เหิงหยางเซิงทำเสียงเหอะในลำคอครั้งหนึ่ง ไม่เห็นสีหน้ายินดีของนางเลยสักนิด ทำให้เขาพลันหงุดหงิดอย่างไร้เหตุผล
คราวนั้นเขาไม่ได้คิดจะช่วยนางเลยสักนิด หากแต่ถ้ากระบี่ในมือไม่ได้ดื่มโลหิตคงทำให้เขาคลุ้มคลั่ง มีคนกล้าลองดีใช้ชื่อเสียงของพรรคเพลิงอัคนีปล้นฆ่าผู้อื่น เขาไม่ใคร่ใส่ใจนักหรอกหากผู้อื่นจะคิดเช่นไหร่ แต่การกล้าแอบอ้างว่าเป็นคนของพรรคเพลิงอัคนีแล้วไปทำร้ายผู้อื่นที่ไม่ใช่ศัตรูของเขา หมู่บ้านเล็กๆ นั้นไม่รู้ตัวว่านั่งทับนอนทับสินแร่ทองคำอยู่ เดิมทีแค่ไปร่วมงานประลองยุทธ แต่กลับได้ยินกลุ่มคนที่กล้าเอาชื่อเสียงของพรรคเพลิงอัคนีไปใช้ ไม่ใช่เพื่อป้ายความผิดให้เขาเพียงอย่างเดียว แต่ยังเอาผลประโยชน์ไปเป็นของตนเองอีกด้วย
กว่าจะมาถึงหมู่บ้านเชิงเขานี้ก็ลุกเป็นไฟแล้ว ขึ้นชื่อว่าพรรคเพลิงอัคนีแล้ว การใช้ไฟเป็นจุดเด่นที่สุด คนที่ไม่ใช่คนของพรรคจึงถูกสังหารทิ้งระบายโทสะเสียเกือบหมด ดีที่องครักษ์ของเขาใจเย็นพอลากตัวคนที่เหลือรอดมาสอบปากคำ แต่ไม่คิดว่าองครักษ์คนสนิทกล้าอุ้มเด็กหญิงที่เขาบังเอิญช่วยไว้กลับมา
“หากท่านจอมมารจะตบรางวัลให้ข้าน้อย ขอให้ข้าน้อยได้เลี้ยงเด็กคนนี้ด้วยเถิดขอรับ”
“เจ้าต้องการ?” เขาเพียงแค่หันมามองวูบหนึ่ง แม้มืดสนิทมีเพียงแสงจากเพลิงไหม้ที่คนกลุ่มนั้นวางเพลิงเผาหมู่บ้าน ทว่าเขายังคงเห็นว่าเป็นแค่เด็กหญิงผอมกะหร่องคนหนึ่งเท่านั้น อู่เฉียงทำราวกับว่ากำลังขออนุญาตเลี้ยงสัตว์สักตัวเป็นรางวัล
พลันความคิดหนึ่งวาบเข้ามา เขาย้ายสายตากลับมามองที่ อู่เฉียงซึ่งนับว่าเป็นนักฆ่าฝีมือดีที่สุดที่เขามี คนผู้นี้ไม่มีอาลัยอาวรณ์ต่อสิ่งใด หากเขาสั่งให้ตายก็ทำตามคำสั่งโดยไม่กะพริบตา มีครั้งนี้ที่เห็นเขาต้องการเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น
ใช่! เขาต้องการใช้เด็กหญิงคนนี้ไว้ต่อรองกับองครักษ์ข้างกายของเขาเอง
เพื่อให้ได้ความจงรักภักดี เขารั้งตัวซินหรานให้อยู่ข้างกาย ให้นางเป็นหญิงรับใช้แต่ไม่ได้ลำบากมากนัก แต่นับวันเขากลับไม่พอใจที่เห็นรอยยิ้มของหญิงสาวมีให้ทุกคนยกเว้นเขา เหิงหยางเซิงไม่เคยรู้เลยว่าเพราะเหตุใดตนเองถึงได้รู้สึกเช่นนี้ และนับวันมันยิ่งมากขึ้นทุกที มากขึ้นจนเขาอยากจะกลืนกินนางไปทั้งตัว!
มือเรียวแกะผมที่เกล้าเป็นทรงกลมสองลูกบนศีรษะของตนออก สางเส้นผมยาวสลวยของตนด้วยหวีไม้หอมที่อู่เฉียงซื้อมาฝากเมื่อหลายเดือนก่อน อย่าว่าแต่ออกจากเกาะเลย แค่นอกคฤหาสน์เพลิงอัคนีก็แทบนับครั้งได้ แม้ไม่ได้ถูกห้าม แต่คล้ายว่านางยุ่งเกินไปและอีกส่วนหนึ่งในใจ นางมิกล้าออกไปด้วยตนเอง
กว่านางจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเผื่อพักผ่อนก็ค่อนดึกไปแล้ว เรื่องดีอีกเรื่องคือนางอาบน้ำได้ทุกวัน อาจเพราะทำงานยุ่งทั้งวัน เหงื่อซึมจนเสื้อชื้น ปรนนิบัติรับใช้ท่านจอมมารจนปิดประตูห้องนอนแล้ว นางจึงได้มีเวลาเป็นของตนเอง หลังจากสางผมตนจนเป็นที่พอใจแล้ว นางหยิบตะกร้าที่ใส่อุปกรณ์ตัดเย็บออกมา แสงเทียนสว่างไม่มากแต่ทำให้นางพอจะมองเห็นงานที่ทำค้างไว้ได้ชัดเจน กระดาษยับย่นสองแผ่นมีรูปฝ่ามือซ้ายและขวาอยู่บนนั้น นึกถึงเมื่อหลายวันก่อนนางเรียกอู่เฉียงมาพบแล้วให้เขากางมือลงบนกระดาษ
“พี่อู่เฉียงอยู่นิ่งๆ สักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ”
“เจ้าจะทำอะไร”
“วาดมือของพี่ อีกไม่นานลมเหมันต์ก็จะมาเยือนแล้ว ข้าจะเย็บถุงมือให้พี่อู่เฉียง” นางพูดพลางหยิบพู่กันจุ่มหมึกวาดรูปมือของเขาที่ทาบลงบนกระดาษ หลังมือนั้นมีแต่รอยแผลเป็น แม้เจ้าตัวบอกว่าไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่นางรู้ว่าเมื่ออากาศเย็นจัด ความเจ็บปวดเข้ามากัดกินจนปวดถึงกระดูกเลยทีเดียว
“ไม่ต้อง...” เสียงของเขาแผ่วเบาและขาดหาย คล้ายไม่อาจเอ่ยคำโกหกได้
“ฝีมือข้ายังไม่ดีนักแต่รับรองว่าเย็บออกมานิ้วมือครบทั้งห้านิ้วแน่นอน” นางหัวเราะคิกคักวาดมือซ้ายและขวาของเขาเสร็จเรียบร้อย “มีเศษผ้าเหลืออยู่ พ่อบ้านจูโหย่งเจาให้ข้าไว้ใช้ทำอะไรก็ได้ หวังว่าพี่ อู่เฉียงจะไม่รังเกียจ”
นางเงยหน้ามองเขาแต่อีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับชักมือกลับแล้วหลบสายตาของนาง นางรู้ดีว่าคนอย่างอู่เฉียงตระหนี่ถ้อยคำมากเพียงใด ตรงข้ามกับอู่ชิงและอู่ยินที่หยอกล้อนางทุกครั้งที่พบหน้า
“ข้าทำให้พี่อู่เฉียงได้แค่นี้” นางมองเส้นสีดำที่เป็นรูปมือของเขาบนกระดาษพลางถอนหายใจเบาๆ
“หากพี่อู่เฉียงไม่พาข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย ข้าก็ไม่รู้ว่าตนเองจะเป็นเช่นไร
“ในสักวัน...” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง “ในสักวันเจ้าอาจจะเกลียดข้าที่ข้าพาเจ้ามาสถานที่โหดร้ายเช่นนี้”
“ไม่เลยเจ้าค่ะ” นางส่ายหน้าไปมา “หากวันนั้นไม่มีนายท่านและพี่อู่เฉียง ข้าคงไม่มีชีวิตมาถึงตอนนี้ ข้าอยู่ที่นี่สุขสบายดี”
หญิงสาวถอนหายใจแผ่วเบา นางขี้ขลาดจริงๆ นางไม่มีความคิดอยากแก้แค้นเอาคืนหรือสืบค้นว่าเรื่องคืนนั้นเป็นมาอย่างไร ยอมเป็นคนที่ผู้อื่นตราหน้าว่าขี้ขลาดตาขาว อกตัญญูไม่คิดถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับ แต่... อย่างนางจะไปทำอะไรได้ แค่คืนไหนที่นางไม่นอนฝันร้ายถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น นับว่าเป็นคืนที่สงบสุขของนางแล้ว นางจึงละทิ้งเรื่องเหล่านั้นและใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างเรียบง่ายที่สุด
ขณะที่นั่งคิดถึงเรื่องราวในอดีตพลางหยิบเศษผ้าออกมาเลือกดูว่าชิ้นไหนพอจะทำถุงมือกันหนาวให้อู่เฉียงได้ เสียงครางกระเส่าจากห้องนอนของท่านจอมมารเหิงหยางเซิงก็ดังขึ้น จากนั้นตามด้วยเสียงกระแทกกระทั้นของโต๊ะหรือเตียง หรือเก้าอี้ นางสุดจะคาดเดาจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องเข้าไปทำความสะอาด
เมื่อหัวค่ำ ก่อนที่นางจะได้ออกมาพักผ่อน พ่อบ้านจูโหย่งเจาพาหญิงงามเข้าไปในห้องนอนของท่านจอมมาร เป็นเช่นนี้จนนางคุ้นชินแล้ว ห้องนอนของนางอยู่ติดกันเพื่อสะดวกในการเข้าไปรับใช้ แต่ไม่คิดว่าห้องนางจะได้ยินเสียง ‘กิจกรรม’ ในห้องนั้นได้ชัดเจนถึงเพียงนี้
เสียงครวญครางจากข้างห้องทำเอานางหายใจไม่ทั่วท้อง ใช่ว่านางไร้เดียงสา ทว่าอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ‘กิจกรรม’ นั้นมีความสุขจริงๆหรือ? เสียงร้องนั้นทุกข์ทรมาณและสุขสมไปพร้อมกัน
แต่คนที่ทุกข์ที่สุดคงไม่พ้นนางซินะ
ซินหรานถอนหายใจเบาๆ คืนนี้อาจไม่มีเรื่องอะไรก็ได้ นางปลอบใจตัวเองพลางเลือกผ้าที่ต้องการได้แล้วก็นำออกมาวางไว้ แต่แสงยามค่ำคืนที่มีเพียงแสงเทียนนั้นไม่อำนวยให้นางทำงานได้ดีนัก นางเกรงตนเองจะตัดผ้าเสีย ผ้าที่ได้มาแม้จะมีมากแต่ชิ้นที่เหมาะจะทำถุงมือได้นั้นมีแค่สองชิ้นนี้เท่านั้น เพราะฝ่ามือของเขาใหญ่นัก ผ้าที่ใช้ก็ต้องชิ้นใหญ่ด้วยเช่นกัน คิดถึงมือสองข้างนั้นแล้วนางก็เผลอหัวเราะออกมา นางเลือกผ้าที่ต้องการได้แล้วก็แยกไว้ต่างหาก พับเก็บไว้เตรียมทำถุงมือให้อู่เฉียง พลันสายตามองไปยังหีบไม้ใบหนึ่งที่นางเก็บหน้ากากแปลกประหลาดนั้นไว้ข้างใน ตั้งแต่ได้รับมานางเอาใส่ไว้ในหีบไม่กล้าหยิบมาดูอีก ไม่รู้จะอธิบายเช่นไร งดงามและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน น่าจะอธิบายถึงหน้ากากครึ่งหน้าอันนี้ได้ดีที่สุด ของบรรณาการย่อมเป็นสิ่งของล้ำค่า แต่นางกลับไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร นางได้แต่ปรายตามองกล่องใบนั้น ที่นี่ไม่มีหัวขโมย นางไม่ต้องกังวลจึงเก็บไว้ธรรมดาไม่ได้ใส่กุญแจ ดึกมากแล้วนางต้องรีบหลับนอน เพราะงานของนางเริ่มก่อนฟ้าสาง ทั้งช่วยงานในครัวของพ่อครัวเจี่ยนและงานที่พ่อบ้านจูโหย่งเจาสั่งอีก
นางรวบผมยาวไว้ข้างหนึ่ง โน้มตัวลงดับเทียน ปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเดินกลับไปที่เตียงเพื่อจะเอนตัวลงนอน
“กรี๊ด!”