บทที่ 1 คดีฆาตกรรม

1124 Words
      ตึง! ตึง! ตึง!            เสียงฝีเท้าของเหล่ามือปราบนับสิบนาย พุ่งเข้าไปในจวนสกุลฉง คนในบ้านทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ห้องโถง หน้าตาแต่ละคนล้วนแตกตื่น ใต้เท้าฉงเจ้าของจวนเป็นขุนนางใหญ่กรมพิธีการนั่งหน้าเครียดอยู่เก้าอี้กลางห้อง ด้านขวามือเป็นอวี๋ฮูหยินที่ใบหน้าซีดเซียวจนแทบจะเป็นสีกระดาษ            “ข้าน้อยโหยวอีหัวหน้าหน่วยมือปราบที่หนึ่งขอรับ!”            “เป็นอย่างไรบ้างหัวหน้าโหยว? พบร่องรอยคนร้ายบ้างหรือไม่?”            “ไม่เลยขอรับ! ดูเหมือนจะแทงเพียงครั้งเดียวนางก็สิ้นใจ” โหยวอีส่ายหน้าอย่างจนใจ คดีนี้แปลกยิ่งนัก ผู้เคราะห์ร้ายคือบุตรสาวคนที่สามของใต้เท้าฉงนาม ‘ฉงเยว่’  นางเสียชีวิตเพราะถูกแทงด้วยมีดสั้นปักคาอก ฟุบหน้าลงกับโต๊ะกลมกลางห้องนอน ในห้องมีเพียงเศษกระเบื้องกาน้ำชาและถ้วยน้ำชาที่แตกกระจัดกระจาย ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ที่พอจะวินิจฉัยเหตุการณ์ได้ “ข้าน้อยกำลังให้คนบันทึกสภาพที่เกิดเหตุโดยละเอียด ประเดี๋ยวจะมีจิตรกรมาวาดภาพเหตุการณ์เอาไว้ แล้วจะนำศพนางไปชันสูตรที่สำนักมือปราบขอรับ”            “ท่านพี่! แล้วพวกเราที่เหลือจะปลอดภัยหรือเจ้าคะ? ในเมื่อเรายังไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นฆาตกร? ขะ ข้า กลัวเจ้าค่ะ!” อวี๋ฮูหยินดวงตาสั่นระริก นางได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากเรือนที่สี่ของอนุกัว บรรดาบ่าวกับสาวใช้พากันจุดคบไฟสว่างไสวแล้วรีบออกมาดู ครั้นเข้าไปจนถึงห้องนอนของฉงเยว่กลับเจอภาพชวนสะพรึง            “นั่นน่ะสิ! จะทำเช่นใดดีเล่าหัวหน้าโหยว? ดูเหมือนในจวนของข้าจะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว”            โหยวอีถอนหายใจเบาๆ “เช่นนั้นคืนนี้ข้าน้อยจะจัดมือปราบสักสิบคนคอยอยู่ดูแลภายในจวนก่อนขอรับ พรุ่งนี้ค่อยหารือว่าจะเอาอย่างไรต่อไป?”            “ดีๆ รบกวนท่านหัวหน้าหน่อยก็แล้วกัน”            โหยวอีรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลภายในจวนสกุลฉง เขากวาดตามองไปยังคนทั้งหมดที่ยืนรายล้อมอยู่ ใต้เท้าฉงมีอนุภรรยาถึงสี่คนและบุตรทั้งหมดแปดคน ทุกคนล้วนอยู่อาศัยในนี้ ในเวลาเกิดเหตุต่างก็ปฏิเสธว่าตนเองไม่รู้ไม่เห็นเพราะเป็นเวลาเข้านอนแล้ว            ‘นี่มันงานใหญ่ชัดๆ พรุ่งนี้คงต้องสอบสวนกันยาวเลยทีเดียว’            หัวหน้าโหยวไม่กล้าปล่อยให้ลูกน้องอยู่เฝ้าที่นี่เอง เขาจึงส่งคนไปแจ้งให้ฮูหยินของตนทราบว่าเขาจำต้องนอนเฝ้าจวนสกุลฉงเพราะเกิดเหตุร้ายแรง            “ให้ตามมือปราบจั๋วด้วยหรือไม่ขอรับ?”            “ยังหรอก พรุ่งนี้เขาต้องมาสำนักมือปราบอยู่แล้ว”            โหยวอีนึกถึงรองหัวหน้าหน่วยที่ลากลับบ้านในอำเภอเฉิน จั๋วเหรินหาวมีวรยุทธ์สูงและทำงานเข้มแข็งจริงจัง เกิดเรื่องในยามที่มือปราบจั๋วไม่อยู่ โหยวอีก็ขาดคู่หูคอยปรึกษาเรื่องคดี...นี่มัน! คดีสำคัญเสียด้วย!                        เช้าวันต่อมา ‘หมายเหตุข่าว’ ซึ่งเป็นการขายข่าวของสำนักนกกระจิบก็เขียนถึงคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในสกุลฉง คนทั้งเมืองหลวงล้วนตกอกตกใจไปตามๆ กัน พวกเขารู้กันดีว่าคุณหนูแปดสกุลฉงเป็นสาวงามอันดับหนึ่งประจำปีนี้ นางเป็นบุตรีของฮูหยินเอกคนใหม่ของใต้เท้าฉง ส่วนผู้ตายคือฉงเยว่บุตรีที่เกิดจากอนุภรรยาคนที่สองซึ่งก็มีความงดงามไม่น้อย ไม่ว่าผู้ใดได้ยินก็ล้วนเสียดายในตัวนางแทบทั้งสิ้น            “เห็นว่ายังจับตัวฆาตกรไม่ได้ จวนสกุลฉงคนมากมายถึงเพียงนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจจะเป็นฝีมือของคนใน?”            “นั่นน่ะสิ! การลอบเข้าไปฆ่าคุณหนูสาม นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย หากเป็นคนในลงมือล่ะก็...มีโอกาสทำได้ง่ายกว่า”            “โหดร้ายถึงขนาดแทงหัวใจเลยเชียวนะ”            คำวิพากษ์วิจารณ์พวกนั้นดังกระหึ่ม ไม่ว่าฉงหยวนหยวนจะเดินไปทางใดล้วนมีผู้ทักทายถามไถ่ถึงเหตุการณ์จนนางต้องคอยหลบเลี่ยง จากที่คิดจะออกมาผ่อนคลายความตึงเครียดกลับกลายเป็นรู้สึกปวดหัวหนักกว่าเดิม            “เจ้าพาข้ากลับบ้านเถอะ! ผู้คนรู้เรื่องกันทั้งเมืองแล้ว ข้าขี้เกียจตอบคำถามพวกเขายิ่งนัก”             ใช่ว่านางจะรู้สึกสบายใจ ความตายของฉงเยว่สร้างความหดหู่ให้กับคนในจวนสกุลฉงอย่างมาก ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว สาวใช้ของอนุหนงภรรยาคนล่าสุดของบิดาก็เพิ่งจมน้ำตายเพราะเป็นการตายของสาวใช้ที่คาดว่านางตกน้ำไปเองจึงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตนัก แต่การมีคนตายผิดธรรมชาติในจวนก็สร้างความปั่นป่วนให้ทุกคนอยู่ไม่น้อย            “คุณหนู ตอนที่หลินเฉินตาย ข้าก็กลัวแทบแย่ คราวนี้เป็นคุณหนูสาม บรื๋อ...สยองขวัญจริงๆ เจ้าค่ะ”            ฉงหยวนหยวนขมวดคิ้ว “ครั้งก่อน ข้าก็ไม่ได้เชื่อนะว่าหลินเฉินตกน้ำตาย เจ้าไม่รู้สึกบ้างเหรอว่านางกลัวน้ำออกปานนั้นจะไปตกน้ำได้อย่างไร?”            “ข้าก็ไม่เชื่อแต่ทำอย่างไรได้ล่ะเจ้าคะ ในเมื่อนายท่านก็มิได้ติดใจเอาความ คนลงมือก็คงลอยนวลอยู่เช่นนี้”            คุณหนูแปดกำลังจะชักชวนสาวใช้ทั้งสองให้กลับจวน พลันเหลือบไปเห็นคุณชายจานกำลังเดินมาถึงเสียก่อน จานเจิ้งญาติผู้น้องของหมอเวิงอันเป็นคนกว้างขวางเขามีมิตรสหายมากหน้าหลายตา ครั้นเห็นฉงหยวนหยวนก็โบกมือทักทาย            “คุณหนูแปด เจ้าจะกลับแล้วล่ะหรือ?”            “อืม...เจ้าก็รู้นี่ว่าระยะนี้เหตุการณ์ในจวนของข้าไม่ค่อยดีนัก”            จานเจิ้งค่อนข้างคุ้นเคยกับฉงหยวนหยวนเพราะมักจะพบกันตามงานเลี้ยงบ่อยครั้งตั้งแต่เยาว์วัย ด้วยความที่รู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี จานเจิ้งจึงไม่อาจเกี้ยวหญิงสาวได้สำเร็จ เขารู้ว่าคนอย่างฉงหยวนหยวนก็ไม่ค่อยเหมาะกับตนเองนักเพราะนางมีนิสัยกล้าได้กล้าเสีย เอาแต่ใจ ปากคอเราะร้าย หากแต่งงานกันไป เรือนคงจะลุกเป็นไฟ สุดท้ายจึงกลายเป็นสหายที่สามารถพูดความในใจและปรึกษาหารือได้อย่างสนิทใจ            “เจ้าสงสัยคนในอย่างนั้นกระมัง?”            “เจ้าช่างรู้ใจข้า! นี่เป็นคดีที่สองแล้ว ยามนี้ในจวนของข้า ทุกก้าวย่างล้วนเต็มไปด้วยอันตราย เจ้าช่วยข้าคิดทีสิ! จะทำเช่นใดข้าจึงจะปลอดภัย?” *******************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD