ตอนที่ 1
แสงไฟในยามค่ำคืนสาดส่องระยิบระยับเสียงปรบมือดังกึกก้องหลังจากการแสดงสุดท้ายที่โชว์จบไป คลับแห่งหนึ่งที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาที่มาเที่ยวและให้ความสนใจและชื่นชมคนเหล่านี้ เสียงปรบมือเบาลงพิธีกรคนสวยประเดิมเสียงเพลงขับร้องผสานกับวงดนตรีดังกระหึ่มจนทั่วคลับ
“ขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือค่ะ และในค่ำคืนนี้เราขอปิดทำการเเสดงไว้เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ค่ะ” ขาเรียวคู่งามเดินลงจากเวทีและมุ่งหน้าตรงไปยังห้องพักทันที งานวันนี้จบลงด้วยดีลูกค้าเริ่มพากันทยอยออกไปจากร้านจนหมด ฉันทิ้งตัวบนเก้าอี้ตัวโปรดด้วยความเหนื่อยล้า
“เฮ้อ! เหนื่อยชะมัด”
“พี่น้ำมนต์ น้ำค่ะ”
“ขอบใจนะจ๊ะ”
น้ำมนต์ คือชื่อในวงการของฉันเอง ชีวิตของฉันโลดแล่นอยู่บนทางที่ขรุขระอาจไม่มีพรมแดงปูทางเหมือนอย่างคนอื่นเขา อีกทั้งอุปสรรคมากมายที่ทำให้ชีวิตสวยหรูนั้นมียากเหลือเกิน ชีวิตฉันน่ะยิ่งกว่าละครเสียอีก พอหลับตาลงก็ทำให้หวนนึกถึงอดีตอันโหดร้าย
'ลูกชั่วลูกไม่รักดี' คำนี้มันจุกอยู่อกฉันตลอดเวลา แม้ว่ามันจะผ่านมานานเป็นสิบปีก็ตาม ความทรงจำอันเลวร้ายและดีมันยังคงอยู่ในนี้ ในสมองอันส่วนลึกของฉัน
“เฮือก!”
“น้ำมนต์ เป็นอะไรไปลูก”
“คะ? เอ่อเปล่าค่ะ”
“ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ หนูก็แค่เพลีย”
“เหนื่อยล่ะสิ เป็นขวัญใจลูกค้าก็แบบนี้แหละลูก” มือหนาลูบลงบนศีรษะแผ่วเบาด้วยความห่วงใย
“กลับกันเลยไหมคะ”
“จ้ะ หนูไปรอแม่ที่รถก่อนนะ”
“แม่จะไปไหนอีกคะ”
“ไปคุยกับผู้จัดการร้านน่ะ แปบเดียว”
“อย่านานนะคะ” เราสองคนแยกกันตรงนี้ทันทีและไม่นานก็เดินทางกลับที่พักในเวลาต่อมา
“อาบน้ำแล้วรีบเข้านอนนะน้ำมนต์”
“ฝันดีค่ะแม่”
“แม่รักลูกนะ”
“หนูก็รักแม่ค่ะ” ฉันสวมกอดผู้มีพระคุณและหอมแก้มทั้งสองข้าง ก่อนปลีกตัวเข้าไปในห้องส่วนตัว
คนที่ฉันบอกรักและสวมกอดนั้น เธอชื่อว่าแม่แพตตี้ เธอเป็นสาวประเภทสองที่อุปการะเลี้ยงดูฉันเป็นลูกบุญธรรม เธอเป็นคนชุบชีวิตอันมืดมนให้กับกะเทยหัวโปกคนนี้ ได้มีชื่อเสียงและเปลี่ยนแปลงร่างกายที่เป็นชาย ให้เป็นผู้หญิงที่สวยงามราวกับเป็นมาตั้งแต่เกิด
รู้ไหมว่าฉันโคตรจะภูมิใจเลย ที่มาได้ไกลขนาดนี้ ถ้าเมื่อสิบปีที่แล้วฉันตัดสินใจทิ้งความฝันตัวเอง ตอนนั้นยังนึกภาพไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้จะมีภรรยาหรือสามี ในอดีตฉันเป็นลูกชายที่ครอบครัวรัก เปรียบเสมือนความหวังสุดท้ายของครอบครัว แต่ทว่า...
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปี...
เดิมทีฉันชื่อว่าไอ้แบงค์ บ้านเกิดของฉันอยู่ในแถบภาคอีสาน บ้านที่เคยมีความทรงจำอันเลวร้ายและน่ากลัว เมื่อพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวทำตัวสวมบทบาทเป็น 'ฮิตเลอร์' ไม่แยกแยะเรื่องงานกับที่บ้านและมักจะนำมันมาใช้กับทุกคนเสมอ
และที่หนักไปกว่านั้น คือบงการชีวิตของทุกคนในบ้าน แม้กระทั่งภรรยาที่แต่งมาเป็นเมีย เป็นแม่ของลูกก็ต้องอ่อนให้กับเขา เพราะเขาคือคนหารายได้เข้าบ้าน แม่ผู้เป็นแม่ศรีเรือนเลี้ยงดูลูกทั้งสี่คนในวัยที่ไล่เลี่ยกันด้วยตัวเอง
ในขณะเขาไม่เคยช่วยเมียเลี้ยงลูกเลยด้วยซ้ำ มีแต่สั่งกับสั่งและต้องทำตามเขาทุกอย่าง แต่ที่น่าสลดใจไปมากกว่านั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์เลวร้ายนำพาไปสู่ 'โศกนาฏกรรม' ขึ้นในบ้านของฉันเอง ต้นเหตุคือเขาที่พวกเราเกลียดและฉันยอมกลายเป็น 'ลูกชั่วลูกไม่รักดี'
“ดูไปทำไมไอ้รายการที่เอาพวกทำตัวผิดศลีธรรมมาออกเนี่ย” บิดาผู้เกลียดรายการนี้เป็นที่สุด บ่นให้กับฉันทุกครั้งที่เปิดดูมันและมักจะจบด้วยคำพูดที่เสียดใจอยู่เสมอ
“ผิดศีลธรรมตรงไหนพ่อ” ฉันถามเสียงแผ่วเบา
“ไม่ผิดได้ยังไง ก็ไอ้พวกวิปริตผิดเพศ” ฉันรีบหันขวับไปทางพ่อ
“ไปว่าเขาแบบนั้นทำไมพ่อ” ฉันตำหนิท่านที่พูดจาดูถูกคนอื่น
“ไอ้พวกนี้นะมันบาป เกิดมาทำให้พ่อแม่สังคมอับอาย”
“อับอายยังไง?”
“ก็ดูสิ เป็นผู้ชายแต่แต่งตัวเป็นผู้หญิง ขนลุก”
“มันก็สิทธิ์ของเขาไม่ใช่เหรอครับ”
“ไอ้ลูกคนนี้! จำไว้เลยนะ ฉันไม่ชอบพวกผิดเพศเว้ย” พ่อตะคอกเสียงดังใส่หน้า
“........” ฉันได้แต่กำมือแน่น อยากจะต่อยปากพ่อตัวเองสักครั้ง แต่ทำได้แค่คิด ฉันมันคนบาปคิดได้แม้กระทั่งจะต่อยพ่อก่อนหันไปมองคนมาใหม่ บรรยากาศในห้องนั่งเล่นตึงเครียดกระทั่ง...
“กลับมาแล้วฮะ” พี่สาวคนกลางกลับมาจากเรียนพอดี พ่อปรายตามองแล้วกล่าวขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ
“แกเป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย ควรพูดค่ะไม่ใช่ฮะ แล้วอย่ามาทำตัวเป็นทอมบอย”
“ทำไมพ่อ”
“ฉันไม่ชอบ”
“บีมจะพูด พ่อจะทำไม แล้วเนี่ยเป็นอะไรกับน้องอีก” นี่เป็นเรื่องปกติที่พ่อกับพี่บีมจะมีปากเสียงกัน
“ฉันเป็นพ่อแกนะบีม ควรเชื่อฟังในสิ่งที่ฉันพูด ไอ้ทรงผมบ้านี่ก็เหมือนกัน” ต่อว่าเรื่องทรงผมทุกวันแต่พี่บีมก็หัวแข็งดื้อรั้นกับพ่อเสมอมา ตัดสั้นทรงผู้ชาย พี่สาวคนกลางเป็นทอมเขาอยากเป็นชายมากกว่า
“พ่อพี่บีมใจเย็นกันก่อน” ฉันปรามคนทั้งสอง พี่บีมหัวเสียเดินหนีขึ้นห้องในขณะที่พ่อด่าทอตามหลังแล้วมาลงที่ฉันเหมือนเช่นเคย
“ลุกไปอ่านหนังสือเตรียมสอบนายร้อยได้แล้วแบงค์”
เด็กชายเชิงชาย ชื่อเล่นแบงค์ ชื่อก่อนเข้าวงการ พ่อเป็นถึงนายตำรวจในตำแหน่งที่มีหน้ามีตาทางสังคมพอสมควร ครอบครัวนี้มีลูกสี่คนสามใบเถาคือพี่สาวและตัวฉันน้องสุดท้อง
“ครับพ่อ” ผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นห้องตัวเอง ฉันเกลียดตัวเองทุกครั้งที่ต้องพูด 'ครับ' ทั้งที่อยากจะพูด 'ค่ะ' มากกว่าเป็นไหน ๆ
“แบงค์ลูก” ยามปะทะคารมกับพ่อทีไร แม่ผู้ที่เข้าใจลูกทุกอย่างเดินมาสวมกอดเสมอ เขารู้ว่าฉันไม่แมนเขาไม่ห้ามแต่ไม่อยากให้เป็นเลย
“อย่าเป็นในสิ่งที่พ่อเขาไม่ชอบได้ไหมลูก แม่กลัวพ่อเขาจะ...”
“แม่ แบงค์ก็ไม่อยากจะเป็นแบบนี้หรอกนะ แบงค์พยายามเปลี่ยนแล้วแต่มันห้ามไม่ได้ แม่เข้าใจแบงค์ใช่ไหม”
“แม่เข้าใจแบงค์ทุกอย่าง ถ้าเกิดว่าพ่อเขารู้ความจริงล่ะลูก” สิ่งเดียวที่แม่เป็นกังวลคือกลัวพ่อจะรู้ความจริงว่าลูกชายนั้นไม่แมนอย่างที่เขาภูมิใจ
“........” ฉันไม่ตอบแต่ขอตัวเข้าห้องนอนตัวเอง ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอย่างเหนื่อยใจ หลับตาลงอึดอัดใจที่สุด ทำไมไม่เกิดเป็นลูกสาวทำไมกันนะ พลางอ้อนวอนเปลี่ยนฉันกับพี่คนกลางแทนได้ไหม
“นายร้อยตำรวจ เฮอะ” ฉันแสยะยิ้มให้กับคำพูดตัวเอง พ่อพยายามยัดเหยียดอาชีพที่ไม่ได้อยากจะเป็นให้กับฉันเสมอมา โดยไม่เคยเอ่ยถามว่าฉันอยากเป็นหรือเปล่า?
ก๊อก...ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงของแม่
“แบงค์ลูก เปิดประตูให้แม่ที” ฉันผุดลุกขึ้นรีบไปเปิดให้ แม่รีบเดินเข้ามาในห้องโดยไม่ลืมล็อกประตู ฉันนั่งลงที่ปลายเตียงและแม่ก็นั่งลงข้างกัน แม่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ใบหน้าเศร้าหมองบ่งบอกถึงความทุกข์ใจแต่ไม่อาจคาดเดาได้
“แม่” ฉันเอ่ย
“แบงค์ แม่มีเรื่องอยากจะพูดกับลูก”
“เรื่องอะไรเหรอแม่ แล้วแม่ร้องไห้ทำไม” เมื่อฉันถามแม่ก็ปิดปากร้องไห้ออกมา ฉันเพิ่งสังเกตว่าตามเรียวแขนของท่าน นั้นมีร่องรอยฟกช้ำเต็มไปหมด
“นี่พ่อตีแม่อีกแล้วใช่ไหม ครั้งนี้มันเรื่องอะไรอีก” นี่คือเรื่องปกติที่พ่อมักจะทำร้ายร่างกายของแม่ เมื่อเขาหงุดหงิดหรืออารมณ์มีน้ำโหจากลูก ๆ
“แม่ไม่เป็นไรลูก” แม่บีบมือฉันเอาไว้แน่นแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฟังแม่”
“........” ฉันพยักหน้า
“เลิกเป็นแบบนี้เพื่อแม่ได้หรือเปล่า เพื่อพ่อด้วยนะแบงค์แม่ขอร้อง นะลูก” คำขอร้องของแม่ทำฉันใจสั่น แม่ที่เคยเข้าใจและส่งเสริมเรื่องนี้กลับเปลี่ยนความคิด ด้วยการขอร้องให้เลิกเป็นกะเทย เหตุผลที่แม่ขอร้องเดาไม่ยากเลย
“พ่ออีกแล้วสินะ ทำไมเขาต้องบงการชีวิตทุกคนด้วย เขาควรจะดีใจที่ลูก ๆ รักดีไม่เกเรไม่ใช่เหรอ พ่อแม่งไม่เข้าใจใครเลย เห็นแก่ตัว”
“อย่าพูดว่าพ่อเขาแบบนั้น มันบาปนะแบงค์” คำว่าบาปอีกแล้ว ก็ฉันมันคงจะเป็นคนบาปจริง ๆ นั่นแหละ เกิดมาก็ผิดเพศไม่ต่างจากไส้เดือนที่มีสองเพศในร่างเดียว เมื่อเราคุยกันไม่ลงตัวแน่นอนว่าความเงียบคืบคลานเข้ามาปกคลุม ฉันนั่งนิ่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่
“ฮึก” ส่วนแม่ก็ร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจตาย ฉันยังไม่พูดอะไรกระทั่ง
“ไอ้แบงค์ อยู่บ้านหรือเปล่าวะ ไปเตะบอลกัน” เสียงตะโกนดังมาทางหน้าต่าง ทำให้แม่รีบปาดน้ำตาบนแก้มลุกขึ้นเดินไปดู
“เต๋อมาลูก ไปเล่นกับเพื่อนไปแบงค์”
“แม่ แบงค์เข้าใจแม่นะ แต่แบงค์คิดว่าเปลี่ยนไม่ได้ หนูอยากเป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย” ฉันโพล่งบอกแม่ไป เขาได้ยินก็พยักหน้าเข้าใจและมาสวมกอดฉันไว้แน่น
“ไว้ค่อยคุยกันใหม่ เต๋อรอนานแล้ว”
“ครับแม่” ฉันเดินลงมาชั้นล่างไปหาเพื่อนสนิท
“อีแบงค์ ช้าจังมึงเร็ว ๆ ป่านนี้ผู้ชายเต็มสนามแล้ว”
“มึงก็ กูเพิ่งผ่านเรื่องดราม่ามา ไม่มีอารมณ์บ้าผู้หรอก”
“ตอแหล อย่างมึงเนี่ยนะไม่บ้าผู้” แล้วนี่ก็ชื่ออีเต๋อ เพื่อนกะเทยเพียงคนเดียวที่สนิท ที่บ้านมันเองก็รับไม่ได้เช่นกัน ที่มาเรียกไม่ใช่ไปเตะบอลแต่ว่าชวนไปดูผู้ชาย