“ผมคิดว่าน้องยังเด็ก ก็น่าจะเรียนรู้กันไปก่อน จะแต่งงานอะไรตอนนี้... มันเร็วไป” รู้สึกหวงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่อยู่ในสายตาญาติผู้ใหญ่อีกต่อไป
“ตอนยายแต่งงานอายุแค่สิบแปดเองนะตาราร์ด”
ยายกิ่งแก้วพูดแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ตอนสามีคู่ทุกข์คู่ยากมาสารภาพรักและขอคบหากันเป็นแฟน และกว่าจะแต่งงานกัน ศึกษานิสัยใจคอกันอย่างถ่องแท้ เขียนจดหมายหากันไม่รู้กี่ฉบับ ตอนนี้ท่านยังเก็บจดหมายพวกนั้นเอาไว้ในกล่องเป็นอย่างดี เอาไว้ดูเวลาคิดถึง เวลาทะเลาะกัน คิดถึงความรักและความยากลำบากที่ร่วมชีวิตกันมา จนมาถึงทุกวันนี้
“เดี๋ยวนี้ผู้หญิงแต่งงานช้าขึ้นครับคุณยาย”
รัชวินทร์ยังหาเหตุผลมาค้านผู้เป็นยาย สมัยก่อนถ้าผู้หญิงอายุมากก็จะถูกเรียกเป็นสาวทึนทึก ขึ้นคาน จึงต้องแต่งงานให้เร็ว พ่อแม่จะจัดหาคนดีๆ ให้ เพราะไม่เช่นนั้นจะโดนล้อว่าลูกสาวขายไม่ออก มารดาของเขาเคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว
แต่สมัยนี้ผู้หญิงเก่งไม่แพ้ผู้ชาย เรียกว่าเท่าเทียมกันในสังคม ผู้หญิงสวย ร่ำรวยอายุสามสิบกว่าที่เรียกว่าขึ้นคานในสมัยก่อน แต่กลับเป็นสาวมั่น และมีเหตุผลยอดฮิตว่ายังหาคนที่ถูกใจไม่ได้ ผู้หญิงเลือกมากขึ้นไม่ได้ทำตามผู้ใหญ่เหมือนสมัยโบราณที่มีผู้ชายมาสู่ขอหรือกลัวอายุมากขึ้นแล้วหาสามีไม่ได้
ปัจจุบันผู้หญิงมีบทบาทกับสังคม ทั้งการทำงาน ตำแหน่งหน้าที่ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชาย ไม่ใช่คอยทำกับข้าวเลี้ยงลูกอยู่บ้านเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว และเขาก็ไม่ได้ยึดติดว่าผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาจะต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย เพราะพวกเธอสามารถช่วยเขาทำงาน มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เป็นสาวมั่นที่สวยสง่าและออกงานสังคมกับเขาได้โดยไม่อับอาย อีกทั้งยังเป็นคนดีเข้ากับเขาได้
“เพราะเจอผู้ชายเจ้าชู้ ไม่เอาไหนน่ะสิ ถึงได้แต่งงานช้าลง ถ้าเจอผู้ชายดีๆ ไม่ว่าใครๆ ก็อยากแต่งงานด้วยกันทั้งนั้น” ยายกิ่งแก้วว่าให้
“อ้าว... ไม่ใช่สักหน่อยครับ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงผู้ชายก็เลือกเยอะกันทั้งนั้นครับ” รัชวินทร์แก้ตัวใบหน้าเหลอหลาเมื่อผู้เป็นยายพูดเหมือนโกรธเคืองผู้ชายพวกนั้น
“สมัยก่อน ถ้ารักกันก็มาสู่ขอกัน ไม่ได้เลือกเยอะอะไรมากมาย แค่เป็นคนดี” คุณยายพูดถึงวิถีชีวิตสมัยตอนที่ตัวเองเป็นหนุ่มเป็นสาว
“คนสมัยก่อนนี่ครับ แต่งงานเร็ว” รัชวินทร์พูดดักคอผู้เป็นยาย เขาไม่ยอมให้ใครๆ หาคู่ให้แก้วกัลยาหรอก เพราะเขาหมายตาเอาไว้แล้ว อยากจะลองจีบดูสักหน่อย อาจจะทำให้เขาแก้เบื่อได้เมื่อต้องมาพักผ่อนนานๆ เช่นนี้
“เอา... แล้วแต่เราเถอะ ไม่หาให้ยาย แต่ถ้ายายเจอใครที่ถูกใจ ยายจะจับหนูแก้วแต่งงานซะเลย” ยายกิ่งแก้วพูดจริงจัง มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน
“แล้วหลานรักของคุณยายจะยอมเหรอครับ” รัชวินทร์อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ เด็กนั่นอาจจะดูเรียบร้อยไม่ขัดใจใคร แต่ถ้าถูกบังคับให้แต่งงานจริงๆ จะไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยเหรอ คงไม่ใช่หรอก... เขาไม่เชื่อ ใครจะทำตัวเป็นหุ่นยนต์ไม่มีชีวิตจิตใจให้คนอื่นบงการทั้งชีวิต
“ต้องยอมสิจ๊ะ หนูแก้วว่านอนสอนง่าย ยายว่ายังไงก็ต้องว่าอย่างนั้น เพราะหนูแก้วรู้ว่ายายปรารถนาดีแค่ไหน” ยายกิ่งแก้วพูดยั่วอารมณ์หลานชายนิดๆ
“ยังมีอีกเหรอครับผู้หญิงแบบนั้น” รัชวินทร์ถามอย่างแปลกใจ เขาห่างไกลจากคำว่า เจอผู้หญิงว่านอนสอนง่ายมาทั้งชีวิต เข้าใจว่าที่นี่เป็นต่างจังหวัด แต่เด็กสาวสมัยนี้นะเหรอ จะยอมให้จับคลุมถุงชน
“มีสิ หนูแก้วของยายไง เราสงสัยอะไรเหรอ” ยายกิ่งแก้วเลิกคิ้วขึ้นเขม่นมองหลานชาย พ่อตัวดีทำเนียนถาม แต่ท่านดูก็รู้ว่าสนใจ
“เปล่าครับ” รัชวินทร์ปฏิเสธเสียงนิ่ง คนอื่นๆ มองเขาแต่ไม่พูดอะไร ทำให้ต้องลอบผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ที่ไม่มีใครสงสัยว่าเขาจะถามเรื่องเด็กสาวคนนั้นไปทำไม
“เดี๋ยวยายจะให้หนูแก้วพาเราไปดูห้องนะ มาเหนื่อยๆ คงอยากอาบน้ำอาบท่าพักผ่อน” ยายกิ่งแก้วเรียกเด็กสาวในอุปการะเพื่อมาสั่งงาน ไม่นานร่างอรชรบอบบางก็มานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าอย่างเรียบร้อย รอรับคำสั่งของผู้มีพระคุณอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว และไม่มีบ่นหรือขัดใจแต่อย่างใด
“หนูแก้วพาพี่เขาไปที่ห้องหน่อยลูก ห้องที่ยายให้หนูเตรียมเอาไว้น่ะ” ยายกิ่งแก้วสั่งแล้วหันไปลอบยิ้มกับคนอื่นๆ การะเกดดูจากยิ้มกว้างกว่าใครเพื่อน เพราะดูมีความหวังขึ้นมาหน่อยเมื่อบุตรชายอาจจะอยู่ที่นี่นานกว่าที่คิดเอาไว้
“ค่ะคุณยาย” แก้วกัลยารับคำก่อนจะเดินนำไปก่อนอย่างนิ่มนวล รัชวินทร์แทบจะลืมบุคคลที่นั่งอยู่ตรงนั้น เดินตามแก้วกัลยาไปอย่างเลื่อนลอย
“คุณแม่ดูสิคะ เกดน่ะลุ้นจนตัวโก่งเลยค่ะ”
“เวอร์แล้วแม่เกด เพิ่งจะเจอกัน หลังจากไม่เจอกันหลายปี คงยังไม่อะไรกันมากมายตอนนี้หรอก”
“แต่ผมว่าพี่ราร์ดชอบน้องแก้ว ให้ตายดิ้นเถอะ ผมมองอะไรไม่เคยพลาด” ชัชวินทร์ลูบคางไปมาสีหน้าเจ้าเล่ห์ แววตาฉลาดเฉลียว
“บ๊ะ! พูดถูกใจจริงๆ เจ้าลูกชาย” ลูคัสตบขาตัวเองฉาดหนึ่ง หัวเราะชอบอกชอบใจ
“แด๊ดคอยดูนะครับ แต่ว่ามัมอย่าไปแสดงท่าทางอยากให้ราร์ดสนอกสนใจน้องแก้วมากก็แล้วกัน ราร์ดฉลาดจะตาย แล้วก็ไม่ชอบให้ใครบังคับด้วย” ชัชวินทร์เตือนมารดา
“ตาไม่รู้ด้วยนะ เรื่องของลูกๆ หลานๆ จะรักกันชอบกัน ต้องแล้วแต่คนสองคน จะไปเจ้ากี้เจ้าการมากมายถ้ามีปัญหาขึ้นมาจะโดนถอนหงอกเอาได้” ตารุ่งพูดเตือนสติ ตามประสาคนมีศีลมีธรรมและคนซื่อสัตย์ ยุติธรรม
“อุ๊ย!” พอแก้วกัลยาหันมาก็ชนกับร่างสูงที่เดินมาจนชิดแผ่นหลังของเธอ รัชวินทร์รวบร่างบอบบางเอาไว้เมื่อเธอทำท่าจะล้ม เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตื่นๆ เขายิ่งรัดแน่น ทำท่าจะก้มลงไปจุมพิตกลีบปากสวยที่เผยอน้อยๆ อย่างยั่วยวน
“อย่าค่ะคุณราร์ด” แก้วกัลยาใช้มือนิ่มดันใบหน้าของเขาออกห่าง ก่อนจะขืนตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง แต่เขาไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“เรียกพี่ราร์ดครับ เรียกคุณอะไรกัน ดูห่างเหินจัง”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ครับ ไม่งั้นพี่จะจูบให้ปากช้ำเชียว” เขาขู่ปนมันเขี้ยว มองกลีบปากอวบอิ่มน่าจูบนั้นตาวาว ถ้าได้ประทับลงไปสักครั้ง คงรู้สึกดีไม่น้อย
“ค่ะพี่ราร์ด อย่าทำแบบนั้นนะคะ” แก้วกัลยารีบห้ามอย่างตกใจ เกิดมาเธอไม่เคยให้ชายใดถูกเนื้อต้องตัวมาก่อน แค่เขาสัมผัส เธอร้อนวูบวาบเหมือนจะเป็นไข้ แก้มร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ แถมยังรู้สึกน่าอายที่โดนเขากอดแบบนี้ คุณยายสอนให้รักนวลสงวนตัว การทำเช่นนี้ลับหลังผู้ใหญ่ถือเป็นเรื่องน่าละอาย
“ทำไมล่ะ หืม...”
“มันไม่ดีค่ะ คุณยายสอนเอาไว้ว่าเป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น ยิ่งสั่นเมื่อเขายิ่งรัดแน่นเหมือนงูเหลือมรัดเหยื่อ ดวงตาของเขาก็ร้อนแรงเหมือนมีประกายไฟอยู่ในนั้น
“แสดงว่ายังไม่มีแฟนน่ะสิ”
“ยังค่ะ คุณยายบอกว่าให้ตั้งใจเรียน” พอได้ยินสาวน้อยพูดแบบนั้น รัชวินทร์ก็ยิ้มกริ่ม ไม่มีแฟนน่ะดีแล้ว และเธอก็จะไม่มีแฟนตลอดไป เพราะเขาเริ่มจะชอบเธอเข้าให้แล้ว ลองจีบไปก่อนคงไม่เสียหาย ในเมื่อเธอออกจะหัวอ่อน เชื่อฟังคุณยาย ถ้าเขาเอ่ยขอ คุณยายคงยกหลานสาวคนนี้ให้ไม่ยาก
“ดีแล้วละครับ”
“คะ” เธอตะแคงหน้ามองเขา ทำตาแบ๊วอย่างไม่เข้าใจคำพูดของเขานัก รัชวินทร์มองกิริยาน่ารักของเธอแล้วอยากจะจูบอีก คนอะไรตะแคงหน้า อ้าปาก พูด หรือทำอะไรก็น่ารักไปหมด เขาอยากจะกอดเธอเอาไว้แบบนี้ไม่ปล่อยเลยจริงๆ