บทที่10) ความผิดปกติของสาลี่
"แซนดี้ กูว่าผู้ชายมันก็มีออกเยอะนะเว้ย" สาลี่เตือนอย่างหวังดีหลังจากที่นิ่งเงียบมานานและพอที่จะสัมผัสได้ว่าไฟท์เตอร์หรือบรรดาพี่น้องอีกห้าคนนั้นไม่ใช่ผู้ชายที่แซนดี้หรือพวกเธอควรจะโคจรตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย "เลิกแล้วต่อกันเถอะว่ะแซนดี้"
"อีสาลี่ มึงไปบวชชีมาหรือมึงไม่สบาย" มือเล็กๆของวีวี่ทาบลงบนหน้าผากมนของสหายรักอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนพึ่งจะได้ยิน
"กูหวังดี" สาลี่ว่าพลางก้มหัวงุดเพื่อหลบเลี่ยงสายตาที่คนทั้งคู่จ้องมองเธอมา
"อีกเรื่องที่กูจะบอกพวกมึงก็คือกูจะย้ายโรงเรียนแล้วนะ"
"อะไรนะ!" แซนดี้โพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังพอสมควร
"มึงย้ายโรงเรียน? ทำไม อะไรยังไง กูงงนะ"
"นั่นดิ มึงเป็นอะไรรึเปล่าอีสาลี่ หรือครอบครัวมึงมีปัญหาด้านการเงิน บอกกูได้นะกูยินดีช่วยเหลือ"
"กูกลับละ" เสียงกระดิ่งบอกเวลาเลิกเรียนนับได้ว่าเป็นเสียงสวรรค์สำหรับคนที่พยายามจะหลีกเลี่ยงในการตอบคำถามได้เป็นอย่างดี
"กูย้ายพรุ่งนี้นะ ว่างๆกูจะกลับมาเยี่ยมละกัน"
"สาลี่ อีสาลี่ เดี๋ยว!" สองเสียงประสานกันเพื่อหวังจะฉุดรั้งร่างเล็กของสาลี่เอาไว้ หากแต่คนที่พึ่งรีบวิ่งออกไปนั้นไม่คิดที่จะหันกลับมามองเพื่อนทั้งสองที่กำลังร้องเรียกเธออย่างเอาเป็นเอาตายเลยแม้แต่น้อย
"อะไรของมันวะ" วีวี่ว่าอย่างขัดใจ "เดี๋ยวนะอีแซนดี้!"
"มึงกำลังจะพูดว่าบ้านอีสาลี่ไม่ชอบรถนอกแล้วรถสปอร์ตที่มารับมันคือรถของใครอย่างนั้นใช่ไหมอีวีวี่" แซนดี้ตอบรับในสิ่งที่วีวี่กำลังจะเอ่ยอย่างรู้ทัน
"เพราะถ้ามึงกำลังสงสัยเรื่องนั้น อยากจะบอกว่ากูเองก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน"
บ้านนฤเบศน์
ติ๊ง!
วีวี่: แซนดี้ อีสาลี่บล็อกมึงป่ะ😢
แซนดี้: แปบ ดูก่อน
แซนดี้: เหี้ยเถอะ! มันบล็อกกูทุกๆช่องทางแม้กระทั่งเบอร์โทร! มันเป็นอะไรของมันมึงรู้อะไรบ้างอีวีวี่!
วีวี่: กูก็รู้พอๆกับที่มึงรู้นั่นแหละอีแซนดี้
วี่วี่: แซนดี้
แซนดี้: อือ ว่า
วีวี่: ไม่มีอีสาลี่แล้ว เลขาของชมรมมึงจะเลือกใครขึ้นมาแทนวะ?
วีวี่: ขอบอกไว้ก่อนว่ากูขอผ่านเพราะช่วงนี้กูไม่ว่าง อาจารย์เขาเลือกกูเป็นประธานสีเขียวมึงก็รู้
วีวี่: อีแซนดี้ อ่านแล้วกดตอบกูบ้างมันคงไม่ตายหรอกมั้ง
แซนดี้: ค่อยว่ากันอีกทีหลังเสร็จงานกีฬาสีก็แล้วกัน
แซนดี้: กูนอนละ
แซนดี้: ฝันดี
"มึงหายไปไหนของมึงนะอีสาลี่" มือข้างขวายกขึ้นก่ายหน้าผากด้วยความรู้สึกกลุ้มใจ
โดยปกติแล้วเพื่อนของเธอคนนี้นั้นจะเป็นผู้หญิงประเภทซนแสบซ่า ท้าชนหมดไม่สนลูกใคร แต่จู่ๆเจ้าตัวก็เล่นหายตัวไปแบบนี้ซ้ำยังบล็อกทุกช่องทางการติดต่อจากเธอและสาลี่อีกด้วย
"เกิดอะไรขึ้นกับมึงกันแน่นะอีสาลี่"
ก๊อกๆ
"แซนดี้ ทานข้าวจ้ะ"
"ค่ะแม่" ตะโกนตอบแม่ด้วยเสียงค่อนข้างดังก่อนจะขยับตัวลงมาจากเตียงหนานุ่มขนาดใหญ่ที่กำลังนอนอยู่
"พี่เฟียสต้า" แซนดี้เอ่ยเรียกแขกที่เธอไม่ได้รับเชิญที่กำลังนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะอยู่กับพ่อและแม่ของเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่เจือปนไปด้วยความหงุดหงิดใจ
"แซนดี้ สวัสดีพี่เขาสิลูก" นฤเบศน์ที่เคร่งครัดเรื่องมารยาทอันดีเหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวงติงลูกสาวที่ยังคงยืนมือไม้แข็งไม่ยอมทำความเคารพเฟียสต้าที่อายุมากกว่าเธอถึงสิบกว่าปี
"สวัสดีค่ะพี่เฟียสต้า" เอ่ยและยกมือขึ้นไหว้อย่างขอไปที ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขาที่มีเก้าอี้ว่างอยู่ "ทานให้อร่อยนะคะ"
"พี่ทำปลาสลิดทอดของโปรดแซนดี้มาให้ด้วยนะ" มือหนารีบกุลีกุจอแกะเนื้อปลาสลิดทอดให้กับแซนดี้ในทันทีที่เธอนั่งลงข้างๆเขา "รอสักครู่นะครับ"
"เฟียสต้า" นฤเบศน์ที่สังเกตได้ถึงใบหน้าที่หงิกงอของลูกสาวเอ่ยขึ้น
"น้าไม่ได้จะหักหน้าหรืออะไรเธอนะ แต่ลูกสาวของน้า เอ่อ...ไม่กินปลาทุกชนิด"
"อ้าว..." เฟียสต้าครางอิ๋งและเผยรอยยิ้มแห้งๆออกมาอย่างรู้สึกกระดากอาย "คือผม..."
"น้องชอบผัดเปรี้ยวหวานใส่หมูสามชั้นทอดจ๊ะ" ศันสนีย์เมื่อเห็นดังนั้นจึงเอ่ยบอกให้ชายหนุ่มได้รับรู้ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาคาดโทษไปให้สามีที่เป็นตัวต้นเรื่องให้เด็กหนุ่มรู้สึกเสียหน้า
"ตักให้น้องหน่อยสิจ๊ะ เฟียสต้า"
"ทานให้อร่อยนะครับ" เฟียสต้าตักเมนูโปรดของแซนดี้ให้กับเธอโดยไม่แม้จะเหลือบสายตาไปมองหญิงสาว ด้วยว่ายังคงรู้สึกอับอายกับเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้นั่นเอง
"ขอบคุณค่ะ" แซนดี้กระซิบ วูบหนึ่งที่เธอรู้สึกผิดขึ้นมาในใจที่เป็นต้นเหตุให้เขาที่อุตส่าห์หอบปลาสลิดทอดมาให้เธอต้องรู้สึกเสียหน้าเพียงเพราะว่าเธอเคยเสแสร้งไปว่าชอบกินปลาสลิดที่เขาตักให้
'แต่ฉันก็ไม่ได้บังคับให้นายขนปลาสลิดทอดมาให้ฉันกินซะหน่อย'
หากแต่จิตใจฝ่ายดำมืดของหญิงสาวนั้นกลับเอ่ยแย้งขึ้นมาและทำให้เธอสลัดความคิดเมื่อก่อนหน้าที่ว่าเป็นต้นเหตุให้เขาต้องเสียหน้าไปจนหมดสิ้น ก่อนก้มลงกินข้าวในจานตรงหน้าของตัวเองอย่างไม่คิดที่จะสนใจความรู้สึกของคนข้างๆอีกต่อไป
แซนดี้ที่ทนฟังพ่อและแม่นั่งสนทนากับชายที่ตัวเองเกลียดแสนเกลียดอีกต่อไม่ไหวจึงเอ่ยปากขอตัวออกมาจากวงสนทนาโดนอ้างว่าปวดท้องเข้าห้องน้ำมาได้อย่างแนบเนียน
"ฉันเกลียดพี่ที่สุดเลยเฟียสต้า ผู้ชายอะไรผู้หญิงเขาไม่เล่นด้วยแล้วจะยังตามมาเกาะแกะกันอยู่ได้" สองแขนเล็กยกขึ้นเท้าเอวคอดสวยของตัวเอง ขณะที่ปากก็ผรุสวาทต่อว่าเฟียสต้าออกมาอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดหย่อน
แซนดี้: อีวีวี่ สรุปมึงติดต่ออีสาลี่ได้บ้างหรือยัง
วีวี่: กูกำลังจะทักไปบอกมึงพอดี
แซนดี้: มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับมันหรือเปล่าอีวีวี่
แซนดี้: ตอบเร็วๆหน่อยจะได้ไหมเล่า
วีวี่: มึงใจเย็นๆและอ่านให้ดีๆนะ ที่อีสาลี่บอกว่ามันจะย้ายโรงเรียนมันโกหก เพราะพ่อกับแม่มันพึ่งจะโทรมาหากูวันนี้นี่เองว่าประชุมกองสีเสร็จหรือยังทำไมลูกเขายังไม่กลับบ้าน
แซนดี้: นี่มึงกำลังจะพูดว่าอะไรกันแน่
วีวี่: อย่าพึ่งขัดจะได้ไหมเล่า!
วีวี่: ทีนี้กูก็บอกว่ามันจะมาในวันที่โรงเรียนมีนัดประชุมกองสีได้ยังไงก็ในเมื่อมันย้ายโรงเรียนไปแล้วไม่ใช่เหรอ
วีวี่: ทีนี้เขาก็โวยวายใหญ่ว่ากูพาตัวอีสาลี่ไปซ่อนไว้ที่ไหน กูก็บอกว่าอ้าว! หนูไม่รู้เรื่องแต่เขาก็ไม่ฟังซ้ำยังส่งหมายศาลมาให้กูถึงชายคาบ้านอีกด้วย กูจะบ้า
แซนดี้: เขาก็คงจะห่วงลูกเขาแหละ เพราะพวกเราเองก็ดื้อพอตัวหนิ
แซนดี้: วีวี่
วีวี่: อือ
แซนดี้: มึงได้บอกเรื่องที่รถสปอร์ตคันนั้นมารับอีสาลี่ที่โรงเรียนเมื่อวันก่อนไปหรือยัง
วีวี่: อีแซนดี้เพื่อนรัก! ขอบใจนะกูก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย เดี๋ยวกูต้องโทรไปหาทางโน้นใหม่เพื่อเจรจาเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล ส่วนมึงไม่ต้องกังวลนะกูไม่อยากให้พวกนั้นมาเจ๊าะแจ๊ะมึงกูเลยยอมรับไว้คนเดียว
แซนดี้: มึงใจเย็นมากอีวีวี่ เป็นอีแซนดี้ก็คงจะเปิดกะโหลกคนแก่ไปแล้ว ฮ่าๆ
วีวี่: เพราะกูรู้ไง ถึงยอมรับเอาไว้คนเดียว ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปกว่าที่มันกำลังเป็น
วีวี่: ยังไงกูจะทักไปอีกทีนะ
แซนดี้: กูช่วยคุยให้ได้นะอีวีวี่
วีวี่: ไม่ต้อง! อย่าล้อเล่นกับเส้นประสาทของพ่อแม่อีสาลี่ ยิ่งความคิดเขาไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องอยู่ด้วยแล้วยังต้องมาปะทะกับมึงอีก กูก็บอกมึงไปแล้วไงว่าไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปกว่าที่มันกำลังเป็น
แซนดี้: สติ๊กเกอร์หมาขอร้อง
วีวี่: ไว้กูจะทักกลับไป บาย
"มึงหายไปไหนของมึงนะอีวีวี่" แซนดี้วางสมาร์ทโฟนลงบนเตียงขนาดคิงส์ไซส์ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูงเพื่อไปหยิบยารักษาโรคไมเกรนมากิน
"ยิ่งคิดถึงเรื่องมึงกูก็ยิ่งปวดหัว" มือเล็กขว้างเม็ดยารักษาไมเกรนเข้าปากก่อนจะกระดกน้ำตามลงไปอึกใหญ่
หากจะมีเรื่องที่ทำให้แซนดี้คิดมากจนถึงขั้นโรคไมเกรนกำเริบก็เห็นทีจะมีอยู่สองเรื่องด้วยกัน หนึ่งคือเรื่องที่เฟียสต้าเสนอหน้าเข้ามาวุ่นวายกับเธอไม่ยอมเลิกเสียที และสองก็คือเรื่องทุกอย่างที่เพื่อนทั้งสองของเธอต้องเผชิญ
วีวี่ ลูกคุณหนูที่มีเพียบพร้อมทุกอย่างแต่ถูกแม่ที่มีอาการทางจิตเวชทุบตีอยู่บ่อยครั้งในเวลาที่นางขาดยาและเกิดอาการคลุ้มคลั่ง แต่หากอยู่ในสภาวะปกตินางถือได้ว่าเป็นแม่ที่ดีมากที่สุดคนหนึ่ง และถ้าหากไม่เพราะความหยาบกร้านและสู้คนของวีวี่ก็คงไม่พ้นที่จะถูกบรรดาญาติพี่น้องฮุบเอาสมบัติของเธอไปเสียตั้งนานแล้วละ
สาลี่ คุณหนูทายาทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำทั่วโลกที่พ่อและแม่สปอยด์มาเสมอตั้งแต่เล็กจนโต หากแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่สาลี่ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทุกอย่างที่พ่อและแม่ขีดเขียนขึ้นมา หากไม่ติดที่ว่าครั้งนี้แซนดี้ได้เห็นกับตาว่าสาลี่ขึ้นรถสปอร์ตคันปริศนานั้นไปก็คงไม่พ้นที่เธอจะสงสัยในการบังคับขู่เข็ญลูกของพ่อและแม่สาลี่เหมือนอย่างเคย
"สงสารพวกแกจัง" แซนดี้นวดกระบอกตาสองข้างของตัวเองเบาๆเพื่อหวังว่าจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆได้
"ทำไมครั้งนี้กินยาแล้วไม่หายนะ"
โครม!
"กรี๊ด! ช่วยด้วยค่ะ!"
แซนดี้สลัดหัวไปมาเพื่อขับไล่ความพร่าเบลอที่กำลังเกิดขึ้นตรงดวงตา หากแต่เพราะมองไม่ถนัดจึงทำให้เธอเซไปกระแทกกับตู้เสื้อผ้าใบใหญ่จนเป็นเหตุให้ตู้เสื้อผ้านั้นพังครืนลงมาทับตัวเธอจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
-ตัด-
เกือบจะดีแต่ก็ชั่วเหมือนเดิม
มัลลิกา
(เขียน)