Chapter 10 ทลายบ่อน
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเอเรียน่าก็มาอยู่หน้าคฤหาสน์คาร์ลอส เจ้าของปลายรองเท้าส้นแหลมสีทองก้าวออกมาพ้นตัวรถสปอร์ตคาร์คันหรูสีแดงเพลิงของเธอ เอเรียน่าชื่นชอบสีแดงเป็นพิเศษ นั่นทำให้ของใช้ส่วนตัวที่เธอโปรดปรานมีแต่สีแดง แม้บ่อยครั้งเธอจะขัดใจกับความเจ้ากี้เจ้าการของลอเรนซ์ไปบ้าง
เดรสกำมะหยี่สีม่วงสดรัดส่วนสัดไม่ต่างกับชุดมินิเดรสสีแดง อวดเนื้อหนังอวบอูมอวดสายตาชวนน้ำลายหกเมื่อครู่มากนัก มีเพียงความสั้นของมันที่ทำให้ลอเรนซ์ยอมปล่อยเธอออกมา สีของชุดช่วยขับเรียวขาของเธอให้ยิ่งขาวซีด โดยปกติของผิวสาวชาวยุโรปที่ขาวอยู่แล้ว
ริมฝีปากของเธอถูกเกลี่ยระดับลดเฉดสีให้เบาลงมาเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในโทนสีแดงเหมือนเดิม หญิงสาวเพียงก้าวขาออกไปนอกตัวรถข้างหนึ่งและโน้มตัวไปหยิบช่อดอกไม้ที่อยู่ตรงข้ามฝั่งคนขับในท่วงท่าที่ยั่วยวน บอดีการ์ดที่อยู่บริเวณนั้นต้องรีบเบือนหน้าหลบตามๆ กัน เพราะต้องรักษามารยาทที่ดีเอาไว้
หญิงสาวหอบคาร์เนชั่นช่อโตสีเหลืองสดมาเยี่ยมไข้เขาตามคำสั่งของลุง แต่เธอก็ต้องการบอกให้เขารู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจการกระทำของเขาเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอมาก่อน
เพราะถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจและขึ้นชื่อว่าเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของ เกรซ ฮาลอนโซ่ ผู้ทรงอิทธิพล ทำให้เธอหยิ่งทะนงและมั่นใจในตัวเองมาก ผู้ชายทุกคนต่างพยายามที่จะเข้าถึงตัวเธอ พวกเขาพร้อมที่จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะให้เธอและลุงของเธอพึงพอใจ แม้จะเจ็บป่วยจนต้องนอนติดเตียงก็ต้องพยายามดั้นด้นมาหาเธอ ซึ่งแตกต่างจากเขา
หญิงสาวเชิดหน้าเดินเข้าไปในบ้านอย่างมาดมั่น แต่เมื่อเห็นภาพคนที่บอกว่าป่วยในบ้านก็ทำให้หญิงสาวหน้าชา ในมือของชายหนุ่มกำลังอุ้มเด็กทารกอย่างปลอบประโลม คำถามที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นคือเขามีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่
ใบหน้าชายหนุ่มยังเรียบนิ่ง เขาส่งตัวเดลล่าให้คาเธอร์ และเดินมาหาแขกอย่างเสียไม่ได้
หญิงสาวฝืนส่งยิ้มให้เขา เดินเข้าไปทักทาย “สวัสดีค่ะ ฉันมาเยี่ยมไข้คุณ” เธอบอกพร้อมกับส่งช่อดอกไม้ให้เขา
“สวัสดีครับ... ขอบคุณมากนะ” เขารับช่อดอกไม้ กล่าวทักทายและกล่าวขอบคุณในประโยคเดียวกัน ดีที่เขาไม่รู้จักความหมายของดอกไม้ ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มยังเป็นปกติ
“ป่วยไม่สบาย ไม่กลัวไข้ติดเด็กหรือคะ” หญิงสาวเหน็บเบาๆ คราวนี้ชายหนุ่มรู้ตัวทันทีว่าโดนว่าเข้าอย่างจัง แต่เขาก็หาทางออกได้ทัน
“ใครบอกว่าผมเป็นไข้ ผมท้องเสีย... คงไม่สามารถติดต่อกันได้” เขาตอบกลับหน้าตาย
“แต่หน้าของคุณไม่เหมือนคนป่วยสักนิด”
ชายหนุ่มยื่นช่อดอกไม้ส่งกลับให้เธอ “คุณจะรับช่อดอกไม้กลับก็ได้นะ ถ้าคิดว่าผมแกล้งป่วย”
เมื่อเห็นอย่างนั้นเอเรียน่าก็พูดไม่ออก สักพักเธอก็สามารถปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ส่งยิ้มให้เขา
“ฉันแค่ล้อเล่นเองค่ะ คุณจริงจังได้ตลอดเวลาเลยนะคะ”
“ผมไม่มีเวลาเล่นหรอกนะ” เขาตอบกลับทันที
เอเรียน่าแทบจะระเบิดเสียงกรี๊ดออกมาตรงนั้น ไม่มีใครเคยจองหองกับเธอแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของคนเป็นลุง เธอก็ต้องพยายาม ข่มสติตัวเองเอาไว้
“ฉันกลับก็ได้ค่ะ ขอโทษที่มารบกวนเวลาของคุณ” หญิงสาวบอก
“ดินเนอร์เป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” ชายหนุ่มเริ่มรู้ตัวว่าเสียมารยาทกับแขกเกินไป แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ควรจะต้อนรับเธอในฐานะแขกอย่างดี
หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ
ซันเซสส่งยิ้มให้เธอพร้อมกับกล่าวคำขอโทษ “ผมขอโทษที่เสียมารยาทกับคุณ เมื่อครู่ผมท้องเสียกะทันหันจริงๆ พอได้ยาก็ดีขึ้น คุณคงไม่รังเกียจที่จะดินเนอร์ที่นี่นะครับ”
หญิงสาวยิ้มแกนๆ แม้ว่าคฤหาสน์หลังนี้จะหรูหราใหญ่โต แต่เธอก็ไม่ชอบใจที่จะต้องมานั่งดินเนอร์ที่บ้าน สำหรับเธอต้องเป็นร้านหรูและราคาแพงที่สุดเท่านั้น
เอเรียน่าเชิดคอตั้ง รักษามาดหยิ่งผยองอย่างนางหงส์เอาไว้ เธอจะไม่ยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงเพื่อใครเด็ดขาด หากจะนัดเดตกับเธอต้องแจ้งล่วงหน้าเท่านั้น และวันนี้เขาก็เสียมารยาทกับเธอก่อน ไม่มีทางเสียล่ะ
“ฉันขอตัวดีกว่าค่ะ ฉันรับนัดคนอื่นเอาไว้แล้ว แค่แวะนำดอกไม้มาเยี่ยมอาการป่วยของคุณเท่านั้น”
“ก็ได้ครับ หวังว่าผมจะมีโอกาสได้เลี้ยงขอโทษคุณสักมื้อ” ชายหนุ่มบอกอย่างเอาใจ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรักษามิตรภาพเอาไว้
หญิงสาวยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย สะบัดหน้า เชิดคอตั้ง เดินออกไปจากตรงนั้นอย่างสง่า สิ่งที่ทุกคนต้องชื่นชมคือบุคลิกภาพของเธอ ท่วงท่าการเดินของหญิงสาวไม่ต่างจากนางแบบมืออาชีพ
หลังจากหญิงสาวเดินออกไปชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาได้ทำหน้าที่ของเจ้าบ้านที่ดี แต่เมื่อเธอไม่รับก็ถือว่าเป็นความโชคดีของเขา
สิตมนโดนไล่มาอยู่ในสวนหลังบ้าน บ้านเก่าของยายที่กลายเป็นบ้านร้างหลังจากสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมา เธอไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนว่าจะอยู่ที่ไหน เพราะอยู่ในบ้านของยายก็มีแต่เสียงจอแจของขาไพ่ยายคุยกัน มีทั้งโกงไพ่ ยืมเงิน
เจ้าอ้วนยังทำหน้าที่ดูต้นทางให้ยายหลังเลิกเรียนและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แม้เธอจะไม่ชอบใจที่ยายปลูกฝังหลานในเรื่องไม่ดีแบบนั้น แต่ก็ไม่สามารถคัดค้านมีปากมีเสียงใดๆ ตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าได้งานทำจะพาหลานไปอยู่ด้วย เพื่อให้ได้เรียนหนังสือในที่ที่ดีกว่าอยู่ในสังคมวงไพ่ของยาย
สิตมนนอนอยู่บนเปลใต้ต้นมะม่วง เหม่อมองเปลวแดดในสวนอย่างหนักใจ กำลังเป็นห่วงเดลล่า อีกทั้งเพื่อนสาวที่ไม่สามารถติดต่อได้ แต่เธอก็ต้องทำตามคำขอร้องของเพื่อนในจดหมาย ลมหายใจอุ่นถูกพ่นออกจากปลายจมูกรอบแล้วรอบเล่า
แม้จะพยายามทำใจยอมรับไม่คิดมาก แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ยากเหลือเกินที่จะไม่เป็นห่วงคนที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเธอมาหลายปี และเธอเองก็ได้เห็นเดลล่าตั้งแต่อยู่ในท้อง ประคบประหงมดูแลจนกระทั่งวันที่ต้อง แยกจากกัน
พอคิดถึงตรงนี้หญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้าปอด ทุกคนต้องเผชิญกับความจริง ซารีน่าคงจะคิดดีแล้วถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป
‘สักวันเราจะต้องได้กลับไปเจอกันอีกครั้งนะ’ หญิงสาวรำพึงกับตัวเอง พ่นลมออกจากจมูกก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปใหม่
“ยาย! ตำรวจมา” เสียงเจ้าอ้วนร้องเรียกยาย หลังจากนั้นวงไพ่ก็แตกฮือ เหตุการณ์อย่างเมื่อสองวันก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง
เสียงอึกทึกครึกโครมจากบ้านหลังใหญ่ทำให้เธอต้องรีบลุกขึ้นจากเปลนอน และยืนมองอยู่ห่างๆ ในใจลึกๆ เธอก็อยากให้ยายโดนตำรวจจับบ้าง จะได้เข็ดหลาบสักที
แต่สักพักเสียงโวยวายก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนคนกำลังทะเลาะกัน เธอจะไม่สนใจเลยหากพวกเขาคุยกันเป็นภาษาไทย หญิงสาวจับสำเนียงภาษาอังกฤษสําเนียงอิตาลีได้ดี และมีบางคำที่พวกเขาหลุดเป็นภาษาอิตาลีออกมา และเสียงของยายก็ก่นด่าเขาดังขึ้นเรื่อยๆ
เธอเดาว่าพวกเขาคงจะฟังกันไม่ออก ต่างฝ่ายต่างพูดตามความต้องการของตนเอง หญิงสาวจึงรีบเดินกลับไปที่บ้านใหญ่ ระยะทางกับความรีบทำให้เธอหอบนิดๆ หายใจถี่ขึ้น
ชายหนุ่มร่างสูง ผมสีน้ำตาลทอง ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเข้มกับกางเกงยีนส์สีเดียวกัน ใบหน้าคร้ามเข้มเจือไรหนวดบางๆ ดวงตาถูกคาดทับด้วยแว่นเรย์แบนสีอ่อน เขายืนกำหมัดโต้เถียงกับยายอย่างหัวเสีย ในขณะที่เพื่อนของยายก็กำลังกรูกันเข้ารุมประชาทัณฑ์เขา