“แล้วไปเรียกทำไมเยอะแยะล่ะลูก เราไม่ได้ขาดเงินสักหน่อย” พ่อภูมิถามหลังจากรสลินเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง เธอเล่าเรื่องที่เธอเรียกเงินจากธิติด้วย
“ผู้หญิงเต็มใจจ่ายค่ะพ่อ เขาอยากได้ธิติมาก ธิติเป็นฝ่ายผิดต่อหนู บ้านก็ยกให้เป็นของหนู หนูก็เลยให้ธิติประกาศขายให้ โรสไม่อยากอยู่ที่นั่นอีก ไม่อยากอยู่กับความทรงจำที่เจ็บปวด”
“แต่หนูเรียกสิบล้านเลยนะลูก เขาจ่ายไหวเหรอ ไหนลูกว่าผู้หญิงกำลังท้อง”
“พวกเขาน่าจะคำนวณมาแล้วค่ะว่าถ้าหนูฟ้องหย่าคงไม่คุ้มที่จะเสีย ก็เลยยอมจ่ายให้เรื่องเงียบ ทางนั้นเขารวยมีหน้ามีตาในสังคมเขายินดีจ่ายทุกอย่างเพื่อให้ได้ธิติ โรสคิดว่าส่วนหนึ่งที่ธิติเลิกกับโรสคงเพราะอยากมั่งอยากมีมากกว่าเดิม ครั้งนี้คงสมใจเขา ได้เมียรวยแล้วก็มีลูกด้วยกันอีกต่างหาก”
“พ่อก็เป็นแค่พ่อค้าร้านข้าวแกงนี่เนอะ” พ่อตัดพ้อด้วยสีหน้าปลงตก พ่อน่ะต้องเสียใจอยู่แล้ว ก็พ่อชอบธิติมาก พ่อเคยบอกว่าธิติเป็นคนดี ช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตกับธิติเขาแทบกลายเป็นครอบครัวเดียวกันกับครอบครัวเธอ มาวันนี้พ่อก็คงรู้สึกผิดหวัง
“ถ่อมตัวนะคะพ่อ พ่อค้าข้าวแกงร้านดังขนาดนี้ โรสภูมิใจในตัวพ่อของโรสที่สุดค่ะ”
“ลูกสาวพ่อเข้มแข็งมาก พ่อรักลูกนะ”
“ใครจะทิ้งก็ทิ้งสิ โรสมีพ่ออยู่ โรสไม่แคร์ค่ะอย่างที่พ่อพูดลูกสาวของพ่อยังสวยหาลูกเขยใหม่ให้พ่อได้สบายเลยค่ะ” เธอเพียงแค่อยากเข้มแข็งให้พ่อเห็น ไม่อยากให้พ่อเห็นว่าเธอเสียใจนาน
“อยากกินอะไรไหนบอกพ่อมา พ่อจะไปทำให้” พ่อเห็นลูกสาวฝืนจึงเปลี่ยนเรื่องพูด อาหารจะทำให้คนมีความสุข พ่ออยากให้ลูกมีความสุข
“โรสไม่หิว เอาไว้พรุ่งนี้นะคะ”
“รสลิน…หนูโอเคจริงหรือเปล่า”
“โรสไหวค่ะพ่อ ที่จริงโรสรู้มาสักระยะแล้ว แค่ไม่คิดว่าโรสจะเป็นคนที่ไม่ถูกเลือก อาจจะมีนึกถึงแล้วเสียใจบ้าง แต่โรสจะผ่านไปให้ได้ ลูกสาวพ่อภูมิแกร่งอยู่แล้วค่ะ”
“พรุ่งนี้พ่อปิดร้านดีไหม พ่อเป็นห่วงโรส”
“ไม่ต้องเลยค่ะ ขาดรายได้พอดี โรสแค่อกหัก ไม่ถึงตายค่ะพ่อ เดี๋ยวโรสก็ดีขึ้น”
“โอเค ลูกสาวบอกไหวก็ไหว พ่อเชื่อลูก” รสลินเข้าใจที่พ่อห่วงเพราะร้านกับบ้านค่อนข้างไกลส่วนใหญ่ช่วงสองทุ่ม สองทุ่มครึ่งพ่อภูมิกับเพื่อนจะไปนอนที่ร้าน เริ่มเปิดร้านตอนหกโมงเช้า พ่อต้องตื่นตีสามตีสี่มาปรุงมาทำอาหารด้วยตัวเอง ทุกเมนูพ่อภูมิของเธอลงมือทำด้วยตนเองมาตลอด ต่อให้ร้านขายดีกว่าเมื่อก่อน ยกระดับขึ้นกว่าเมื่อก่อนพ่อภูมิก็ยังลงมือปรุงอาหารเองและคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี ไม่เปลี่ยนคุณภาพ