เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้วที่ ลี่มี่เข้ามาอยู่ในร่างของนักแสดงนางร้ายสาว เฉินลี่มี่ และเป็นเวลา1เดือน ที่ลี่มี่ใช้ฟื้นฟูสภาพร่างกายให้มีสุขภาพที่แข็งแรง โดยใช้ตารางการฝึกร่างกายฉบับเร่งด่วน ตามโปรแกรมการฝึกเมื่อครั้งยังเป็นหน่วยรบพิเศษ
ด้วยความที่เฉินลี่มี่คนเดิม เป็นนักแสดงที่ไม่ได้มีงานการแสดงมากนัก มีเพียงผลงานการแสดง ที่เคยรับบทเป็นนางร้ายอยู่เพียงไม่กี่เรื่อง ส่วนงานเดินแบบ หรืองานโฆษณาต่างๆก็แทบจะไม่มีเลย เพราะบุคลิกที่สวยงามเหมือนนางร้ายก็จริงแต่กลับขาดความมั่นใจในตัวเอง จนแลดูจืดชืดไม่น่าค้นหา
ถึงแม้เฉินลี่มี่คนเดิม จะหน้าตาสะสวยมากก็จริงแต่กลับดูไร้เสน่ห์ และยังดูผิวพรรณแก่กว่าวัย จึงไม่มีเจ้าของผลิตภัณฑ์ใดจ้างให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด ที่หญิงสาวจะหายหน้าหายตาไปเป็นเดือนๆ
เฉินลี่มี่คนเดิมย้ายออกจากบ้าน มาพักอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมคนเดียวได้หลายปีแล้ว ตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ดังนั้นการที่หญิงสาวไม่กลับบ้านเลย1เดือน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับครอบครัว
แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่รู้สึกแปลกใจกับการหายไปของลี่มี่ เพราะหญิงสาวไม่ไปพบเขาทั้งที่บ้านและบริษัท ทั้งยังไม่โทรศัพท์หรือส่งข้อความใดๆมาหาเลย เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่จะต้องส่งข้อความมาหาเขาทุกวัน และมาพบเขาที่บ้านหรือบริษัทเกือบจะทุกวัน
ลู่เสียน มานึกๆดูแล้วเฉินลี่มี่หายเงียบไป ตั้งแต่วันที่ไป๋ฮวามาหาเขาที่คอนโด วันนั้นไป๋ฮวาบอกว่ามีธุระส่วนตัวจะคุยกับเขาก็เลยมาพบถึงคอนโดส่วนตัวของชายหนุ่ม
ในใจของชายหนุ่มเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง แต่ก็รีบปัดความคิดออกไป เพราะใจหนึ่งก็คิดว่าดีแล้วที่เฉินลี่มี่ไม่มาหาเขา หญิงสาวจะได้ตัดใจจากเขาได้ และยอมถอนหมั้นไปเองเสียที
ด้วยความที่ลู่เสียนมีความรู้สึกดีๆกับไป๋ฮวา นักแสดงนางเอกสาวแสนเรียบร้อยคนนี้ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในวันนั้นเลยยินดีต้อนรับให้ไป๋ฮวา เข้ามาในคอนโดที่พักของตนเองด้วยความเต็มใจ
โดยที่ลู่เสียนไม่ได้นึกถึงคู่หมั้นสาวของตนเองเลยว่าจะรู้สึกเสียใจแค่ไหน ถ้ารู้ว่าคู่หมั้นของตนเอง ให้ผู้หญิงคนอื่นเข้ามาหาถึงห้องพักส่วนตัวในเวลาวิกาลแบบนี้
พอเข้ามาในห้องพักของลู่เสียนได้สักพัก ไป๋ฮวาก็มีทีท่าว่าจะเป็นลม จนชายหนุ่มต้องประคองสวมกอดเอาไว้ไม่ให้หญิงสาวล้มลง และพาเดินไปนั่งพักในบริเวณรับแขก วินาทีที่ตาสบตากัน ทั้งสองคนที่ประคองกอดกันอยู่นั้น ก็อดใจไม่ไหวริมฝีปากได้เคลื่อนเข้าไปจุมพิตกันและกันอย่างดูดดื่มและเนิ่นนาน
ในขณะที่คนทั้งสองกำลังมัวเมา ในรสจุมพิตของกันและกันอยู่นั้น ก็ไม่ได้รับรู้เลยว่ามีผู้หญิงอีกคนมาเห็นเหตุการณ์ ทั้งยังยืนเป็นพยานรักอยู่เนิ่นนาน กว่าจะสามารถก้าวขาเดินกลับออกไปได้
ในวันนั้นพอลู่เสียนได้สติจึงผละออกจากตัวไป๋ฮวา และให้หญิงสาวรีบพูดคุยธุระ แล้วรีบให้เธอกลับออกไปจากห้องของเขาทันที ก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้น
ด้วยเพราะเกรงว่า อารมณ์ของหนุ่มสาวที่ไม่ได้รังเกียจกัน ทั้งยังได้มีโอกาสสัมผัสกันอย่างดูดดื่ม ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสานต่อในความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ถ้าขืนยังคงอยู่ในห้องส่วนตัวด้วยกันอยู่แบบนี้
.
.
.
.
“ได้ข่าวว่าอย่างไรบ้าง” ลู่เสียนเอ่ยถามเลขาหนุ่ม ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เหมือนสิ่งที่ต้องการรู้ไม่ได้สำคัญอะไร
“เธอไม่ออกจากคอนโดที่พักมา1เดือนแล้วครับ อาหารก็สั่งขึ้นไปกิน ไม่ได้ออกไปกินที่ร้านข้างนอกเลยครับ ไม่ได้ออกไปพบใคร และไม่มีใครมาพบตลอดระยะเวลา1เดือน”
“อืม ให้คนตามดูต่อไป มีอะไรเพิ่มเติมก็รีบมารายงาน” ลู่เสียนที่ตัดอาการแปลกๆของตนออกไปไม่ได้ ก็สั่งการให้เลขาให้คนตามดูคู่หมั้นสาวของตนไม่ให้คลาดสายตา
“ครับนาย”
.
.
.
.
บ้านตระกูลเฉิน
เรือนร่างที่ดูอวบอิ่มขึ้น จนตอนนี้ดูสวยงามสมบูรณ์แบบจนหาที่ติไม่ได้ เดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้านิ่งสงบ ดวงตากลมโตที่ปกติจะดูขาดความมั่นใจ แต่ในวันนี้กลับนิ่งสงบ แลดูเย่อหยิ่งแบบไม่ต้องพยายามจะให้เป็น จนแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดอยู่ต้องหลบสายตาหงส์คู่นี้กันทันที
“คุณพ่อกับคุณแม่ไปไหน” ลี่มี่เอ่ยปากถามแม่บ้านทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน
เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ลี่มี่จึงตั้งใจกลับมาที่บ้านเพื่อมาพบพ่อกับแม่ เพื่อมาพูดคุยธุระบางอย่างกับท่านทั้งสอง เพราะถ้าเป็นวันธรรมดา คุณพ่อของเธอจะเข้าบริษัท เพราะท่านเป็นประธานบริษัทผลิตน้ำและเครื่องดื่ม ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ
“เอ่อ คุณผู้หญิงอยู่ในห้องครัว ส่วนคุณผู้ชายอยู่ในห้องทำงานค่ะ” แม่บ้านคนหนึ่งที่ทำความสะอาดอยู่ใกล้ๆรีบตอบคำถามลูกสาวเจ้าของบ้านทันที
ลี่มี่เดินขึ้นไปพบบิดาที่ห้องทำงานของท่าน บนชั้นสองของบ้านทันที เพราะอีกไม่นานบิดาก็คงตามให้มารดาขึ้นมาพบที่ห้องทำงานเช่นกัน เมื่อได้รับรู้เรื่องสำคัญจากปากของลูกสาวคนเดียวของพวกท่าน