7 - คำขอก่อนนอน

2186 Words
- 7 - คำขอก่อนนอน MELBEE'S PART ; เตโชจับจูงมือของฉันให้เข้ามาในคอนโดฯ ของเขา ส่วนมืออีกข้างก็หอบหิ้วกับข้าวที่แวะซื้อตามร้านข้าวต้มข้างทาง พร้อมด้วยไวน์ราคาแพงที่เขาถือติดมือมาตั้งแต่เดินลงจากรถ ฉันทำได้เพียงเดินตามแรงของเขานิ่ง ๆ ไม่แม้แต่เอ่ยคำใดออกมาเพราะในตอนนี้ความรู้สึกของฉันยังไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก นั่นก็เป็นเพราะเรื่องเมื่อเย็นที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาด ๆ บทนางเอกถูกเปลี่ยนตัว ซึ่งจากเดิมที่ฉันได้รับมอบหมายให้เล่นบทนั้นกลับถูกใครก็ไม่รู้ตัดหน้าแย่งไป และใช่...ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะฉันเป็นเพียงนักแสดงโนเนมคนหนึ่ง ไม่ได้มีชื่อเสียงมากพอที่ใครจะสนใจหรือเป็นที่รู้จักขนาดนั้น "เมลจะอาบน้ำก่อนไหม จะได้สบายตัว" พลันเมื่อเข้ามาด้านในเสียงทุ้มก็เอ่ยถามขณะที่เขากำลังจัดข้าวของอยู่โซนครัว ฉันไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับเดินเข้าไปหาและสวมกอดแฟนหนุ่มจากทางด้านหลัง หลังจากนั้นก็ซบอิงใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างที่มีเสื้อเชิ้ตสีขาวกั้นกลางอยู่ ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงเลือกทำแบบนี้ แต่รู้เพียงว่าฉันอยากกอดเขาไว้แบบนี้นาน ๆ "ต่อไปเตจะคิดค่ากอดจากเมลแล้วนะ" "งั้นเตก็คงเป็นเศรษฐีแล้วล่ะ เพราะเมลจะกอดเตทุกวัน แล้วก็วันละหลาย ๆ ครั้งด้วย" ฉันยู่หน้าใส่ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้หันหน้ามามอง ขณะที่วงแขนก็ยังคงกอดรัดเขาเอาไว้อยู่อย่างนั้น นี่สินะ...ความรู้สึกของคนมีแฟน มันดีแบบนี้นี่เองที่มีใครคนหนึ่งอยู่ข้าง ๆ ในยามทุกข์ใจ "เมลไปอาบน้ำเถอะ จะได้ออกมากินข้าวกิน อ้อ! มีไวน์ด้วยนะ เพื่อนเตบอกว่าไวน์ตัวนี้รสชาติดีคงมีโอกาสได้ลองก็วันนี้แหละ" ร่างสูงหันกลับมาและกอบกุมจับใบหน้าของฉันเอาไว้ ฉันเชยใบหน้าขึ้นสบประสานกับสายตาคมเพียงชั่วครู่ หลังจากนั้นก็เขย่งปลายเท้าและเคลื่อนวงแขนไปโอบคอหนา ตามด้วยการกดริมฝีปากทาบทับอย่างดูดดึง ฉันรู้สึกถึงความตกใจเล็กน้อยของคนตรงหน้า แต่เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็ตอบรับกับสัมผัสของฉันอย่างหนักหน่วงไม่แพ้กัน คนตัวโตดันให้ฉันชิดกับเคาน์เตอร์ในครัว สองแขนแกร่งค้ำระหว่างร่างกายของฉันหลังจากนั้นก็ดูดดึงริมฝีปากลงมาบดคลึงจนแทบจะตั้งรับไม่ทัน ทั้งที่ตั้งใจจะเป็นคนเริ่มต้นเองแต่กลับเสียหลักจนกลายเป็นคนพ่ายแพ้กับสัมผัสตอบรับของเขาเสียได้! "อื้อ..." ฉันร้องในลำคอเมื่อรู้สึกว่าลมหายใจใกล้จะหมด ใบหน้าเบี่ยงออกและรีบกอบโกยอากาศเข้าปอด มือก็เกาะรั้งที่บ่าแกร่งใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวไม่ให้ร่างกายล้มลงกับพื้น "นึกว่าจะเก่ง" ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ เลยทำให้รีบเงยหน้าขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับโน้มลงมาตามด้วยริมฝีปากของเตฉกฉวยลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว "อือ..." มือหนาจับบั้นท้ายก่อนที่ร่างของฉันจะลอยหวือและนั่งลงบนเคาน์เตอร์โดยที่ริมฝีปากของสองคนไม่ได้ผละออกจากกันเลยสักนิด กลายเป็นใบหน้าของเตเองที่เชยขึ้นส่วนฉันก็โน้มลงและยังคงบดเคล้ากันและกัน ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนเสพติดการมีเตอยู่ข้างกายไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นการคบกันอย่างเรียบง่าย ความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นกันเรียบ ๆ ไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่ฉันกลับรู้สึกพิเศษที่ได้เป็นแฟนของเขา รวมไปถึงอ้อมกอดและสัมผัสของเขาที่ตอนนี้ฉันได้ครอบครองมัน...แต่เพียงผู้เดียว สี่ชั่วโมงจากโซนครัวและลากยาวมาจนถึงบนเตียงกว้าง ค่ำคืนนี้กลายเป็นค่ำคืนที่ฉันและเตเคล้าคลึงกันจนไม่ได้หยุดพัก จากเดิมที่เสียใจและเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ทว่าในตอนนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ฉันเองก็มีความต้องการอย่างเหลือล้น จนไม่อาจหยุดยั้งกับสัมผัสของเขาเตได้เลย "อื้อ...อ๊ะ! ตะ...เต อ่า!" ฉันจิกเกร็งที่แขนแกร่งเมื่อถูกตอกตรึงอย่างหนักหน่วงจนใกล้จะถึงฝั่งฝัน เมื่อเสียงครางยังคงเคล้าคลอแรงถาโถมก็ยิ่งทวีคูณจนร่างกายของฉันสั่นคลอน เสียงในลำคอของคนตัวโตดังข้างหูไม่ต่างจากเจ้าป่าที่ร้องก้องประกาศกังวาน จนกระทั่ง... "อ๊า!" "อ่า...ฮึ่ม!" ฉันเกร็งกระตุกเมื่อเสร็จสมเช่นเดียวกันกับเดียวเตเองที่ถึงฝั่งฝันพร้อม ๆ กัน ฉันซุกใบหน้าเข้ากับหมอนนุ่มเนื่องจากเหนื่อยล้าที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ หากลองนับคร่าว ๆ กิจกรรมในคืนนี้ก็คงไม่ต่ำกว่าสามรอบ และแน่นอนว่ามันก็เกิดขึ้นจากความต้องการของฉันไม่ใช่แต่เตคนเดียว "เมลเหนื่อยแล้วเต...พอแค่นี้นะ" ฉันเอ่ยบอกทั้งที่ใบหน้าซบกับผ้าห่มและหลับตาพริ้มลงเรียบร้อย ฉันเองก็คิดว่ามันคงมากพอแล้วสำหรับค่ำคืนนี้...หรือบางทีมันก็อาจจะเกินไปด้วยซ้ำ "แล้วเมลลุกไปอาบน้ำไหวไหม" ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ ตอนนี้ไม่อยากขยับตัวไปไหนทั้งนั้น เตียงนุ่ม ๆ อุ่น ๆ นี่แหละคือคำตอบสุดท้ายของค่ำคืนนี้ "งั้นเดี๋ยวเตอุ้ม" "อื้อ...ไม่เอา เตนอนสิ นอนกอดกัน ไม่อาบน้ำหนึ่งวันคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ" ฉันดึงแขนคนตัวโตเมื่อเขากำลังจะช้อนร่างของฉันไว้ในอ้อมแขน พอร่างสูงล้มตัวลงนอนข้างกายก็ทำให้ฉันรีบหนุนนอนที่อกของเขาในทันที "กอดเตอุ่น เมลอยากนอนแบบนี้ทั้งคืนเลย" "เตขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมเดี๋ยวกลับมาให้กอด" รอยยิ้มที่มองแล้วอบอุ่นทำให้จนมัวเมาและลุ่มหลง ฉันพยักหน้ารับหงึก ๆ ทำให้เตลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ติดมือเข้าไปด้วย "รีบมานะ" "ครับผม!" เมื่อได้ยินคำตอบฉันเลยพลิกตัวและหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาเช็กข่าวสารไปพลาง ๆ ในระหว่างรอ สายตาก็จดจ้องกับหน้าจออย่างนึกสนใจเมื่อเลื่อนผ่านข่าวหนึ่งซึ่งเป็นข่าวการเปิดตัวนางเอกคนใหม่ผ่านสื่อเป็นครั้งแรก มันเป็นคลิปวิดีโอการสัมภาษณ์กับสื่อมากมาย ทั้ง ๆ ที่ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองจะถูกปลดก็เพิ่งเมื่อเย็นที่ผ่านมาเท่านั้น "เปิดตัวนักแสดงเรื่องฟอร์มยักษ์ของผู้จัดในตำนาน...เหอะ! ฉันเตรียมตัวมาตั้งหลายเดือนแต่อยู่ ๆ ก็ถูกชวดหน้าที่ไป น่าสมเพชชะมัด!" ฉันบ่นพึมพำและเบ้ปากกับหน้าจอโทรศัพท์เมื่อเห็นหน้าของคนที่มารับบทนางเอกแทน ฉันไม่ใช่คนเรียบร้อยที่จะไม่รู้สึกอะไรกับการโดนปาดหน้า และฉันเองก็รู้ดีว่าการที่เธอคนนั้นได้รับบทนั้นแทนก็เพราะมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งกับผู้กำกับ "ทำหน้าแบบนั้นทำไมครับคนสวย" เสียงของเตที่เอ่ยถามไม่ได้ทำให้ฉันละสายตาขึ้นจากหน้าจอที่กำลังอ่านข่าวเลยสักนิด "เมลโกรธน่ะสิ เห็นข่าวสัมภาษณ์เปิดกล้องละครแล้วมันหงุดหงิด ความจริงเมลควรยืนอยู่ตรงนั้น!" "ไม่เอาน่าเมล ละครกิ๊กก๊อกนั่นไม่ต้องเสียดายหรอก สวย ๆ เก่ง ๆ อย่างเมลต้องได้เล่นละครพีเรียดดัง ๆ โน่น" ประโยคนั้นที่ได้ยินทำเอาฉันถึงกับถอนหายใจออกมาเสียงดัง ละครพีเรียดเหรอ...แค่ละครธรรมดายังไม่มีโอกาสได้เล่นเลย "เวอร์มาก โนเนมอย่างเมลเนี่ยจะได้เล่นละครใหญ่อย่างนั้นน่ะ" "ไม่แน่นะ อาจจะได้เล่นจริง ๆ ก็ได้ งั้นคืนนี้ก่อนนอนเมลก็สวดมนต์ขอพรได้เลย เผื่อว่าตื่นมาคำขอจะเป็นจริง ๆ" ฉันหันมองแฟนหนุ่มพลางหรี่สายตาอย่างไม่เชื่อในคำพูดของเขา ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อกับการสวดมนต์หรอกนะ แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะพึ่งพาในเรื่องการสวดมนต์ขอพรแบบนี้ด้วย "นอนกันเถอะเมล พรุ่งนี้ตื่นมาเจอข่าวดีจะได้มีแรงกรี๊ด" เช้าวันพุธวันนี้เป็นวันที่ฉันจะต้องออกไปทำงานเช่นเคย ฉันมีถ่ายแบบเสื้อผ้าตอนเก้าโมงเช้าส่วนเตเองก็ต้องไปทำงานก่อนแปดโมง นั่นจึงทำให้ฉันเลือกที่จะติดรถของเขาไปพร้อมกัน เพราะอย่างไรแล้วสถานที่ถ่ายแบบก็เป็นทางผ่านของบริษัทเตอยู่แล้ว "เมลไม่กินข้าวก่อนไปเหรอ เดี๋ยวเตไปทอดไส้กรอกให้ดีกว่าจะได้รองท้องไว้ด้วย" เมื่อเตเดินออกมาจากห้องด้วยชุดทำงานก็ทำให้ฉันเดินไปหยิบกระเป๋ามาสะพายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการออกจากที่นี่เสียที แต่เสียงทุ้มที่เอ่ยถามทำให้ฉันส่ายหน้าแทนคำปฏิเสธ "ไม่เอาอะ เดี๋ยวพุงยื่น เมลต้องไปถ่ายงานน่ะ" ฉันเดินเข้าไปกอดแขนแกร่งเอาไว้พลางออกแรงดึงให้แฟนหนุ่มเดินตามออกมา ตอนนี้ก็เจ็ดโมงกว่าแล้วกลัวก็แต่ว่าเขาจะไปทำงานไม่ทัน "ไหนพุง เตอยากจะถามมากเลยว่าเมลเอาไส้ไปไว้ที่ไหน เตว่าเมลผอมเกินไปนะเตเป็นห่วง" "เมลโอเคน่า ถ้าวันนี้ถ่ายแบบเสร็จแล้วเดี๋ยวตอนเย็นเราไปกินหมูกระทะกันเลยโอเคไหม เมลเลี้ยงเอง" ฉันเองก็ยอมรับว่าเป็นพวกกลัวน้ำหนักขึ้นน่ะ ความจริงแล้วตามเดิมฉันไม่ใช่คนแบบนี้หรอกนะ แต่พอต้องเข้าสู่วงการละครทางค่ายก็มีคำสั่งให้ฉันต้องลดน้ำหนักและคุมอาหาร อีกทั้งการทำงานถ่ายแบบทำให้ฉันไม่สามารถปล่อยตัวให้ร่างกายมีส่วนเกินของไขมัน ฉันเลยต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด "ไปกินซูชิดีกว่า เดี๋ยวเตเลี้ยงเอง ถือว่าฉลองข่าวดีแล้วกัน" "ข่าวดีอะไรเหรอ...อ๊ะ" ครืด...ครืด... พลันเมื่อเอ่ยถามเสียงและแรงสั่นจากโทรศัพท์ทำให้ฉันต้องชะงักและหยิบมันขึ้นมาเพื่อกดรับสาย ฉันเดินเลี่ยงออกไปอีกทางแต่ก็ไม่ลืมหันมองแฟนหนุ่มเป็นเชิงบอกกล่าว ซึ่งเตเองก็พยักหน้ารับและส่งยิ้มให้บาง ๆ แทนการเอ่ยบอก "สวัสดีค่ะ เมลบีค่ะ" (สวัสดีครับ ผมติดต่อมาจากทีเจเอ็นเตอร์เทนเมนตร์นะครับ พอดีว่าผมสนใจอยากให้คุณเมลบีมาแคสละครพีเรียดของทางค่าย...) ทว่า...เพียงแค่ได้ยินคำว่าการแคสละครก็ทำใจฉันหูดับไปในทันที ฉันยื่นนิ่งช็อกค้างไปร่วมนาที พอสติกลับคืนก็ได้ยินว่าทางปลายสายกำลังเอ่ยถามข้อมูลเล็กน้อยและให้ช่องทางติดต่อกลับมา (ไม่ทราบว่าคุณเมลบีสะดวกไหมครับ หรือว่า...) "สะ...สะดวกค่ะ เมลสะดวกค่ะ เป็นวันศุกร์นี้ใช่ไหมคะ เมลสะดวกมาก ๆ เลยค่ะ" (ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยครับ เจอกันที่ตึกเวลาบ่ายโมงนะครับ) "ค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ" พอวางสายก็ทำให้ฉันได้คิดทบทวนกับตัวเองอีกครั้ง ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นเพียงความฝันแต่ทว่ามันไม่ใช่! มันคือเรื่องจริง และฉันก็ได้รับโอกาสนี้จริง ๆ! "เต...ฮึก เต..." ฉันหันมองคนตัวโตก่อนจะปล่อยโฮออกมาเมื่อความรู้สึกมันตื้นตันภายในอก "เมลเป็นอะไร! ทำไมเมล...เกิดอะไรขึ้น" "ฮือ...มันเกิดขึ้นแล้วเต ฮึก...เมลได้ไปแคสละครพีเรียดจริง ๆ แล้วเต ฮือออ" มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ได้แต่รู้เพียงว่าตอนนี้ฉันดีใจจนแทบอยากกรีดร้องเสียงดัง ๆ ฉันอยู่ในวงการนี้มาหลายปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมีโอกาสได้แคสบทละครพีเรียด "โอ้โห แปลว่าคำขอก่อนนอนเป็นจริงสินะ แม่นอย่างกับมีเวทมนตร์แหนะ" "ฮือ...เมลดีใจอะเต เมลดีใจสุด ๆ ไปเลย" ฉันกอดแฟนหนุ่มเอาไว้แน่นขณะที่ตัวเองก็กำลังร้องไห้ออกมาอย่างหนัก มันเป็นน้ำตาของความดีใจไม่ใช่ความเสียใจดังเช่นเมื่อวาน แม้ว่าฉันจะผิดหวังกับบทนางเอกที่พลาดไป แต่ทว่าวันนี้ฉันกลับได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมันเกินฝันของฉันเอามาก ๆ และฉันก็ได้แต่หวังว่าความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะประสบผลสำเร็จและเป็นอย่างที่ตั้งใจไว้... MELBEE'S PART ; END
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD