X HYPE CANTEEN
“วันนี้กินอะไรดีอ่ะตัว”
หมิวถามฉันขึ้นขณะเราสองคนกำลังยืนลังเลว่าจะกินอะไรเป็นมื้อเที่ยงดี ซึ่งคนอย่างฉันก็คงไม่พ้นร้านกันตายที่มีเมนูให้เลือกเยอะแยะอย่าง...
“เราอยากกินอาหารตามสั่งอ่ะ”
“ไม่เบื่อบ้างเหรอ กินแต่อาหารตามสั่ง ผัดกะเพรางี้แทบทุกวัน” หมิวพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่และมองหน้าฉันอย่างระอา
“ก็ไม่รู้จะกินอะไรนี่นา” ฉันยู่ปากยู่จมูกตอบหมิวไป
“นั่นมันพี่เหมันต์นี่นา”
ได้ยินดังนั้น ฉันก็รีบหันขวับไปมองตามสายตาของหมิว เห็นพี่เหมันต์กับพี่ปุณณ์กำลังยืนต่อแถวรอซื้อร้านสปาเกตตีอยู่ ซึ่งเป็นร้านที่ฉันไม่เคยคิดอยากจะกิน เพราะมันค่อนข้างที่จะต้องรอนานหน่อย
“พี่เขากินร้านนั้น ตัวเปลี่ยนไปกินร้านนั้นป่ะ”
“มะ..ไม่เอา” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไว ทว่าหมิวกลับไม่ฟังคำตอบ พยายามออกแรงดึงแขนและลากฉันให้ไปตรงนั้น แต่ฉันก็ฝืนแรงไว้
“มาเถอะ”
“ไม่เอาหมิว!” ฉันยังคงฝืนแรงของหมิวไว้สุดชีวิต เพราะไม่กล้าเข้าไปใกล้พี่เหมันต์ กลัวหัวใจของตัวเองจะต้านทานไม่ไหว และกลัวว่าพี่เหมันต์จะรู้ตัวว่าฉันแอบชอบด้วย
หากแต่หมิวก็ไม่ลดละความพยายาม ยังมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะพาฉันไปใกล้ชิดกับพี่เหมันต์ ทำให้เราสองคนยื้อยุดกันไปมาจนใครหลายคนพากันมองมาที่เราเป็นตาเดียว รวมทั้งพี่เหมันต์ที่ยกคิ้วขึ้นและเอียงคอมองมาที่เราสองคน
“ปล่อยเรา” ฉันพยายามส่งสายตาขอร้องหมิวเพราะรู้สึกอายที่ถูกพี่เหมันต์มองมาด้วยสีหน้าและแววตาแบบนั้น
“นี่ตัวไม่อยากอยู่ใกล้พี่เขาเหรอ?”
“ไม่ ขอร้อง” ฉันทำเสียงจริงจังพลางทำสีหน้าขอร้องอ้อนวอนกับหมิว จึงทำให้หมิวยอมปล่อยแขนฉันออกแต่โดยดี ก่อนจะทำหน้ารู้สึกผิดพร้อมเอ่ยขอโทษให้ฉัน
“ก็ได้ ขอโทษตัวด้วย แขนแดงหมดเลย”
“ไม่เป็นไร”
ฉันฝืนยิ้มทำเป็นไม่เป็นอะไรให้หมิว ก่อนจะเหล่ตามองพี่เหมันต์อีกครั้ง และเห็นพี่เหมันต์มองมาที่ฉันพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ฉันจึงรีบจูงมือหมิวเดินมาต่อแถวที่ร้านอาหารตามสั่งอย่างทำตัวไม่ถูก โดยมีสายตาหลายคู่มองมาที่ฉันด้วยแววตาที่แสดงถึงความไม่พอใจ
[HEMAN TALK]
“น้องคนนั้นแม่งตลกดีว่ะ” ไอ้ปุณณ์หัวเราะเบา ๆ พลางมองน้องขนมฟูกับเพื่อนอย่างรู้สึกขบขันไม่น้อยหลังจากเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของสองคนนั้นที่ฉุดกระชากลากถูกันมาทางพวกผม แต่ก็ล้มเลิกไปเพราะหน้าตาน้องขนมฟูดูจริงจังมาก
“มึงคิดเหมือนกูไหมไอ้เหหา?”
“......” ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรไอ้ปุณณ์ไป ปรายตามองน้องขนมฟูด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
“ดูแปลก ๆ...แต่จะว่าไปเพื่อนน้องเขาน่ารักดีนะ” ไอ้ปุณณ์พูดพลางทำหน้าตากะลิ้มกะเหลี่ย นิสัยเจ้าชู้อยากลองของใหม่ ๆ ของมันไม่เคยหาย มีแต่ทวีเพิ่มขึ้น
“น้องเขาเด็กกว่ามึงตั้งห้าปี กลับไปแดกรุ่นพี่เหมือนเดิมเถอะ อย่าเป็นเหมือนไอ้พีไอเลย”
“กูก็อยากลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง”
“อยากลองของใหม่นี่ลืมของเก่าได้แล้ว?” ผมเลิกคิ้วถามอย่างกวนประสาทเพราะรู้สันดานของมันดี พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กทำไมผมจะไม่รู้จักมันดี
“จี้ใจดำกูฉิบหาย!” มันเบะปากใส่ผมแล้วหันไปยื่นบัตรอาหารให้เจ้าของร้านเมื่อสปาเกตตีที่สั่งไปได้แล้ว
“ตอนแรกกูกะจะเลี้ยงมึง แต่มึงพูดจี้ใจดำกู ฉะนั้นมึงจ่ายเองเลยไอ้ห่า!” ไอ้ปุณณ์พูดพลางทำหน้ามุ่ยใส่ผม ก่อนจะถือจานสปาเกตตีเดินกลับไปที่โต๊ะที่มีเพื่อนคนอื่นรออยู่ ผมจึงส่ายหัวเบา ๆ แล้วยื่นบัตรอาหารให้เจ้าของร้านและรับเอาจานสปาเกตตีคาโบนาร่ามา
“พี่เหมันต์คะ” เสียงเรียกทำให้ผมหยุดเดินแล้วปรายตามองรุ่นน้องคนสวยคนหนึ่งที่กำลังยืนบิดม้วนเขินอาย
“ครับ?” ผมขานรับพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรจะพูดกับผม
“เมื่อคืนหนูแอดเฟรนด์เฟซบุ๊กพี่เหมันต์ไป ถ้าไม่ว่าอะไรพี่เหมันต์ช่วยรับแอดได้ไหมคะ”
“ได้สิครับ...” ผมยกยิ้มมุมปากแล้วตอบน้องคนสวยไป ก่อนจะทิ้งท้ายประโยคแล้วเดินจากมา โดยไม่ได้รอดูปฏิกิริยาของเธอ “แต่รอคิวก่อนนะ”
“น้องหัวฟู ๆ ตะกี้ชอบมึงแน่เลยไอ้เหมันต์ น้องเขากับเพื่อนมองมึงไม่วางตาเลย” ทันทีที่ผมนั่งลงบนโต๊ะกินข้าว ไอปุณณ์ก็พูดขึ้น ทำให้คิ้วของผมเลิกขึ้นเล็กน้อย
“น้องหัวฟูอะไรวะ?” ไอ้มาร์ครีบหันมาเสือกตามนิสัยของมันอย่างทันที
“เมื่อกี้มีเด็กโดนเพื่อนแกล้งจะพามาใกล้ไอ้เหมันต์ เล่นฉุดกระชากกันอยู่โคตรนาน”
“น่ารักป่ะวะ?”
“เฉย ๆ ว่ะ หัวฟู ๆ ตัวเตี้ย ๆ” ไอ้ปุณณ์บรรยายลักษณะของน้องขนมฟูให้ไอ้มาร์คฟังแบบสั้น ๆ และมันก็ทำให้ผมอดที่จะพูดอะไรออกไปไม่ได้
“ถึงมึงจะสันดานชั่วแค่ไหน แต่กูขออย่าบูลลี่คนอื่นไอ้ปุณณ์!”
“ปกติกูก็ทำบ่อย ๆ นะ ทำไมมึงมาขอร้องตอนนี้?”
“......” ผมเงียบไม่ตอบ คิดดูดี ๆ มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่แค่ตอนนี้ผมไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่มันทำนิสัยนี้ โดยเฉพาะกับน้องขนมฟู
“มึงอยากเป็นพ่อพระ?”
“กูลืมไปว่ามึงมันชั่วและไร้จิตสำนึกตั้งแต่เกิด” ผมด่ามันไปแล้วเบือนหน้าหนี เข้าใจไอ้คิมหันต์แล้วว่าทำไมถึงรำคาญไอ้เวรสองตัวมากขนาดนี้ ชอบจุ้นจ้านและโคตรไร้สามัญสำนึกกับทุกเรื่อง
“แรง ฮ่า ๆๆๆ” ไอ้มาร์คตบเข่าฉาดแล้วหัวเราะลั่นอย่างชอบใจ
“มึงก็ชมเกินไป” ไอ้ปุณณ์ไม่ได้สะทกสะท้านที่ผมด่ามันเลยสักนิด แต่ดูภูมิอกภูมิใจซะมากกว่า
“กูอิ่มแหละ ไปสูบบุหรี่แป๊บ"
ผมไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับไอ้ปุณณ์ให้ปวดหัว ปลีกตัวออกมากะว่าจะไปสูบบุหรี่ที่ดาดฟ้าสักหน่อย แต่บางอย่างก็ทำให้ผมต้องหยุดมองด้วยความสงสัยปนอยากรู้