"ทำอะไรอยู่" เสียงทุ้มของติณราชดังขึ้นในตอนที่ลินินกำลังปอกแอปเปิ้ลอยู่ในครัว คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเพราะเธอกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ "ตกใจเหรอ? พี่ขอโทษแล้วกัน"
"ไม่เป็นไรค่ะ นินแค่คิดอะไรเพลินๆไม่คิดว่าคุณเล็กจะเข้ามาค่ะ พอดีนินเห็นคุณเล็กขึ้นไปบนห้องแล้ว" ลินินวางทุกอย่างในมือแล้วหันมาพูดกับติณราชไปตามความคิด
เพราะหลังจากที่ทานอาหารเช้ากันเสร็จเธอเห็นทั้งเหมราชและติณราชเดินขึ้นไปชั้นสองของคฤหาสน์ วันนี้เป็นวันหยุดเธอคิดว่าทั้งสองคนนั้นคงจะไปพักผ่อน
"ขึ้นไปแล้วแล้วก็ลงมาอีก"
"อ๋อค่ะ แล้วคุณเล็กมีอะไรให้นินรับใช้หรือเปล่าคะ?"
"อย่าพูดแบบนั้นนะ น้องเข้ามาในบ้านหลังนี้ไม่ใช่คนใช้ อย่าใช้คำแบบนั้นอีก" ติณราชส่งเสียงดุ
"แต่...."
"ไม่มีคำว่าแต่ พวกพี่ๆเห็นนินเป็นน้องสาว เข้าใจที่พี่พูดไหม?"
"........." ลินินไม่ได้พูดอะไร แต่คำว่าพี่ๆที่ติณราชพูดออกมาคงจะหมายถึงแค่เขากับเหมราชแค่สองคนเท่านั้น
คงไม่ได้หมายถึงพี่ใหญ่คนโตอย่างสิงหราชเพราะเขาคงไม่ได้เห็นเธอเป็นน้องเลยสักนิด ออกจะเกลียดเธอมากเสียด้วยซ้ำ
"เงียบแบบนี้หมายความว่ายังไง?" ติณราชเลิกคิ้วถาม
"นินเข้าใจแล้วคะ ขอบคุณคุณกลางกับคุณเล็กที่ไม่รังเกียจนิน"
"พี่กับพี่กลางอยากมีน้องสาวมาก ดีใจที่มีนินเข้ามาในบ้าน" ติณราชพูดด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง "พี่จะออกไปทำธุระข้างนอก นินอยากได้อะไรไหม?"
"ไม่ค่ะ นินไม่ได้อยากได้อะไรขอบคุณคุณเล็กมาก"
"ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะน้องสาว" ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาขยี้หัวเล็กๆของลินินด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ติณราชจะเดินหมุนตัวออกไปจากห้องครัว
ลินินถอนหายใจออกมาด้วยความอย่างเบาใจ ติณราชดูไม่ได้ร้ายกาจอะไรแถมยังดูเอ็นดูเธอเสียด้วยซ้ำ ส่วนเหมราชถึงจะเงียบขรึมเหมือนกับพี่ชายคนโต แต่ดูไม่ได้ใจร้ายอะไร
"คุณลุงคะ แม่คะ ทานผลไม้ก่อนค่ะ นินตั้งใจปอกเอามาให้" ลินินเอ่ยด้วยรอยยิ้มพร้อมกับวางจานผลไม้ไว้บนโต๊ะกระจกตรงกลาง
ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวนั่งฝั่งตรงข้ามกับโฉมฉายที่กำลังถักโครเชต์อย่างขะมักเขม้น และพิพัฒน์ที่กำลังมองโฉมฉายด้วยรอยยิ้ม
"ลุงไม่กินหรอก หนูกินกับแม่หนูเถอะ ลุงว่าจะไปเคลียร์งานที่ห้องทำงานสักหน่อย หนูอยู่เป็นเพื่อนแม่สักพักก่อนนะ ลุงไม่อยากให้แม่หนูอยู่คนเดียว"
"ได้ค่ะ นินจะอยู่เป็นเพื่อนแม่เอง คุณลุงไปทำงานเถอะค่ะ" ตอบพิพัฒน์ด้วยรอยยิ้ม
"ถ้าอย่างนั้นลุงไปก่อนนะ" พูดกับลินินจบพิพัฒน์ก็หันไปพูดกับโฉมฉาย "ผมไปก่อนนะโฉม ถ้าคุณเบื่อไปหาผมที่ห้องทำงานก็ได้"
"ค่ะ" โฉมฉายเงยหน้าไปตอบพิพัฒน์ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ซึ่งไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นพิพัฒน์ก็ลุกขึ้นยืนกำลังจะเดินออกจากห้อง ทว่าก็ไม่ลืมที่จะหันมาสั่งโฉมฉายอีกครั้ง
"อาหารกลางวัน คุณกับหนูนินไม่ต้องไปทำให้เหนื่อยแล้วนะ เข้าใจที่ผมพูดนะโฉม"
"คุณสั่งโฉมเหมือนโฉมเป็นเด็กเลยนะคะ"
"..........." พิพัฒน์ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหัวเราะในลำคอกับท่าทีเง้างอนของโฉมฉายก่อนจะเดินออกไป
ซึ่งลินินที่เห็นแม่ของตัวเองหยอกล้อกับพิพัฒน์ ราวกับหนุ่มสาวที่พึ่งจีบกันใหม่ๆ ก็ได้แต่ยิ้มบางๆอย่างมีความสุข
"ยิ้มอะไรนะเรา ยิ้มไม่หุบเลยนะ"
"นินดีใจจังเลยที่แม่มีความสุข นินอยากเห็นแม่ยิ้ม อยากเห็นแม่มีความสุขไปตลอดเลยค่ะ"
"ที่แม่มีความสุขได้ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนินนะรู้ไหม"
"ยังไงเหรอคะ?"
"ก็นินเป็นเด็กดีของแม่ไงลูก แม่รักนินมากเลยนะ"
"นินก็รักแม่ค่ะ รักมากเลย" ลินินยันตัวลุกขึ้นยืนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอเดินตรงเข้าไปนั่งข้างๆกับโฉมฉายยื่นแขนทั้งสองข้างไปโอบกอดโฉมฉายอย่างเต็มรัก
ครืด~ ครืด~ ครืด~
เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นของลินินดังขึ้น หลังจากที่เธอนั่งอยู่กับโฉมฉายเกือบจะ2ชั่วโมงเห็นจะได้
ดวงตากลมโตละสายตาจากมือเหี่ยวย่นของโฉมฉายที่กำลังถักโครเชต์ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ออกมา หลุบสายตาไปมองรายชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอ ริมฝีปากอวบอิ่มระบายยิ้มออกมาในทันที
"หนุ่มๆที่ไหนโทรมาหาลูกสาวแม่ ยิ้มหวานเลยน่ะ" โฉมฉายเอ่ยแซวในทันที เมื่อเห็นริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพูของลูกสาวคลี่ยิ้มกว้าง
"ไม่ใช่หนุ่มๆที่ไหนหรอกค่ะแม่" พูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ไปให้กับโฉมฉายได้ดู "อิงดาวโทรมาค่ะ"
"คิดถึงเพื่อนล่ะสิเรา"
"นินคิดถึงอิงดาวกับไอริสมากๆเลยค่ะ" พูดกับผู้เป็นแม่ตามความจริง
ลินินมีเพื่อนสนิทอยู่สองคนนั่นก็คืออิงดาวกับไอริส นับตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีก็เจอกันกับเพื่อนนับครั้งได้ เธอจึงคิดถึงเพื่อนสาวสองคนเป็นที่สุด
"แม่นั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวก่อนได้ไหมคะ? นินจะขอไปคุยโทรศัพท์กับอิงดาวก่อน"
"ไปเถอะแม่อยู่คนเดียวได้"
"ค่ะ" เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม ซึ่งโฉมฉายก็พยักหน้าให้ ลินินจึงยันตัวลุกขึ้นยืนเธอเดินตรงไปทางด้านหลังของคฤหาสน์ ทิ้งตัวนั่งไปบนชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น มือเรียวกดรับสายเพื่อนสนิทอย่างไม่รอช้า
"ฮัลโหลอิง" ลินินกรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงสดใส
"ฉันคิดว่าแกจะไม่รับโทรศัพท์ฉันซะแล้วนะเนี่ย รอสายนานมาก" อิงดาวบ่นอุบ เหตุเพราะรอสายนานจนสายเกือบจะถูกตัดอัตโนมัติ
"ขอโทษนะ พอดีเมื่อกี้คุยกับแม่อยู่น่ะ เพิ่งจะเดินออกมาเมื่อกี้นี้เอง"
"เหรอ...อาการแม่แกเป็นยังไงบ้าง"
"ตอนนี้ยังทรงๆ เมื่อวานช่วงค่ำๆก็ปวดท้องต้องให้คุณลุงพาไปฉีดยาแก้ปวดที่โรงพยาบาล" ่
"แล้วจะเข้ารักษาตัวจริงจังเมื่อไหร่ หมอได้บอกแผนการรักษาไหม?"
"บอกมาแล้ว ตามแผนก็คืออีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ระหว่างนี้คุณหมอบอกว่าให้แม่เตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนเยอะๆ อย่าเครียด ทำร่างกายให้แข็งแรงที่สุด เพื่อที่จะได้พร้อมกับการทำคีโม"
"ก็ดีแล้ว แกอย่าเครียดไปเลยนะหมอเก่งระดับประเทศขนาดนั้น ยังไงแม่แกต้องหายแน่นอน"
"อืม...ฉันก็หวังไว้แบบนั้น" พูดแล้วก็ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ด้วยความหนักใจ
ถึงพิพัฒน์จะย้ายโฉมฉายมาเริ่มรักษาตัวใหม่ที่โรงพยาบาลเอกชนกับหมอที่เก่งที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่น่าเป็นห่วง เพราะโฉมฉายก็เป็นมะเร็งในระยะสุดท้ายแล้ว
"เป็นอะไรหรือเปล่า แกเงียบไปเลย"
"เปล่าไม่ได้เป็นอะไร เออ...ว่าแต่แกโทรมามีอะไรเหรอ?"
"แกยังไม่รู้เหรอ"
"รู้อะไร...?"
"ยัยบ้าไอริสนี่หน้าตีจริง ขี้หลงขี้ลืมเป็นที่สุด นี่แสดงว่ายัยนั่นยังไม่ได้โทรบอกแกใช่ไหม ว่าพรุ่งนี้ฉันสองคนจะเข้ากรุงเทพฯมาเจอกันหน่อยไหมคิดถึงแกจะแย่"
"จริงเหรอ ดีใจจังเลย ฉันก็คิดถึงพวกแกสองคนเหมือนกัน"
"งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ แกต้องมาเจอพวกฉันให้ได้ด้วย เป็นช่วงเช้าเลยสะดวกไหมจะได้อยู่คุยกันนานๆ"
"สะดวก...ตอนไหนก็ได้ ดีใจจังเลยจะได้เจอพวกแกสองคนแล้ว"
............................
ระหว่างรออัพ เรื่องสิงหราชคนใจร้าย
สามารถเข้าไปเช็คการอัพนิ
ยาย เรื่องสิงหราชคนใจร้ายได้ที่
เฟสบุ๊ค นามปากกา ยาหยี หรือไลน์ส่วนตัว @195oafqc ค่ะ
...........................
ยาหยีขอฝากให้ทุกคนไปอ่านเรื่องที่จบแล้วของยาหยีด้วยนะคะ
หัวใจนายซาดิสม์ (จบแล้ว)
เด็กในปกครอง (จบแล้ว)
พลายรักยากูซ่า (จบแล้ว)