ยามต้องวัดรอบเอวสองกายใกล้ชิดจนรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน มือต้องวัดแขนขาฟางเสวี่ยเจี๋ยจึงรีบเร่งให้เร็วขึ้นเพราะหัวใจของเธอรับภาระหนักเกินไปแล้ว ฟึบ “เสร็จแล้วสินะ งั้นกลับกันได้แล้ว” เมื่อไม่รู้จะทำเช่นไรมือหนาจึงจับจูงคนงามออกมาจนเกือบถึงหน้าร้าน “พี่ใหญ่ ท่านจะพาพี่สะใภ้กลับแล้วหรือเจ้าคะ” หลี่เหยาถามพี่ชายด้วยความงุนงง “อืม” ชายหนุ่มตอบกลับแต่ยังคงสาวเท้าเดินผ่านผู้คนที่เหลียวมองมือของทั้งคู่ที่จูงกันไม่ปล่อย อีกทั้งคนที่เป็นผู้จับคือกุนซือหนุ่มเจ้าของข่าวลือว่าไม่รักภรรยาคนนี้เสียด้วย “เอ่อ พี่สะใภ้เจ้าคะ เอาไว้พวกข้าจะตามไปพบที่เรือนทีหลังนะเจ้าคะ” ปกติพวกนางจะต้องเรียนคำนวณในช่วงบ่ายทุกวันอยู่แล้ว “วันนี้ไม่ต้อง พี่สะใภ้เจ้าไม่ว่าง” ฟางเสวี่ยเจี๋ยยังไม่ได้เอ่ยแม้เพียงครึ่งคำ ตัวของเธอก็โดนดันเข้าไปในรถม้าเสียก่อน จากนั้นชายหนุ่มก็ขึ้นตามมาปล่อยให้องครักษ์ทั้งหลายคุ้มกันรอบน