บทที่25) เยื่อใย
ท่าเรือบางกะเจ้า ตำบลบางกะเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
"อร่อยแฮะ" แซนดี้ที่เดินทางไกลมายาวนานหลายชั่วโมงรู้สึกหิวจนตาลายได้เดินหาของกินที่มีขายอยู่ตรงริมทางในทันทีที่ถึงจุดหมาย
และสิ่งที่เธอกำลังเอ่ยชมว่าอร่อยอย่างไม่ขาดปากอยู่ในตอนนี้นั้นก็คือข้าวผัดไข่ธรรมดาๆไม่ได้หรูหราอะไร แต่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงได้อร่อยมากมายถึงขนาดนี้
"เพราะหิวหรือเพราะแม่มีเรากันแน่นะ แม่ถึงได้กินอร่อยไปหมดเสียทุกอย่างแม้กระทั่งข้าวผัดไข่กล่องละสามสิบบาท" แซนดี้ลูบท้องและคุยกับลูกน้อยที่อยู่ในนั้นเป็นตุเป็นตะ ก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่มตามหลังไปอึกใหญ่หลังจากที่เธอได้จัดการกับสิ่งที่ตัวเองซื้อมาเมื่อก่อนหน้านี้ลงท้องไปหมดแล้ว
"ขอโทษนะคะ พอจะมีที่ไหนที่กำลังบอกขายบ้านบ้างคะ" หญิงสาวเดินเท้าตามถนนที่มีร้านรวงอยู่แน่นขนัดทั้งสองฝั่งมาได้สักระยะหนึ่งถึงจะมีความกล้าพอในการเอ่ยปากถาม
"บ้านของป้าเอง" หญิงสาววัยกลางคนรีบตอบอย่างกระตือรือร้น "ป้ากำลังจะย้ายไปอยู่กับลูกสาวที่เหนืออย่างถาวรเลยว่าจะขายบ้านทางนี้ทิ้ง หนูสนใจไหมละป้าจะได้ขายให้ถูกๆ ที่ดินมีโฉนดด้วยนะ"
แม้มองปราดเดียวก็พอจะรู้ว่าเด็กหญิงตรงหน้าจะอย่างไรเสียก็ไม่มีทางที่จะอายุถึงหลักสองอย่างแน่นอน แต่จะทำอย่างไรได้ก็ในเมื่อเธออยากจะย้ายไปอยู่กับลูกและเลี้ยงหลานแฝดวัยกำลังน่ารักจะแย่อยู่แล้ว หากจะให้รอระดับอภิมหาเศรษฐีมาสนใจบ้านกลางเก่ากลางใหม่ของเธอก็คงจะไม่มีวันที่เธอจะได้ย้ายไปอยู่กับลูกสาวอย่างที่ตัวเองปรารถนาเสียที
ขอแค่ให้มีเงินซื้อเถอะ เธอขายหมดแหละไม่สนแล้วคนอยากจะไปหาหลาน อีกอย่าง...ใครจะไปรู้ว่าบางทีแม่หนูคนนี้อาจจะเป็นทายาทเศรษฐินี แล้วเธอก็อาจจะมาเจรจาซื้อขายแทนพ่อแม่ของเธอก็ได้ พวกลูกคนรวยในหนังในนิยายทำกันแบบนี้ออกถมไป จริงไหมละ
"หนูอายุสิบหกปี" แซนดี้ว่าเสียงแผ่ว "ป้ากล้าที่จะขายให้หนูไหมคะ" มือเล็กบีบเข้าหากันอย่างประหม่า เธอไม่กล้าที่จะสบตาคู่สนทนาของตัวเองเสียด้วยซ้ำ เธอกลัว กลัวไปหมด
"ป้าขายหมดแหละถ้าหนูมีเงิน เอาอย่างนี้ไหมป้าจะขายให้ถูกๆ ตอนแรกป้าคิดไว้ว่าจะขายสักแปดล้าน แต่ไปๆมาๆก็ยังไม่มีคนซื้อสักที พึ่งจะมีก็หนูนี่แหละคนแรกที่สนใจ ป้าลดให้เหลือเจ็ดล้านห้าแสนก็แล้วกันนะ ถึงบ้านป้าจะเก่าแต่พื้นที่ใช้สอยก็เยอะพอตัวอยู่นา ถ้าหนู..."
"ซื้อค่ะ" เด็กสาวรีบตอบอย่างไม่เสียเวลาคิด "พร้อมทำสัญญาค่ะ"
"จะ...จริงหรือจ๊ะ" หญิงคนนั้นดิ้นเร่าไปมาอย่างตื่นเต้น "ไปจ๊ะ ไปหาผู้ใหญ่แล้วไปดูบ้านของป้ากัน"
"ค่ะ"
"แม่ทำอะไรของแม่ลงไป! เด็กขนาดนี้มันจะเอาปัญญาที่ไหนมาซื้อบ้านในราคาเจ็ดหลักกันเล่า! แล้วนี่ลูกเต้าเหล่าใครเราก็ยังไม่รู้ จะเป็นพวกแก๊งสิบแปดมงกุฏหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย"
วิมลสิริผู้ซึ่งเป็นบุตรสาวของนางเบญจมาศที่ได้ทำการเจรจาซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินกับเด็กหญิงเมื่อก่อนหน้านี้เอ่ยติติงมารดาบังเกิดเกล้าของตัวเองด้วยความไม่พอใจ
“ระวังปากแกไว้หน่อยเถอะยัยมล” เบญจมาศโต้กลับลูกสาวอย่างไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน "คุณหญิงเขาเป็นถึงเมียของพ่อเลี้ยงอนุชิตไฮโซแนวหน้าของทวีปเอเชียเลยนะ"
ด้วยอายุที่เกือบจะเข้าสู่หลักเจ็ดจึงทำให้เบญจมาศเชื่อถือในคำพูดของสรินยาเมื่อก่อนหน้านี้ที่ว่าเธอเป็นภรรยาของพ่อเลี้ยงอนุชิตเสียจนหมดทั้งหัวใจ
“แม่อย่ามาตลก” วิมลสิริปัดมือไปมาพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกขบขันในความหูเบาของมารดา
“พ่อเลี้ยงเขาอายุสามสิบได้แล้วมั้งคะแม่ เขาคงไม่มาคว้าเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาเป็นภรรยาให้เสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางหรอกน่า! แม่เชื่อมลเถอะค่ะว่ามันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้! หัวเด็ดตีนขาดยังไงมลก็ไม่มีทางเชื่อว่าเด็กคนนี้จะมีสามีเป็นพ่อเลี้ยงอนุชิตเขาจริงๆ!”
“ฉันจะพิสูจน์ให้แกดูยัยมลว่าสิ่งที่คุณหญิงเขาพูดเป็นเรื่องจริง”
เบญจมาศว่าก่อนจะยกสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาเพื่อต่อสายหาพ่อเลี้ยงแห่งบ้านไร่อนุชิตตามช่องทางการติดต่อที่ได้ระบุเอาไว้ในประวัติส่วนบุคคลของชายหนุ่มในเว็บไซต์วิกิพีเดีย
(สวัสดีครับ)
(สวัสดีค่ะ ใช่พ่อเลี้ยงอนุชิตแห่งบ้านไร่กาแฟอนุชิตหรือเปล่าคะ)
(ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร? และสนใจในสินค้าตัวไหนของทางไร่ของเราหรือเปล่าครับ?)
(คืออย่างนี้จ้ะพ่อเลี้ยง… พอดีดิฉันกำลังจะขายบ้านจ้ะ ทีนี้…ภรรยาของพ่อเลี้ยงเขาสนใจที่จะซื้อนะจ้ะ)
(ครับ)
(คืออย่างนี้จ้ะพ่อเลี้ยง พ่อดีว่าลูกสาวของฉันมันดันไม่เชื่อว่าคุณหญิงเขาเป็นภรรยาของพ่อเลี้ยงนะจ้ะเพราะคุณหญิงเขายังดูเด็กมากๆนะจ้ะ)
(แซนดี้ สรินยา ดิเรกอำไพคุณ ถ้าหากชื่อของเธอตรงตามนี้ขอให้คุณและลูกสาวได้มั่นใจว่าเธอคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผม)
(แล้วคุณจะขายบ้านในราคาเท่าไหร่ครับ? ผมจะได้จัดการโอนเงินไปให้ตามจำนวนที่คุณต้องการ)
(ที่จริงฉันขายแปดล้านจ้ะพ่อเลี้ยง แต่…ฉันลดให้เจ็ดล้านห้าแสนก็พอจ้ะ)
(ผมให้คุณเก้าล้านแลกกับการทำยังไงก็ได้ให้ที่ดินผืนนั้นได้กลายเป็นกรรมสิทธิ์ของภรรยาผมโดยชอบธรรม)
(จ้ะพ่อเลี้ยง เดี๋ยวมาศจะให้ยัยมลมันจัดการให้นะคะ)
(ครับ)
“ไงละยัยมลฉันก็บอกแกแล้ว”เพราะหัวเราะทีหลังมักจะดังกว่าอยู่เสมอจึงทำให้คนที่หัวเราะเยาะมารดาไปก่อนหน้าถึงกับเจื่อนลงด้วยความเสียหน้า
“ไปจัดการเดินเรื่องเอกสารโอนกรรมสิทธิ์ให้คุณหญิงเขาได้แล้วจ้ะลูกสาว ฉันจะไปหาหลานแฝดของฉันแล้วย่ะ”
“ค่ะหม่อมแม่” วิมลสิริว่าอย่างประชดประชันระคนโล่งใจอยู่ในทีที่อย่างน้อยๆแล้วสรินยานั้นก็ไม่ใช่พวกนักต้มตุ๋นอย่างที่เธอหวาดระแวงเอาไปเอง…
จังหวัดนครศรีธรรมราช
“หนีฉันไปเพื่อเอาชื่อฉันไปแอบอ้างนี่นะ”เฟียสต้าหัวเราะให้กับเด็กรั้นบางคนที่ทำเหมือนว่าจะไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับอะไรกับเขาแต่กลับเอาชื่อเขาไปแอบอ้างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการเอาเสียได้
“อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะแสดงอภินิหารอะไรให้เฟียสต้าได้ดูอีก แซนดี้”
-ตัด-
ลึกๆแล้วพี่ก็ยังรักน้องอยู่แหละแต่น้องก็ทำพี่ไว้เจ็บเกินไง
Mallikar
(เขียน)