เซฟโซนของแซนดี้

1530 Words
บทที่15) เซฟโซนของแซนดี้ "แซนดี้ คือพี่...พี่ระ "เป็นยังไงบ้างยัยเด็กแสบของพ่อ" แซนดี้แอบถอนใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อผู้เป็นพ่อที่โทรมาบอกว่าจะเข้ามาหาเธอในทันทีที่เสร็จจากงานผลักประตูห้องเฝ้าไข้พิเศษได้ทันเวลาพอดี เธอไม่อยากที่จะได้ยินประโยคนั้นจากเขา เธอไม่ได้ยินคำว่ารักจากปากของผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก "ดีขึ้นแล้วค่ะคุณพ่อ" แซนดี้เอ่ยตอบ "แซนดี้พึ่งอาบน้ำเสร็จแต่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อเลยค่ะคุณพ่อ มันติดแขนอ่า" นฤเบศน์ที่เห็นท่าทางออดอ้อนเหมือนแมวตัวน้อยของลูกสาวก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปขยี้เรือนผมสีน้ำตาลนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว "คิดมากเรื่องอะไรหึเรา" ร่างสูงใหญ่ของพ่อทรุดนั่งลงบนเตียงคนไข้ "พ่อเคยบอกเราแล้วใช่ไหมว่ามีเรื่องอะไรก็ให้บอกพ่อ อย่าเก็บไปคิดคนเดียว" "แซนดี้คิดมากเรื่องที่เพื่อนของแซนดี้หายตัวไปค่ะ" สุดท้ายเธอก็ยอมเอ่ยปากสารภาพตามความเป็นจริง "หนูแค่คิดว่าคุณพ่อจะมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระค่ะ" "ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับลูกไม่มีอะไรที่มันไร้สาระสำหรับพ่อครับ พ่อยินดีที่จะรับฟังในทุกๆเรื่องราวในชีวิตลูก ก็มีแค่ลูกเสียอีกที่พยายามขีดเส้นจำกัดไม่ให้พ่อล่วงล้ำเข้าไปในชีวิตของหนูได้" เพราะเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวจึงทำให้เขาและภรรยาต้องเพียรพยายามอย่างหนักในการศึกษาในเรื่องอารมณ์และความต้องการของเธอในแต่ละช่วงวัยเพื่อปรับตัวเข้าหาลูกสาวอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุดเพื่อให้เธอไม่รู้สึกอึดอัด เธอคือแก้วตาดวงใจของพวกเขา หมดชีวิตของเขาทั้งคู่อุทิศมันให้เธอ ที่ทนลำบากตรากตรำมาตลอดสิบหกปีก็เพื่อเธอทั้งนั้น เพราะไม่อยากให้เธอต้องลำบากในวันที่ไม่มีเขาและภรรยาในโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว เพื่อเธอ... "ร้องไห้ทำไมครับลูก" นฤเบศน์เสียงดังนิดหน่อยด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆลูกสาวคนสวยก็เอาแต่ซบหน้าลงบนฝ่ามือเล็กๆนั้นและสะอื้นออกมาราวกับมีเรื่องหนักหนาเกิดขึ้นกับเธอ "แซนดี้เป็นห่วงสาลี่" จำใจต้องโกหกพ่อที่แสนอบอุ่นของตัวเองไปแบบนั้นเพราะไม่รู้จะเอาหน้าของตัวเองไปไว้ที่ไหนหากเลือกที่จะพูดความจริงที่ว่าตัวเองทำตัวเหลวแหลกจนเกินกว่าพ่อและแม่จะให้อภัยได้มากแค่ไหน "น้าขอบใจเฟียสต้ามากนะ ยังไงเดี๋ยวน้าดูแลน้องต่อเอง" "ครับ สวัสดีครับ" นฤเบศน์เปิดประตูออกไปอีกครั้งหลังจากเฟียสต้าเดินออกไปได้สักระยะ เพื่อความแน่ใจว่าเด็กหนุ่มนั้นได้กลับไปแล้วจริงๆ "แซนดี้" ก่อนจะปิดประตูลงและเอ่ยเรียกบุตรสาวเสียงนุ่ม "หนูมีอะไรจะบอกพ่อไหมลูก" "มะ...ไม่ค่ะ ไม่มีค่ะคุณพ่อ" เสียงนั้นเริ่มตะกุกตะกักด้วยรู้ดีว่าพ่อของตัวเองนั้นรู้ใจของเธอมากแค่ไหน ลำพังแค่เธอโกหกว่าร้องไห้เพราะเรื่องสาลี่เมื่อครู่นั้นก็ย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่คนเป็นพ่อนั้นจะรู้ทันว่ามันไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง "ใส่เสื้อก่อนนะ พ่อช่วย" นฤเบศน์ว่าก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคนไข้ในตู้ใบใหญ่มาให้ลูกสาว "พ่อจะปิดตานะ หนูจะได้ไม่อาย" "ปิดตาแล้วคุณพ่อจะช่วยแซนดี้ใส่ได้ยังไงคะ แซนดี้งงนะ" ที่สุดแล้วคนเป็นพ่อก็สามารถเรียกรอยยิ้มออกมาจากปากของเธอได้เสมอ "ลืมตาเถอะค่ะ พ่อเป็นพ่อของหนูนะหนูจะอายทำไม" "อย่างนั้นพ่อขอโทษนะลูก" นฤเบศน์สวมใส่เสื้อให้กับเธออย่างระมัดระวังเพราะกลัวลูกสาวจะเจ็บ "อ่ะ! โอเคแล้วนะครับ" "ว่าไง ร้องไห้ทำไมหึ" นฤเบศน์พยายามอย่างหนักในการสลัดความคิดที่ว่าระหว่างเฟียสต้าและลูกสาวของเขามีเบื้องหลังบางอย่างซ่อนอยู่ เขาต้องเชื่อใจลูกสาวของเขาสิ! "หนูกับพี่เฟียสต้า เรา...เรา.. " "พ่อเข้าใจ" เพียงแค่นั้นหัวใจของคนเป็นพ่อก็กระตุกวูบจนแทบจะหยุดเต้นเมื่อรับรู้ได้ว่าลางสังหรณ์ของตัวเองนั้นได้กลายเป็นเรื่องจริง "พ่อเข้าใจหนู" เสียงเข้มย้ำอีกครั้งก่อนจะดึงตัวลูกสาวมาสวมกอด "บอกพ่อได้ไหมครับ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่" "..." เห็นลูกสาวเงียบไปแต่เอาแต่ซุกหน้าอยู่กับอกตัวเองนฤเบศน์ก็พอที่จะจับทางได้ในทันที มันคงจะพึ่งเกิดขึ้น และลูกสาวของเขาก็กำลังโทษตัวเอง หากแต่เขาที่เป็นพ่อไม่เคยคิดเช่นนั้นและไม่คิดจะซ้ำเติม "หนูได้ป้องกันไหมลูก" พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นไหว "มีอะไรที่พ่อพอจะช่วยหนูได้ไหม" "หนู...หนูซื้อยาคุมชนิดฉุกเฉินมาแล้วค่ะคุณพ่อ" ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะปิดบังคนที่รู้ใจลูกสาวทุกอย่างอย่างพ่อของตัวเอง แซนดี้หันไปหยิบยาคุมชนิดฉุกเฉินที่อยู่ใต้หมอนให้พ่อดูเพื่อยืนยัน "กินก่อนไหมครับ เดี๋ยวจะลืม" นฤเบศน์ว่าเสียงนุ่มที่สุดเท่าที่จะนุ่มได้ พลางหันไปรินน้ำสะอาดใส่แก้วใบเล็กและส่งไปให้ลูกสาว "หนูรู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่หนูทำลงไป มันไม่ถูกต้อง" รอจนลูกสาวทานยาเสร็จจึงเอ่ยปากถาม "ที่ไม่ถูกต้องคือหนูไม่ได้ป้องกัน ถ้าหากเป็นเช่นนั้นหนูรู้ใช่ไหมว่าต่อให้หนูทานยาคุมฉุกเฉินหนูก็อาจมีโอกาสที่จะท้องได้เช่นเดียวกัน" "คุณพ่อคะ แซนดี้...แซนดี้ไม่อยากท้องค่ะคุณพ่อแซนดี้เหลวไหลแซนดี้รู้ แต่แซนดี้รับไม่ได้ถ้าหากตัวเองจะต้องมาท้องตอนนี้ แซนดี้เสียใจ แซนดี้ขอโทษที่ทำให้พ่อผิดหวังค่ะ" "คนดี พ่อบอกหรือยังว่าพ่อผิดหวังในตัวหนู ก็ไม่จริงไหม ที่พ่อบอกลูกแบบนั้นก็เพราะอยากให้ลูกรู้ว่าไม่มีอะไรที่มันจะป้องกันได้แน่นอนหรอกนะลูก แต่ไม่ใช่ว่าพ่อจะรับไม่ได้ที่ตัวเองกำลังจะมีหลาน" เขารักลูกเกินกว่าที่จะมองเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ สำหรับเขาแล้วไม่ว่าเรื่องไหนที่ลูกพร้อมที่จะเปิดใจกับเรา เรื่องนั้นก็จะดูเล็กลงและบางเบาลงไปในทันทีแม้ความจริงมันจะเป็นเรื่องใหญ่มากแค่ไหนก็ตามที "ถ้าแซนดี้ท้อง แซนดี้ก็ต้องแต่งงานกับคนที่แซนดี้ไม่ได้รัก แซนดี้ทนอยู่กับครอบครัวที่ไม่มีกระทั่งความรักต่อสามีภรรยาไม่ได้จริงๆค่ะ มันอาจจะฟังดูเอาแต่ใจแต่ถ้าหากแซนดี้ท้องขึ้นมาจริงๆ แซนดี้...ไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตแซนดี้และลูกค่ะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม" "หนูก็รู้ใช่ไหมว่าหนูทำอย่างนั้นไม่ได้ เฟียสต้าเขาไม่ได้ผิดอะไร" นฤเบศน์ว่าอย่างเตือนสติ เพราะถึงแม้ลูกสาวของเขาจะไม่ได้มีใจรักเด็กหนุ่มหากแต่เธอก็ควรเปิดช่องให้คนที่ไม่ได้ผิดอะไรได้มีโอกาสได้ทำหน้าที่ของพ่อบ้าง "ก็ได้ค่ะ หากถึงวันนั้นแซนดี้จะเปิดโอกาสให้เขาได้ทำหน้าที่พ่อ แต่ขอบอกเอาไว้ตรงนี้นะคะว่าแซนดี้ก็คงไม่คิดที่จะเปิดใจให้เขามาทำหน้าที่สามี เพราะแซนดี้ไม่ต้องการ แซนดี้ไม่ได้รักเขา แซนดี้ไม่เคยรักเขา" "ลูกก็รู้ว่าแม่ของลูกไม่มีทางยอม" แม้ภรรยาจะไม่เคืองขุ่นถ้าหากลูกสาวท้องเหมือนกันกับเขา แต่ภรรยาของเขาก็คงจะไม่ยอมให้ลูกสาวของตัวเองกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างแน่นอน แล้วยิ่งผู้ชายคนนั้นเป็นเด็กหนุ่มที่ภรรยาของเขาเล็งเป้าเอาไว้ด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางที่เธอจะยอมอย่างแน่นอน "ให้ถึงวันที่แซนดี้พลาดท้องในวัยเรียนขึ้นมาจริงๆแล้วแซนดี้จะคุยกับแม่ด้วยตัวเองอีกทีค่ะ แต่จะให้คุยตอนนี้เหมือนที่คุยกับพ่อ แซนดี้คงไม่กล้า" "พักผ่อนเถอะลูก" นฤเบศน์ว่าอย่างอ่อนโยนพร้อมช่วยประคองให้ลูกสาวได้นอนพักผ่อน "แม่เขาคงใกล้จะมาถึงแล้วแหละ" แต่ก่อนจะมาถึงห้องนี้ เขาก็คงต้องไปจับเข่าคุยกับภรรยาในเรื่องสำคัญของลูกสาวในตอนนี้ก่อน เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะช่วยลูกปกปิดภรรยาอย่างที่เคยทำมาตลอดหลายปี.... -ตัด- ใครเขาจะเขียนบทให้นางเอกโบ้กัน = ฉันเอง ัมัลลิกา (เขียน)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD