ฝีมือยิงธนูเป็นเหตุ

1505 Words
สนามประลอง ‘ฉึก ฉึก ฉึก’ เสียงลูกธนูเสียบลงกลางเป้าอย่างพอดิบพอดีสามดอกติดต่อกัน มู่หยางจินหันไปส่งยิ้มอย่างร้ายกาจให้ฮ่องเต้ ที่กำลังมองหน้าองครักษ์คนสนิทอย่างซ่งเยี่ยนชางที่เอารายงานเท็จมาบอกแก่เขาเมื่อสามวันก่อน ‘ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก’ และลูกธนูอีกเจ็ดดอกก็ถูกยิงออกไปเสียบลงกลางเป้าอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว “จินเอ๋อร์ เจ้าหลอกพี่อย่างนั้นหรือ” มู่หยางหย่งเล่อเดินเข้ามาประชิดตัวน้องชายอย่างหงุดหงิดที่โดนหลอกเข้าอย่างจัง เขารู้สึกแปลกใจตั้งแต่ที่มู่หยางจินรีบพาเขาออกมาที่สนามยิงธนูทันทีที่พูดจบ เพียงแต่ไม่คิดว่าเวลาแค่สามวันฝีมือยิงธนูของน้องชายจะพัฒนาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ “กระหม่อมมิกล้า พระองค์ไม่ได้ถามนี่นาว่ากระหม่อมยิงแม่นเพียงใด” มู่หยางจินเพียงตอบคำถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่มู่หยางหย่งเล่อกลับรู้สึกว่าสีหน้าท่าทางแบบนี้ช่างกวนอารมณ์เขายิ่งนัก “ถ้าเจ้าไม่ได้หลอกพี่ คงเป็นเยี่ยนชางที่โกหกกระมั่ง” ฮ่องเต้เหลือบมององครักษ์คนสนิทอย่างหงุดหงิด ซ่งเยี่ยนชางรีบคุกเข่าก้มหน้ารับโทษ เวลาที่ฮ่องเต้โมโหท่านอ๋องน้อย เขามักโดนลูกหลงเสมอ ครั้งนี้ก็คงไม่น่าจะรอดไปได้ “ท่านเยี่ยนชางไม่ได้โกหกพระองค์จริงๆพ่ะย่ะค่ะ สามวันมานี้กระหม่อมฝึกฝนไม่ได้หยุดพักเลย พระองค์ดูที่มือของกระหม่อมก็ได้ ยังมีบาดแผลจากการฝึกหนักอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ” อ๋องน้อยมู่หยางจินรีบแกะผ้าพันแผลที่นิ้วมือให้ฮ่องเต้ได้ทอดพระเนตร เพราะไม่อยากให้ตนเองเป็นต้นเหตุให้ซ่งเยี่ยนชางที่ดีกับตนเสมอต้องเดือดร้อน “ตามหมอหลวง” ฮ่องเต้เหลือบมองนิ้วมือที่เป็นแผลพุพองของน้องชายอย่างอารมณ์เสีย แล้วร้องบอกขันทีผู้ติดตามให้รีบตามหมอมาดูอาการของมู่หยางจิน “อย่าลงโทษท่านเยี่ยนชางเลยนะท่านพี่ เขาไม่ผิด ข้าผิดเองที่ไม่ระวัง” มู่หยางจินคุกเข่าขอร้องฮ่องเต้ที่กำลังอารมณ์เสียมากขึ้นเพราะเขาอีกแล้ว “เจ้าจงใจ เจ้าเจตนา เร่งฝึกฝนจนนิ้วพองบวมและเป็นแผล ตอนนี้เกิดอักเสบขึ้นมาแล้ว ถ้าพี่ไม่ใช้การยิงธนูมาต่อรองกับเจ้า คงไม่เห็นว่านิ้วของเจ้านั้นกำลังจะติดเชื้อและอีกไม่นานก็คงจะเน่าทิ้งไปหมดแล้ว” “ข้าขอโทษนะท่านพี่ ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ข้าสัญญา” “นิ้วมือเจ้าเป็นแบบนี้แล้วยังจะคิดไปปราบโจรอีกหรือ ฝันไปเถอะ” “ไม่ได้สิ ฮ่องเต้าตรัสแล้วไม่คืนคำ พระองค์ทรงรับปากกระหม่อมแล้ว จะทรงกลับคำไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” “ฮ่องเต้หรือ ดีจริง เวลาทวงคำสัญญาก็เอาฐานะฮ่องเต้ของข้ามาอ้าง ฉลาดจริงๆเลยนะ ท่านอ๋องน้อย มู่! หยาง! จิน!” มู่หยางหย่งเล่อกล่าวตัดพ้อน้องชายอย่างกรุ่นโกรธและเดินกลับตำหนักอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าน้องชายไม่มีความสุขกับตำแหน่งลาภยศที่เขามอบให้ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มู่หยางจินต้องมี อำนาจตามสิทธิ์ที่เป็นของเขาตั้งแต่เกิด และเมื่อกลับเข้าสกุลมู่หยางแล้ว ตำแหน่งหน้าที่นี้มู่หยางจินก็เลี่ยงไม่ได้ ห้องทรงอักษร “อย่ากริ้วท่านอ๋องน้อยเลยนะพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้กระหม่อมผิดเอง กระหม่อมผิดที่ไม่ได้สืบว่าท่านอ๋องน้อยทำอะไรบ้างในแต่ละวัน” ซ่งเยี่ยนชางคุกเข่าลงน้อมรับโทษ “ความผิดเจ้าอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าคิดว่าเรากำลังโกรธผู้ใดกัน โกรธจินเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ เรามีสิทธิ์อะไรไปโกรธจินเอ๋อร์เล่า เรารู้ดี ที่จินเอ๋อร์ฝึกฝนหนักหน่วงเยี่ยงนี้ก็เพื่อที่จะได้เก่งขึ้น เขาเสพติดความอยากรู้ในวิชาการต่อสู้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร อายุสิบขวบพ่อแม่ตาย สิบเอ็ดเรียนรู้ตำราพิชัยสงคราม สิบสองฝึกการต่อสู้จับดาบ ขี้ม้า สิบสามเขาก็ออกรบเคียงข้างเราแล้ว สมองเขาเรียนรู้ไวขนาดนี้ เราจะเอาอะไรไปห้ามเขา แค่ฝึกยิงธนูเขาใช้เวลาเท่าใดกัน” “ไม่ถึงเจ็ดวันพ่ะย่ะค่ะ” “ใช่! ไม่ถึงเจ็ดวัน มีใครทำได้อย่างเขาบ้าง นี่มีอะไรที่เขายังไม่ได้เรียนรู้อีก เจ้าลองบอกเรามา” “ไม่มีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” “ท่านแม่ทัพซ่งชีฟงของเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ขันทีหน้าห้องเดินเข้ามากล่าวรายงาน ฮ่องเต้ทำเพียงพยักหน้า ขันทีผู้นั้น ก็ก้าวถอยหลังจากไป ไม่นานซ่งชีฟงก็เข้ามา “ถวายบังคมฝ่าบาท” “ท่านอาจารย์มาหาเราด้วยเหตุอันใด คงไม่ใช่เรื่องของเจ้าเด็กดื้อจินเอ๋อร์หรอกนะ” ฮ่องเต้มองอาจารย์ของเขาอย่างประเมิน ซ่งชีฟงยิ้มน้อยๆ ที่ฮ่องเต้มักจะจับทางท่านอ๋องน้อยได้เสมอ เวลาที่ท่านอ๋องน้อยทำให้ฮ่องเต้โกรธจะต้องรีบไปหาเขาให้มาพูดคุยให้ทุกครั้ง “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ท่านอ๋องน้อยทำแผลเรียบร้อย บาดแผลไม่ได้มีอาการติดเชื้อพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงดูแลแผลเป็นอย่างดี” ซ่งชีฟงกล่าวความจริงอย่างใจเย็น ฮ่องเต้ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายที่ท่านอาจารย์ยังคงช่วยพูดเข้าข้างน้องชายของเขาอยู่เช่นเดิม “ดูแลบาดแผลได้ดีอย่างนั้นหรือ หึหึหึ! ท่านสองคนพ่อลูกทำไมชอบถือหางเจ้าเด็กดื้อนั่นนักนะ การที่เราเป็นห่วงอยากให้เขาอยู่ข้างกาย อยู่ในสายตา มันผิดนักหรือ เราเหลือเขาเพียงคนเดียวแล้วพวกท่านก็รู้ดี” ฮ่องเต้ตรัสระบายอารมณ์ด้วยเสียงไม่ดังนัก “กระหม่อมรู้ดีว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านอ๋องน้อยเพียงใด แต่พระองค์ลืมไปแล้วหรือ อายุสิบห้า พระองค์ก็ติดตามฮ่องเต้พระองค์ก่อนไปทำศึกที่ซานเป่ยแล้ว ตอนนั้นพระองค์เป็นไข้ป่า เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด” “ตอนนั้นถ้าไม่ได้ท่านอาจารย์ เราคงเป็นผีเฝ้าป่าอยู่ที่ซานเป่ยที่เหน็บหนาวแห่งนั้นแล้ว” “แล้วพระองค์จำได้หรือไม่ครั้งที่แคว้นอู่ลอบมาทำลายเหมืองเหล็กที่เมืองต้าหยาง พระองค์บุกเดี่ยวไปฆ่าศัตรูได้แผลกลับมาเต็มพระวรกายไปหมด แต่พระองค์ก็ยังรอดมาได้ แล้วยังตอนที่เข้าป่าล่าสัตว์ หมาป่าตัวนั้นก็เกือบจะปลิดชีพพระองค์ได้แล้ว แต่เพราะพระปรีชาสามารถของพระองค์ก็สามารถฆ่าหมาป่าและรอดกลับมาได้มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ” “ที่พูดมาทั้งหมด ท่านอาจารย์จะให้เราส่งจินเอ๋อร์ไปล่าสัตว์ในป่าหรือให้เขาไปลองเจ็บไข้ทุกข์ยากในป่าที่ซานเป่ยอย่างนั้นหรือ” “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงแต่อยากบอกกับพระองค์ว่า ท่านอ๋องน้อยก็ออกทำศึกตั้งแต่พระชนมายุน้อยเหมือนกับพระองค์ ในทุกครั้งพระองค์ก็ทรงมีพวกกระหม่อมอยู่เคียงข้างระหว่างเผชิญกับอันตราย ท่านอ๋องน้อยเองก็เช่นกัน อายุเพียงเท่านี้ก็สามารถฆ่าฟันศัตรูได้อย่างกล้าหาญ ท่านอ๋องน้อยเหมือนกับพระองค์ในตอนนั้นไม่มีผิด เก่งกล้า ฉลาด และดื้อรั้นพ่ะย่ะค่ะ” “เหมือนเราแล้วดีอย่างไร พ่อแม่เขาไม่ได้อยากให้เขาจับดาบฆ่าฟันใคร เราเองก็เช่นกัน เราหวังแค่เพียงได้เห็นเขาเติบโต และมีความสุข” “เกิดในกลียุค จะหวังความสุขสบายได้อย่างไร เป็นคนในราชวงศ์ที่แทบสิ้นจะเห็นแก่ตัวเองได้อย่างไร ท่านพี่ ท่านเคยถามข้าหรือไม่ว่าข้าอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร ท่านคอยเอาแต่ปกป้องข้า ท่านไม่อยากให้ข้าออกรบ แล้วท่านเอาตำราพิชัยสงครามเหล่านั้นให้ข้าศึกษาทำไม ท่านส่งเหล่าขุนพลที่เก่งกาจมาสอนการต่อสู้แขนงต่างๆแก่ข้าทำไม ท่านให้ท่านอาจารย์ที่เคยสอนท่านมาสอนข้าทำไม หากท่านอยากให้ข้าอยู่สุขสบายข้างกายท่านจริง แล้วเหตุใดต้องให้ข้าศึกษาเรื่องพวกนี้ด้วยเล่า ทำไมไม่ให้ข้าวิ่งเล่นเหมือนเด็กวัยเดียวกัน ท่านคิดว่าหากขังข้าไว้ในวังหลวงของท่าน ขังข้าไว้ข้างกายท่าน แล้วข้าจะมีความสุขและปลอดภัยจริงๆหรือ” “มู่หยางจิน! เจ้าช่างบังอาจนัก อายุเพียงเท่านี้กล้าต่อปากต่อคำพี่เจ้าเช่นนี้เชียวหรือ พวกเจ้า! ออกไป! ออกไปให้หมด!” ฮ่องเต้ตวาดน้องชายเสียงดัง แล้วหันกลับไปไล่เหล่าข้ารับใช้ทั้งหลาย พวกเขาหวาดกลัวต่อโทสะของฮ่องเต้ต่างรีบเร่งฝีเท้าออกจากห้องแทบไม่ทัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD