“ได้ยินว่าหัวหน้ามือปราบโหยวดูแลคดีนี้นี่ เขาส่งมือปราบไปช่วยรักษาความปลอดภัยอยู่ไม่ใช่หรือ?”
ฉงหยวนหยวนเลิกคิ้ว หันมามองจานเจิ้ง
“เจ้าคิดว่ามือปราบพวกนั้นจะมาเฝ้าได้กี่วันกัน? ระหว่างคนคิดจะลงมือ กำลังที่คิดจะหลบโดยที่ยังอยู่ในที่แจ้งอย่างข้า เจ้าว่าผู้ใดจะทำสำเร็จก่อนกัน?”
จานเจิ้งผงะเล็กน้อยก่อนจะผงกศีรษะ “จริงอย่างเจ้าว่า...เช่นนั้นในเรือนของเจ้าก็ควรจ้างคนดูแลเพิ่มเข้าไปสิ!”
“ยามนี้เรือนของข้ามีสาวใช้อยู่สี่คน บ่าวรับใช้อีกสองคน แต่ข้าก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ ยากนักที่ข้าจะอยู่ได้อย่างสงบ”
“คงเหลือหนทางเดียวแล้วล่ะ คุณหนูแปด”
“ทางใดหรือ?” สีหน้าของฉงหยวนหยวนดูตื่นเต้น
“เจ้าคงต้องแต่งงานกับบุรุษสักคนที่บึกบึน มีวรยุทธ์สูงส่งสักหน่อย ไปคอยเฝ้าเจ้าบนเตียง เช่นนี้จึงจะปลอดภัยทั้งยามหลับและยามตื่น”
“เหลวไหล! ข้ายังไม่ปลงใจกับบุรุษสักคนแล้วจะแต่งงานได้อย่างไร?”
“ไม่เคยคิดก็คงต้องคิดแล้วคราวนี้ ภัยมาใกล้ตัวถึงเพียงนี้ ข้าถามจริงๆ เถอะว่าเจ้าไม่รู้สึกกลัวบ้างหรือไร?”
จานเจิ้งเคยฟังเรื่องราวในจวนจากฉงหยวนหยวนมาหลายหน อนุภรรยาทั้งสี่ต่างที่มาจนคาดเดาไม่ได้ ใต้เท้าฉงมิใช่คนยอมรับฟังผู้อื่นนัก แต่เดิมเขามี ฮูหยินเอกและบุตรชายผู้หนึ่ง ต่อมาก็รับอนุซูและอนุกัวเข้ามาในเรือน เมื่อพวกนางมีบุตร ภายหลังฮูหยินเอกล้มป่วยเสียชีวิตกะทันหัน เขาจึงแต่งงานใหม่กับ อวี๋ฮูหยินให้กำเนิดฉงเจียซินผู้เป็นพี่ชายของฉงหยวนหยวน จากนั้นก็รับอนุฉานเข้ามา กระทั่งมีบุตรถึงคนที่แปด ก็ยังรับหญิงงามจากหอคณิกาคืออนุหนงเข้ามาเป็นคนสุดท้าย แต่นางมีภาวะหยินพร่องจึงไม่อาจตั้งครรภ์ได้
สีหน้าของฉงหยวนหยวนดูยุ่งยากใจ คนในจวนของนางมีมากเหลือเกิน ทั้งคนที่ติดตามอนุภรรยาทั้งหลายเข้ามา บ่าวและสาวใช้จำนวนมาก ตัวมารดากับนางเองก็ใช่ว่าจะเข้ากันได้กับคนทั้งหมด แม้อวี๋ฮูหยินยามนี้จะเป็นผู้ดูแลจวนแต่อนุที่มาก่อนอย่างอนุซูกับอนุกัวก็หาได้เกรงอกเกรงใจตามสมควรไม่
“ว่าไงล่ะ? เจ้าว่าข้อเสนอของข้าน่าสนใจแล้วล่ะสิ!
“ยังหรอกๆ ข้ายังไม่อยากแต่งงานในยามนี้”
“ยังมีอีกแบบนะ นั่นคือเจ้าแค่หาสามีกำมะลอมาคอยดูแลความปลอดภัยในเรือน เมื่อจับคนร้ายได้แล้วก็ค่อยเลิกรา ดีหรือไม่?”
“เออ...แบบหลังค่อยน่าฟังหน่อย ว่าแต่จะไปหาสามีกำมะลอจากที่ใดถึงจะหลอกคนในจวนข้าได้โดยที่พวกเขาไม่สงสัย”
“เจ้าลองปรึกษาหัวหน้ามือปราบโหยวดูสิ! เผื่อว่าเขาจะมีบุรุษที่น่าสนใจอาสาจะมาดูแลเจ้า”
ฉงหยวนหยวนขมวดคิ้วแน่น “เจ้าไปเป็นเพื่อนข้าที เรื่องนี้ข้าต้องรีบไปหารือหัวหน้าโหยวที่สำนักมือปราบ”
คนทั้งสองนั่งรถม้าตามกันไปจนถึงสำนักมือปราบ โหยวอีที่มีนัดหมายกับใต้เท้าฉงในยามบ่ายได้แต่แปลกใจที่ลูกน้องเข้ามารายงานว่าคุณหนูแปดสกุลฉงมาขอพบ ครั้นฟังความกลุ้มกังวลของคุณหนูแปดแล้ว หัวหน้าโหยวรู้สึกหนักใจเพราะไม่รู้ว่าผู้ใดจะยอมทำเช่นนั้น แต่เขาก็รับปากว่าจะลองหาบุรุษที่ดูดีพอจะเป็นสามีกำมะลอของคุณหนูแปดมาให้
“หัวหน้าโหยว เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้นขอรับ?” จั๋วเหรินหาวที่ออกไปฟังผลการชันสูตรศพอย่างละเอียดและตรวจสอบรายละเอียดในเหตุฆาตกรรมในจวนสกุลฉงเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานของเขากับโหยวอี
“เจ้าเห็นจุดที่น่าสนใจในคดีนี้หรือยัง?”
“ตรงไหนหรือขอรับ?”
“คุณหนูแปดบอกว่าเมื่อเดือนที่แล้วมีสาวใช้ชื่อหลินเฉิน เป็นคนของอนุหนงจมน้ำตาย นางผู้นั้นกลัวน้ำมากไม่น่าจะเข้าไปใกล้สระน้ำแต่กลับพบร่องรอยการบุกลงไปในน้ำจากริมตลิ่งที่มีกอกก”
“ส่วนนี้ข้าได้อ่านแล้ว ตามที่คุณหนูแปดสงสัย นางคิดว่าหลินเฉินกับ ฉงเยว่อาจจะตายด้วยน้ำมือฆาตกรคนเดียวกัน”
“ใช่! เมื่อครู่คุณหนูแปดก็เพิ่งมาพบข้า นางกลัวมากทีเดียว”
“ดูรูปการแล้วฆาตกรน่าจะยังแฝงตัวอยู่ในเรือนสกุลฉง ไม่กลัวก็คงจะจิตแข็งมากล่ะขอรับ คุณหนูแปดผู้นี้ทั้งเย่อหยิ่งและแข็งกระด้าง นางคงมีเรื่องกับคนในจวนมาไม่น้อย”
“บ่ายนี้ข้าจะออกไปพบใต้เท้าฉง เจ้าไปกับข้าด้วยก็แล้วกัน”
โหยวอีเกรงว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาจึงกระซิบบอกใต้เท้าฉงว่าขอคุยเป็นการส่วนตัวที่ข้างนอก วันนี้เขาจึงนัดหมายกับใต้เท้าฉงที่ห้องทำงานในสำนักพิธีการ
ใต้เท้าฉงฟังข้อสันนิษฐานต่างๆ ในคดีฆาตกรรมบุตรสาวคนที่สามแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความขัดแย้งในจวนของเขามีหลายส่วนจนเกินกว่าจะเดาได้ว่าการฆาตกรรมนี้เป็นฝีมือของผู้ใด?
“ข้ายอมรับว่าในจวนของข้า มีเรื่องราวมากมายนัก ลูกชายคนโตของข้าไม่ชอบที่ข้ามีอนุภรรยา ตั้งแต่ฮูหยินคนเดิมตายไปเขาก็ไม่ค่อยพูดคุยสุงสิงกับผู้ใด ทั้งยังกล่าวหาว่าอนุกัวกับอนุซูต้องรู้เห็นในการตายของมารดาของเขา ครั้นข้าแต่งงานใหม่กับอวี๋ฮูหยิน ฉงจื่ออี้ก็ยิ่งต่อต้านชัดเจน เขาไม่เคยมาร่วมโต๊ะอาหารกับอวี๋ฮูหยินเลยสักครั้ง ข้าเองก็บังคับไม่ได้เพราะท่านแม่ของข้าคอยให้ท้าย”
“อนุฉานกับอนุหนงเองก็ดูเหมือนจะมีเรื่องขัดแย้งกับอนุกัวนะขอรับ?”
“พวกนางเคยแย่งชิงเรือนพักหลังกลางกันมาก่อน ตอนนั้นข้าเพิ่งให้สร้างเพราะหวังว่าจะให้ฉงจื่ออี้ไปอยู่ ส่วนเรือนเดิมของฮูหยินคนเก่าจะยกให้ฉงหยวนหยวน พอสร้างเสร็จฉงจื่ออี้ไม่ยอมสละเรือนมารดา อนุกัวก็อยากจะย้ายเข้าไปอยู่ อนุฉานกับอนุหนงเป็นลูกคู่กันถกเถียงเพื่อให้อนุฉานได้ไป พวกนางทะเลาะกันใหญ่โต อนุกัวเองก็อ้างว่าตนเองมีบุตรถึงสองคนสมควรได้เรือนที่ใหญ่ขึ้น ข้ากับอวี๋ฮูหยินห้ามพวกไม่ไหว ลับหลังข้าพวกนางถึงกับมีเรื่องตบตีกัน"
โหยวอีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความขัดแย้งในเรือนสกุลฉงซับซ้อนและหลายเรื่องหลายราวยิ่งนัก ยากจะหาปมสังหารได้ง่ายๆ เขาฟังเรื่องราวในจวนสกุลฉงแล้วก็สัญญากับตนเองว่าจะไม่รับอนุภรรยาเด็ดขาด การที่สตรีจะมีสามีคนเดียวกันนั้นยากจะเก็บงำความอิจฉาริษยาไว้ได้
************************