องณวัฒน์ที่มองมา
“อินดี้แม่ยังติดงานอยู่ อินดี้นอนได้แล้วนะครับ”
“แม่ฮับ เดี๋ยวก่อนฮับ อินดี้ขออนุญาตดูการ์ตูนก่อนนอนเรื่องหนึ่งได้ไหมฮับ”
“ได้สิครับลูก กู๊ดไนต์นะ จุ๊บๆ” เธอจุมพิตพร้อมทำเสียงดังออกไปด้วย้้ แล้วกดวางสาย
“ผมจะกลับแล้วนะ”
“เชิญค่ะ โน่นประตู”
ป้องณวัฒน์กลับออกจากห้องของรินดาไปแบบฉงน คำถามเต็มไปหมดในหัวสมองของเขา
เขาหยิบมือถือมาโทรหาเพื่อนที่เปิดสำนักงานนักสืบให้สืบเรื่องราวของรินดาและลูกชายของเธอในทันที
หญิงสาวนั่งลงอย่างอ่อนล้า รู้สึกขาอ่อนแรงไปหมด
“โธ่เอ๊ย...” เธอสบถออกเสียง ก่อนจะแผ่หลาลงไปนอนเต็มเตียง
“ฉันเกลียดคุณ”