“คุณมองเห็นนี่นา” เขาหยุดนิ่ง มองเธออย่างคว้าคว้า
“ฉันมองเห็นไม่ชัดค่ะ” พิมพ์พิศาสะดุ้งที่โดนจับผิด เธอจึงรีบแก้ตัวทันควัน
“ทำไมต้องใส่แว่นตาเสียหนาเตอะด้วย เดี๋ยวนี้มีคอนแทคเลนส์ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่ชอบน่ะค่ะ มันยุ่งยาก ใส่แว่นตาง่ายกว่า” พิมพ์พิศาก้มหน้าตอบ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาจะจำเธอได้ไหมนะ
“เอาคืนไป” เขายื่นแว่นตาส่งคืนให้เธอ พิมพ์พิศารับมาด้วยจิตใจห่อเหี่ยว เธอแค่เปลี่ยนทรงผมโดยใส่วิกผมให้มันเชย ๆ เข้าไว้ ไม่แต่งหน้า แต่งตา ใส่แว่นตาหนา ๆ ถอดแว่นออกเขาก็น่าจะจำได้ แต่เขากลับจำเธอไม่ได้
มันน่าน้อยใจนัก!!!
นี่นะเหรอ คนเป็นคู่หมั้นที่จะแต่งงานกัน!!!
หญิงสาวรู้สึกใจโหวงแปลก ๆ ในอก นึกน้อยใจเปรมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากมื้อกลางวัน พิมพ์พิศาก็กลับมานั่งทำงานด้วยจิตใจห่อเหี่ยว จนได้เวลาเลิกงานนั่นแหละ เธอจึงเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน
ปี๊น.... เสียงแตรรถที่ดังขึ้นทำให้พิมพ์พิศาหันไปมอง ปรากฏว่าเป็นรถของเปรมนั่นเอง
เขาลดกระจกรถลงก่อนจะเรียกเธอขึ้นรถ
“ขึ้นรถสิคุณพิมพ์”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้”
“ถ้าคุณไม่ขึ้นรถ ผมจะให้คนขับรถ ขับรถตามคุณอยู่แบบนี้”
“แล้วแต่ท่านประธานสิคะ” เธอเดินหนี แต่เปรมสั่งให้คนขับรถขับรถตามเธอไป พอเธอจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง รถก็ขับมาปาดหน้าเอาไว้
“ท่านประธานจะเอายังไงกับฉันคะ”
“ขึ้นรถสิ คนมองกันใหญ่แล้วไม่เห็นหรือไง” คนที่นั่งวางอำนาจอยู่ที่เบาะด้านหลังบอกเสียงดุ ทำให้พิมพ์พิศาต้องหันไปมอง มีพนักงานหลายคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว หลายคนหันไปซุบซิบกันใหญ่ กำลังสนใจว่าเธอจะเอายังไงต่อ พิมพ์พิศาเห็นแท็กซี่ขับผ่านมาพอดี เธอจึงรีบโบกแท็กซี่คันนั้น แต่ก่อนที่เธอจะได้วิ่งไปขึ้นแท็กซี่คันนั้น เปรมก็เปิดประตูรถลงมาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ ก่อนจะจับเธออุ้มขึ้น ยัดเข้าไปในรถ
“ท่านประธานทำอะไรคะนี่” พิมพ์พิศาโวยวาย เธอหันไปมองทางด้านหลัง ก็เห็นว่ามีพนักงานคนอื่นขึ้นรถแท็กซี่คันนั้นไปแทนเธอ กลายเป็นว่าเธอโบกรถแท็กซี่ให้คนอื่น
“ฉันหิว”
“คะ” เธอหลุดอุทานออกมา
“หิวอีกแล้วเหรอคะ ตอนกลางวันเราเพิ่งกินผัดไทยหอยทอดไปตั้งห้ากล่องเลยนะคะ” แค่คิดเรื่องผัดไทยหอยทอดเธอก็รู้สึกอิ่มไปอีกหลายวัน
“ผมอยากกินหอยทอด”
“ท่านประธานจะกินหอยอีกแล้วเหรอคะ” พิมพ์พิศาอุทานออกมา เธอหน้าแดง เมื่อเหลือบไปเห็นว่าลุงคนขับรถ เหลือบมองกระจกหลังเมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น เธอเลยก้มหน้าเป็นการขอโทษขอโพยลุงคนขับรถที่พูดเสียงดังออกมาเช่นนี้
“ฉันชอบกินหอย”
“คะ ท่านประธานชอบกินหอยเหรอคะ” เธออุทานอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจึงได้เห็นว่าลุงคนขับรถหลุดขำเธอออกมา
พิมพ์พิศาค้อนเจ้านายหนุ่ม เขาคงจะชอบกินหอยล่ะสิ ก็เขาเจ้าชู้เสียเหลือเกินนี่นา เธอประชดเขาในใจ
“ใช่ผมชอบกินหอยทอด คุณมีปัญหาอะไร”
“ท่านประธานหมายถึงหอยทอดเหรอคะ”
“แล้วคุณหมายถึงหอยอะไร”
“เปล่าค่ะ”
“ผมไปอยู่เมืองนอกเสียตั้งนาน หอยร้านไหนอร่อยบ้าง คุณช่วยแนะนำร้านหอยของคุณหน่อยสิ”
“ร้านหอยของฉันเหรอคะ” ไม่รู้ทำไมพอพูดประโยคนี้ก็ทำให้เธอหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู อดที่จะคิดลามกกับเขาเสียไม่ได้
“ใช่” เขาตอบเรียบ ๆ มองหน้าเธอนิ่ง
“ฉันไม่มีร้านหอยทอดอร่อยแนะนำหรอกค่ะ”
“งั้นไปกินข้าวบ้านคุณแทน”
“คะ ไปกินข้าวบ้านฉันทำไมคะ”
“ก็ผมหิว”
“คุณไม่มีข้าวที่บ้านกินเหรอคะ”
“ที่บ้านไม่มีใครอยู่ คุณพ่อคุณแม่ไปต่างประเทศ”
“บ้านฉันก็ไม่มีคนอยู่ค่ะ ไม่สิ ฉันเช่าห้องราคาถูกอยู่น่ะค่ะ ท่านประธานจะไปกินข้าวที่ห้องฉันเหรอคะ มันจะดีเหรอคะ”
“ฉันจะไป” เขาดื้อและพิมพ์พิศารู้ดีว่าเขาเอาแต่ใจ
“ไปกินร้านหอยทอดเจ้าประจำของฉันก็ได้ค่ะ” พูดออกไปแล้วพิมพ์พิศาก็อยากจะตบปากตัวเองนัก เธอยกมือขึ้นอุดปากแล้วหลบหน้าหลบตาคนที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว
“บอกทางให้คนขับรถผมสิ”
“ค่ะ ลุงขับไปข้างหน้าแล้วก็เลี้ยวขวานะคะ” พิมพ์พิศาเห็นว่าเขาไม่ได้จับผิดอะไร เธอก็เลยบอกทางแก่คุณลุงคนขับรถ
เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะจำร้านหอยทอดเจ้าประจำของตัวเองได้ไหม
“ร้านนี้เหรอ”
“ทำไมคะ”
“ผมเคยมากิน แต่ไปอยู่เมืองนอกเสียนาน เลยจำทางไม่ค่อยได้”
“เคยมากินบ่อย แต่จำทางไม่ได้ สงสัยจะไม่สำคัญพอใช่ไหมคะ”
“รู้ได้ยังไงว่าผมมากินบ่อย”
“เอ่อ... ฉันเดาเอาน่ะค่ะ ก็คุณบอกว่าเคยมาก่อนไปเมืองนอก ก็คงมากินหอยร้านนี้บ่อยกระมังคะ”
“แค่ก แค่ก แค่ก” คราวนี้เป็นเขาเองที่สำลักน้ำที่กำลังยกขึ้นดื่ม เพราะประโยคของเธอทำให้ลูกค้าโต๊ะอื่นหันมามองเป็นตาเดียว นั่นทำให้พิมพ์พิศาต้องก้มศีรษะขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ท่านประธานเป็นยังไงบ้างคะ สำลักใหญ่เลย แค่พูดเรื่องชอบกินหอยเท่านั้นเอง” เธอเอ่ยถามเสียงเบา พลางยิ้มขำ ก่อนจะยกน้ำให้เขาดื่มเพื่อคลายจากอาการสำลัก
“จำเอาไว้ว่าฉันชอบกินหอย เวลาฉันหิวก็จัดเมนูหอยให้ฉันด้วย” เขาไม่สนที่เธอล้อเลียนเขา แต่เน้นย้ำให้เธอรู้ว่าเขาชอบกินหอย
“รู้แล้วค่ะว่าท่านประธานชอบกินหอย” เธอค้อนเขา แทบสำลักเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่ประโยคของเขามีนัยความหมายที่ทำเอาเธอใจสั่น
สายตาของเปรมทำให้เธอท้องไส้ปั่นป่วน หญิงสาวหลบสายตาพลางเรียกสติตัวเองกลับมา
หอยทอดร้านที่เธอกับเขานั่งกินด้วยกันเป็นร้านผัดไทยหอยทอดเจ้าประจำที่เขากับเธอชอบมากินด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเธอเพิ่งสิบขวบเศษ ในขณะที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว กำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศ
ความทรงจำในครั้งนั้นทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว
“คุณพิมพ์ คุณพิมพ์ คุณพิมพ์!”
“คะ”
“เป็นอะไรนั่งยิ้มคนเดียว”
“ฉันนั่งยิ้มคนเดียวเหรอคะ”
“ใช่”
“เปล่าค่ะ”
“หรือว่าหิว”
“ก็คงเป็นแบบนั้นละค่ะ” เธอเออออห่อหมกไปตามน้ำ
หอยทอดร้านนี้อร่อย นอกจากหอยทอดแล้วยังมีเกี้ยวทอดกับน้ำจิ้มรสเด็ดอีกด้วย นึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ที่เคยมากินกับเขาแล้วทำให้เธอเผลอยิ้มอีกครั้ง
เปรมไปเรียนต่อเมืองนอกหลายปี แต่เธอก็ยังมากินอาหารที่ร้านนี้ทุกครั้งที่คิดถึงเขา
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้าน”
“ไปส่งทำไมคะ” คนถามหน้าตาแตกตื่น ให้เขาไปส่งบ้าน เขาก็รู้น่ะสิว่าเธอเป็นใคร
พิมพ์พิศานั่งไม่ติดเมื่อเขาบอกว่าจะไปส่งเธอที่บ้าน เขาจ่ายเงินค่าอาหารไปแล้ว เธอยังคิดหาทางออกให้ตัวเองจนสมองแทบแตก