ตอนที่2/1 ความลับ

1470 Words
แกร๊ก! เสียงของประตูห้องนอนที่ถูกปิดสนิทลงทันทีที่สิงหราชเปิดประตูออกไป ".........." ลินินที่เห็นแบบนั้นก็รีบเหวี่ยงขาทั้งสองข้างลงจากเตียงนอนอย่างรวดเร็ว เธอเดินไปคว้าชุดนอนที่ตกอยู่ที่พื้นมาสวมใส่ ก่อนที่จะเดินตรงไปที่ประตูห้องจัดการล็อคประตูห้องอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าสิงหราชคนใจร้ายจะกลับมาเข้ามาในห้องของเธออีก หลังจากที่จัดการล็อคประตูห้องเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมาที่เตียงนอนของตัวเอง ร่างเล็กทิ้งตัวลงไปกับที่นอนอย่างหมดเรี่ยวแรง ก่อนที่จะพลิกตัวนอนตะแคงกอดตัวเองเอาไว้ น้ำตาสีใสที่เหือดแห้งไปก่อนหน้านี้กลับไหลทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่สิงหราชคนใจร้ายพึ่งทำไว้กับเธอ "ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้" ลินินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้น ดวงตากลมโตที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาค่อยๆปิดสนิทลง พลางนึกถึงเรื่องราวเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน เรื่องราวที่ทำให้เธอกับแม่ของเธอต้องย้ายเข้ามาในคฤหาสน์แห่งนี้ จุดเริ่มต้นมันเกิดในวันนั้น วันที่เด็กจบใหม่อย่างเธอออกไปสมัครงาน แล้วกลับมาบ้านก็พบว่าผู้เป็นแม่หมดสติอยู่ที่พื้น ในมือกำรูปชายหนุ่มรุ่นลูกคนหนึ่งซึ่งเธอก็รู้ดีว่าผู้เป็นแม่รักคนๆนั้นสุดหัวใจเอาไว้ ตอนนั้นเธอตกใจมาก ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่พอตั้งสติได้ก็รีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลมารับโฉมฉายผู้เป็นแม่ ถึงได้รู้ความจริงบ้างอย่างที่ผู้เป็นแม่ปิดเอาไว้ "แม่คะ...ฮึก ทำไมแม่ไม่บอกนินคะ ทำไมไม่บอกว่าแม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย" ลินินจับมือของโฉมฉายเอาไว้ด้วยหัวใจที่ปวดร้าวพร้อมกับเอ่ยถามทั้งน้ำตา ขณะที่โฉมฉายนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยใบหน้าซีดเซียว ทว่าโฉมฉายก็ยังไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง และนั่นก็ทำให้โฉมฉายและลินินหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง ก็ปรากฏร่างชายสูงวัยคนหนึ่งนั่นก็คือพิพัฒน์ "คุณลุง!" ลินินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจซึ่งไม่ต่างจากโฉมฉายที่ดูตกใจเหมือนกันกับเธอ "คุณ!" โฉยฉายเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "คุณจะปกปิดผมไปอีกนานเท่าไหร่โฉม ต้องรอให้ถึงวันสุดท้ายก่อนเลยหรือไง คุณยังเห็นผมเป็นผัวอยู่ไหมโฉม?" พิพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจและโกรธ เขาสาวเท้าเดินตรงมาหาโฉมฉายที่เตียงผู้ป่วย ซึ่งลินินก็ยันตัวลุกจากเก้าอี้เบี่ยงตัวหลบให้พิพัฒน์ได้นั่งคุยกับโฉมฉาย แล้วพาตัวเองมานั่งที่โซฟาที่อยู่ภายในห้องพิเศษของโรงพยาบาล "โฉมทำไมคุณไม่บอกผม ทำไมต้องให้ผมรู้เอง ผมจะบ้าตายอยู่แล้วนะโฉม" ทันทีที่พิพัฒน์หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ก็ขว้ามือโฉมฉายเข้ามาจับพร้อมกับเอ่ยพูดทั้งน้ำตา "โฉมขอโทษค่ะ โฉมก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เอง" โฉมฉายพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ค่อยๆเอี้ยวตัวยื่นมือข้างที่ยังว่างใช้ปลายนิ้วค่อยๆเช็ดน้ำตาให้กับผู้เป็นสามี "แล้วทำไมไม่รีบบอกผม" "โฉมไม่อยากบอกให้คุณเครียดนี่คะ อีกอย่างโฉมก็ทำใจแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดค่ะ" "ผมทำใจไม่ได้หรอกนะโฉม คุณต้องอยู่อย่างลำบาก ผมไม่เคยชดใช้อะไรให้คุณเลย" พิพัฒน์เอ่ยทั้งน้ำตา คำพูดของเขาแสดงถึงความอัดอั้นที่อยู่ในใจ ทั้งที่รักจนสุดหัวใจ แต่ก็แทบไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกัน เพราะเขาเองก็มีหน้าที่หลายบทบาท แถมงานก็ยังรัดตัว "โฉมไม่ต้องการอะไรจากคุณค่ะ โฉมเคยบอกกับคุณหลายครั้งแล้ว ถ้าโฉมเป็นไรไปฝากดูลูกด้วยนะคะ" โฉมฉายยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แต่คำว่าลูกที่โฉมฉายพูดออกมานั้นไม่ได้หมายถึงลินินเพียงคนเดียว "ไม่นะโฉมคุณต้องไม่เป็นอะไร ไปอยู่ที่บ้านกับผมนะโฉม ผมจะดูแลคุณเอง อย่ามัวชักช้าอีกเลยนะ ผมรู้คุณอยากเห็นเขา อยากสัมผัส อยากกอดเขา อยากอยู่ใกล้ๆเขาไม่ใช่เหรอโฉม ผมว่ามันควรจะถึงเวลานั้นได้แล้ว อย่ารออีกเลย" "อย่าเลยค่ะ โฉมไม่อยาก....." โฉมฉายยังพูดไม่ทันจบประโยคพิพัฒน์ที่รู้ว่าเมียจะปฏิเสธก็ขัดขึ้นทันที "ผมไม่ยอมแล้วนะโฉม ถ้าคุณไม่ยอมไปอยู่กับผมที่บ้าน ทุกอย่างที่ผมรับปากคุณเอาไว้ผมจะเปิดเผยมันออกมาให้หมด" "อย่านะคะ!" โฉมฉายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดัง "งั้นก็ไปอยู่กับผมที่บ้าน เอาหนูนินไปด้วย ไปกันทั้งสองคนนี่แหละ" คำพูดของพิพัฒน์ทำเอาโฉมฉายเงียบไปคู่ใหญ่ สุดท้ายแล้วเธอก็หันไปมองลินินที่รู้เรื่องทุกอย่าง และยังคงฟังผู้ใหญ่ทั้งสองคนอย่างเงียบๆ "นินจะว่าอะไรไหมถ้าแม่...." "แม่อยู่ที่ไหน นินก็จะอยู่ที่นั่นค่ะ แม่ไม่ต้องกังวลเลย" ลินินกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาให้ไหลออกมาจากดวงตาสวย หลังจากที่รู้ว่าโฉมฉายเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและอาจจะอยู่ได้ไม่เกิน5เดือน เธอก็ปฏิญาณกับตัวเองเอาไว้ในใจ ว่าต่อไปนี้จะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณโฉมฉาย ไม่ว่าอะไรที่จะทำให้โฉมฉายมีความสุขเธอจะทำให้ทุกอย่าง "ขอบใจนะลูก" โฉมฉายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "หนูลินินก็ตกลงแล้ว ไปอยู่ที่บ้านกับผมได้แล้วใช่ไหมโฉม ไปอยู่บ้านกับผมนะ" พิพัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงมีความหวัง "จะให้โฉมไปอยู่ด้วยจริงๆเหรอคะ คือว่าโฉมกลัว..." "ทั้งสามคนนั้นโตกันหมดแล้วนะโฉม ตาใหญ่ก็35เข้าไปแล้วนะ ส่วนเจ้าคู่แฝดนั้นก็33แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก" "............" โฉมฉายฟังที่พิพัฒน์พูดก็ขบคิดอยู่ครู่ใหญ่ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตเธอแล้วก็ได้ "ตกลงค่ะ โฉมจะไปอยู่กับคุณ" "ผมดีใจที่สุดเลยโฉม ในที่สุดคุณก็ยอมไปอยู่กับผมแล้ว" พิพัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจพุ่งตัวจะไปกอดคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างโฉมฉาย ทว่าก็โดนผลักเอาไว้ซะก่อน "อายลูกบ้างสิคะ ลินินนั่งอยู่ตรงนั้นนะ" คำพูดของโฉมฉายทำให้พิพัฒน์หันกลับไปมองลินิน ซึ่งลินินก็ฉีกยิ้มบางๆออกมา "ขอโทษนะหนู ลุงดีใจมากไปหน่อย" "ไม่เป็นไรค่ะนินเข้าใจ" "นินลูก หนูเดินมาหาแม่หน่อย" "..........." ทันทีที่ได้ยินโฉมฉายเอ่ยเรียก ลินินก็รีบยันตัวลุกขึ้นยืน เธอสาวเท้าเดินมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ดวงตาที่แดงช้ำหลังจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก มองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของโฉมฉาย ก่อนจะเอ่ยพูด..."แม่มีอะไรจะพูดกับนินเหรอคะ?" "แม่มีอะไรจะขอนินนะลูก" โฉมฉายเอ่ยบอกกับลินินก่อนที่จะหันไปหาพิพัฒน์อีกฝั่งหนึ่งของเตียง "คุณก็ด้วยคะ" "ว่ามาสิ ผมกับหนูลินินฟังอยู่" "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทั้งคุณทั้งนิน ห้ามพูดเรื่องนั้นออกมาเด็ดขาด รับปากฉันนะคะคุณ" โฉมฉายหันไปคาดคั้นเอาคำตอบกับพิพัตน์เป็นคนแรก "คุณพูดกับผมเป็นครั้งที่ร้อยแล้วโฉม ผมรับปากครับ" พิพัฒน์ตอบทำให้เห็นรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าของโฉมฉาย ก่อนที่เธอจะหันไปหาลินิน "นินล่ะลูก รับปากแม่ได้ไหม?" "ค่ะ...นินรับปาก" ลินินเอ่ยบอกพร้อมกับพยักหน้าและนั่นก็ทำให้โฉมฉายยิ้มกว้าง "ผมว่าเราคุยกันรู้เรื่องหมดแล้วนะ หลังจากที่คุณออกจากโรงพยาบาล คุณกับหนูนินก็เตรียมตัวได้เลยนะ ผมจะพาไปบ้านทันที" ............................. ง่า...มีความลับอะไรซ่อนอยู่ ทำไมถึงเปิดเผยไม่ได้ จะเกี่ยวกับคุณใหญ่่หรือเปล่าน๊า.... ............................ ระหว่างรออัพ เรื่องสิงหราชคนใจร้าย สามารถเข้าไปเช็คการอัพนิ ยาย เรื่องสิงหราชคนใจร้ายได้ที่ เฟสบุ๊ค นามปากกา ยาหยี หรือไลน์ส่วนตัว @195oafqc ค่ะ ........................... ยาหยีขอฝากให้ทุกคนไปอ่านเรื่องที่จบแล้วของยาหยีด้วยนะคะ หัวใจนายซาดิสม์ (จบแล้ว) เด็กในปกครอง (จบแล้ว) พลายรักยากูซ่า (จบแล้ว)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD