ตอนที่4/2 ร้ายกาจ

1439 Words
"ทำอะไรอยู่" เสียงทุ้มของติณราชดังขึ้นในตอนที่ลินินกำลังปอกแอปเปิ้ลอยู่ในครัว คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเพราะเธอกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ "ตกใจเหรอ? พี่ขอโทษแล้วกัน" "ไม่เป็นไรค่ะ นินแค่คิดอะไรเพลินๆไม่คิดว่าคุณเล็กจะเข้ามาค่ะ พอดีนินเห็นคุณเล็กขึ้นไปบนห้องแล้ว" ลินินวางทุกอย่างในมือแล้วหันมาพูดกับติณราชไปตามความคิด เพราะหลังจากที่ทานอาหารเช้ากันเสร็จเธอเห็นทั้งเหมราชและติณราชเดินขึ้นไปชั้นสองของคฤหาสน์ วันนี้เป็นวันหยุดเธอคิดว่าทั้งสองคนนั้นคงจะไปพักผ่อน "ขึ้นไปแล้วแล้วก็ลงมาอีก" "อ๋อค่ะ แล้วคุณเล็กมีอะไรให้นินรับใช้หรือเปล่าคะ?" "อย่าพูดแบบนั้นนะ น้องเข้ามาในบ้านหลังนี้ไม่ใช่คนใช้ อย่าใช้คำแบบนั้นอีก" ติณราชส่งเสียงดุ "แต่...." "ไม่มีคำว่าแต่ พวกพี่ๆเห็นนินเป็นน้องสาว เข้าใจที่พี่พูดไหม?" "........." ลินินไม่ได้พูดอะไร แต่คำว่าพี่ๆที่ติณราชพูดออกมาคงจะหมายถึงแค่เขากับเหมราชแค่สองคนเท่านั้น คงไม่ได้หมายถึงพี่ใหญ่คนโตอย่างสิงหราชเพราะเขาคงไม่ได้เห็นเธอเป็นน้องเลยสักนิด ออกจะเกลียดเธอมากเสียด้วยซ้ำ "เงียบแบบนี้หมายความว่ายังไง?" ติณราชเลิกคิ้วถาม "นินเข้าใจแล้วคะ ขอบคุณคุณกลางกับคุณเล็กที่ไม่รังเกียจนิน" "พี่กับพี่กลางอยากมีน้องสาวมาก ดีใจที่มีนินเข้ามาในบ้าน" ติณราชพูดด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง "พี่จะออกไปทำธุระข้างนอก นินอยากได้อะไรไหม?" "ไม่ค่ะ นินไม่ได้อยากได้อะไรขอบคุณคุณเล็กมาก" "ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะน้องสาว" ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาขยี้หัวเล็กๆของลินินด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ติณราชจะเดินหมุนตัวออกไปจากห้องครัว ลินินถอนหายใจออกมาด้วยความอย่างเบาใจ ติณราชดูไม่ได้ร้ายกาจอะไรแถมยังดูเอ็นดูเธอเสียด้วยซ้ำ ส่วนเหมราชถึงจะเงียบขรึมเหมือนกับพี่ชายคนโต แต่ดูไม่ได้ใจร้ายอะไร "คุณลุงคะ แม่คะ ทานผลไม้ก่อนค่ะ นินตั้งใจปอกเอามาให้" ลินินเอ่ยด้วยรอยยิ้มพร้อมกับวางจานผลไม้ไว้บนโต๊ะกระจกตรงกลาง ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวนั่งฝั่งตรงข้ามกับโฉมฉายที่กำลังถักโครเชต์อย่างขะมักเขม้น และพิพัฒน์ที่กำลังมองโฉมฉายด้วยรอยยิ้ม "ลุงไม่กินหรอก หนูกินกับแม่หนูเถอะ ลุงว่าจะไปเคลียร์งานที่ห้องทำงานสักหน่อย หนูอยู่เป็นเพื่อนแม่สักพักก่อนนะ ลุงไม่อยากให้แม่หนูอยู่คนเดียว" "ได้ค่ะ นินจะอยู่เป็นเพื่อนแม่เอง คุณลุงไปทำงานเถอะค่ะ" ตอบพิพัฒน์ด้วยรอยยิ้ม "ถ้าอย่างนั้นลุงไปก่อนนะ" พูดกับลินินจบพิพัฒน์ก็หันไปพูดกับโฉมฉาย "ผมไปก่อนนะโฉม ถ้าคุณเบื่อไปหาผมที่ห้องทำงานก็ได้" "ค่ะ" โฉมฉายเงยหน้าไปตอบพิพัฒน์ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ซึ่งไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นพิพัฒน์ก็ลุกขึ้นยืนกำลังจะเดินออกจากห้อง ทว่าก็ไม่ลืมที่จะหันมาสั่งโฉมฉายอีกครั้ง "อาหารกลางวัน คุณกับหนูนินไม่ต้องไปทำให้เหนื่อยแล้วนะ เข้าใจที่ผมพูดนะโฉม" "คุณสั่งโฉมเหมือนโฉมเป็นเด็กเลยนะคะ" "..........." พิพัฒน์ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหัวเราะในลำคอกับท่าทีเง้างอนของโฉมฉายก่อนจะเดินออกไป ซึ่งลินินที่เห็นแม่ของตัวเองหยอกล้อกับพิพัฒน์ ราวกับหนุ่มสาวที่พึ่งจีบกันใหม่ๆ ก็ได้แต่ยิ้มบางๆอย่างมีความสุข "ยิ้มอะไรนะเรา ยิ้มไม่หุบเลยนะ" "นินดีใจจังเลยที่แม่มีความสุข นินอยากเห็นแม่ยิ้ม อยากเห็นแม่มีความสุขไปตลอดเลยค่ะ" "ที่แม่มีความสุขได้ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนินนะรู้ไหม" "ยังไงเหรอคะ?" "ก็นินเป็นเด็กดีของแม่ไงลูก แม่รักนินมากเลยนะ" "นินก็รักแม่ค่ะ รักมากเลย" ลินินยันตัวลุกขึ้นยืนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอเดินตรงเข้าไปนั่งข้างๆกับโฉมฉายยื่นแขนทั้งสองข้างไปโอบกอดโฉมฉายอย่างเต็มรัก ครืด~ ครืด~ ครืด~ เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นของลินินดังขึ้น หลังจากที่เธอนั่งอยู่กับโฉมฉายเกือบจะ2ชั่วโมงเห็นจะได้ ดวงตากลมโตละสายตาจากมือเหี่ยวย่นของโฉมฉายที่กำลังถักโครเชต์ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ออกมา หลุบสายตาไปมองรายชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอ ริมฝีปากอวบอิ่มระบายยิ้มออกมาในทันที "หนุ่มๆที่ไหนโทรมาหาลูกสาวแม่ ยิ้มหวานเลยน่ะ" โฉมฉายเอ่ยแซวในทันที เมื่อเห็นริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพูของลูกสาวคลี่ยิ้มกว้าง "ไม่ใช่หนุ่มๆที่ไหนหรอกค่ะแม่" พูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ไปให้กับโฉมฉายได้ดู "อิงดาวโทรมาค่ะ" "คิดถึงเพื่อนล่ะสิเรา" "นินคิดถึงอิงดาวกับไอริสมากๆเลยค่ะ" พูดกับผู้เป็นแม่ตามความจริง ลินินมีเพื่อนสนิทอยู่สองคนนั่นก็คืออิงดาวกับไอริส นับตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีก็เจอกันกับเพื่อนนับครั้งได้ เธอจึงคิดถึงเพื่อนสาวสองคนเป็นที่สุด "แม่นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวก่อนได้ไหมคะ? นินจะขอไปคุยโทรศัพท์กับอิงดาวก่อน" "ไปเถอะแม่อยู่คนเดียวได้" "ค่ะ" เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม ซึ่งโฉมฉายก็พยักหน้าให้ ลินินจึงยันตัวลุกขึ้นยืนเธอเดินตรงไปทางด้านหลังของคฤหาสน์ ทิ้งตัวนั่งไปบนชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น มือเรียวกดรับสายเพื่อนสนิทอย่างไม่รอช้า "ฮัลโหลอิง" ลินินกรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงสดใส "ฉันคิดว่าแกจะไม่รับโทรศัพท์ฉันซะแล้วนะเนี่ย รอสายนานมาก" อิงดาวบ่นอุบ เหตุเพราะรอสายนานจนสายเกือบจะถูกตัดอัตโนมัติ "ขอโทษนะ พอดีเมื่อกี้คุยกับแม่อยู่น่ะ เพิ่งจะเดินออกมาเมื่อกี้นี้เอง" "เหรอ...อาการแม่แกเป็นยังไงบ้าง" "ตอนนี้ยังทรงๆ เมื่อวานช่วงค่ำๆก็ปวดท้องต้องให้คุณลุงพาไปฉีดยาแก้ปวดที่โรงพยาบาล" ่ "แล้วจะเข้ารักษาตัวจริงจังเมื่อไหร่ หมอได้บอกแผนการรักษาไหม?" "บอกมาแล้ว ตามแผนก็คืออีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ระหว่างนี้คุณหมอบอกว่าให้แม่เตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนเยอะๆ อย่าเครียด ทำร่างกายให้แข็งแรงที่สุด เพื่อที่จะได้พร้อมกับการทำคีโม" "ก็ดีแล้ว แกอย่าเครียดไปเลยนะหมอเก่งระดับประเทศขนาดนั้น ยังไงแม่แกต้องหายแน่นอน" "อืม...ฉันก็หวังไว้แบบนั้น" พูดแล้วก็ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ด้วยความหนักใจ ถึงพิพัฒน์จะย้ายโฉมฉายมาเริ่มรักษาตัวใหม่ที่โรงพยาบาลเอกชนกับหมอที่เก่งที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่น่าเป็นห่วง เพราะโฉมฉายก็เป็นมะเร็งในระยะสุดท้ายแล้ว "เป็นอะไรหรือเปล่า แกเงียบไปเลย" "เปล่าไม่ได้เป็นอะไร เออ...ว่าแต่แกโทรมามีอะไรเหรอ?" "แกยังไม่รู้เหรอ" "รู้อะไร...?" "ยัยบ้าไอริสนี่หน้าตีจริง ขี้หลงขี้ลืมเป็นที่สุด นี่แสดงว่ายัยนั่นยังไม่ได้โทรบอกแกใช่ไหม ว่าพรุ่งนี้ฉันสองคนจะเข้ากรุงเทพฯมาเจอกันหน่อยไหมคิดถึงแกจะแย่" "จริงเหรอ ดีใจจังเลย ฉันก็คิดถึงพวกแกสองคนเหมือนกัน" "งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ แกต้องมาเจอพวกฉันให้ได้ด้วย เป็นช่วงเช้าเลยสะดวกไหมจะได้อยู่คุยกันนานๆ" "สะดวก...ตอนไหนก็ได้ ดีใจจังเลยจะได้เจอพวกแกสองคนแล้ว" ............................ ระหว่างรออัพ เรื่องสิงหราชคนใจร้าย สามารถเข้าไปเช็คการอัพนิ ยาย เรื่องสิงหราชคนใจร้ายได้ที่ เฟสบุ๊ค นามปากกา ยาหยี หรือไลน์ส่วนตัว @195oafqc ค่ะ ........................... ยาหยีขอฝากให้ทุกคนไปอ่านเรื่องที่จบแล้วของยาหยีด้วยนะคะ หัวใจนายซาดิสม์ (จบแล้ว) เด็กในปกครอง (จบแล้ว) พลายรักยากูซ่า (จบแล้ว)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD