ณ ผับ
xyz
ห้องวีไอพี
สองหนุ่มใหญ่ภายใต้ชุดสูทหรูหราราคาแพงกำลังนั่งจ้องตากันอยู่ ด้วยความหล่อระดับห้าดาวของทั้งคู่ทำให้สาวๆที่ผ่านไปมาแอบมองผ่านกระจกใสที่กั้นเป็นกำแพงห้องเพื่อปิดเสียงจากภายนอก แล้วส่งยิ้มมาให้ไม่ขาดสาย จนอีกคนแทบไม่มีสมาธิที่จะคุยกับเพื่อนรักตรงหน้า
"เฮ้ย กูนัดมึงมาคุย เสือกมานั่งมองสาวๆ" "มึงมีอะไรก็รีบพูดมาสิ กูชักจะเบื่อมึงแล้ว"
สายตาส่องแวววิบวับออกไปหาสาวสวยหมวยอึ๋มทรงโตด้านนอก
"มึงจำเรื่องพินัยกรรมเมื่อสิบห้าปีก่อนได้ไหม"
พินัยกรรมที่สองตระกูลมีธุรกิจหลายด้านได้ทำไว้ร่วมกันเพราะรุ่นทวดของสองตระกูลได้บุกเบิกด้วยกันมา จนเมื่อสิบห้าปีก่อน ทั้งสองหนุ่มได้รับพินัยกรรมต่อจากพ่อของพยัคฆ์ ในพินัยกรรมระบุไว้ว่า ให้สองตระกูลดองกันแล้วมีทายาทเพื่อเอาทายาทมาเป็นกุญแจในการเปิดพินัยกรรมแบ่งธุรกิจที่ทำเงินมหาศาลในแต่ละปีให้ชัดเจนว่าใครควรครอบครองส่วนไหน แต่ยังไม่มีใครสามารถทำได้เพราะสองตระกูลมีแต่ลูกชาย
"อื้ม พินัยกรรม เอ่อ พอจำได้บ้างมึงมีอะไร"
"กูมีน้องสาว"
"ห๊ะ มึงจะบ้าหรือไง มึงลูกคนเดียว"
"พ่อกูมีเมียอีกคน แล้วก็มีลูกสาว มึงต้องมีลูกกับน้องสาวกูเพื่อเอาทายาทมาเปิดพินัยกรรม"
"ไม่"
เสียงใหญ่ตวาดลั่นจนกระจกรอบห้องแทบแตก เขาได้แต่ส่ายหน้ากับความคิดบ้าบอของเพื่อนสนิท แล้วยังมาบังคับให้เขามีครอบครัวมันเรื่องไร้สาระสิ้นดี
"มึงต้องแต่งงานกับน้องสาวของกู เพราะกูอยากจะเปิดพินัยกรรมนั้น และแบ่งหุ้นบริษัทเหล่านี้สักที"
"ทำไม ยังไงผลประโยชน์ก็แบ่งกัน เท่ากันทุกปี จะเรื่องมากทำไม"
"กูไม่ยอมแบ่งแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว กูอาจได้ในส่วนที่มากกว่าก็ได้ ยังไงมึงก็ต้องแต่ง"
"กูไม่แต่ง"
"งั้นมึงก็ต้องมีลูกกับน้องกู ไม่งั้นมึงจะผิดสัญญาแล้วอีกหลายธุรกิจของมึงจะตกเป็นของกูทันที"
เขารู้ดีว่าคนอย่างพยัคฆ์จะไม่ยอมเสียเปรียบใครแม้แต่บาทเดียว แล้วนี่ธุรกิจเป็นพันล้านพยัคฆ์ไม่มีวันยอมแน่
"อะไรวะ มึงเชื่อพินัยกรรมบ้าๆนั้นเหรอ"
"กูเชื่อ แล้วมึงก็ต้องทำตามด้วย"
ความจริงเขาไม่ได้อยากจะยกน้องสาวให้กับคนไร้หัวใจแบบพยัคฆ์เลย แต่มาระยะหลังเขาต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยรวมถึงจะไปอยู่กับศรีภรรยาที่นู่นด้วยแบบถาวร ด้วยความกลัวจะไม่มีใครดูแลน้องสาวดีเท่าเขาและเพราะความฤทธิ์เยอะของน้องสาวเขาเลยมองเห็นจะมีแต่พยัคฆ์ที่จะดูแลน้องสาวของเขาได้
"มึงมันบ้า"
"แล้วแต่มึงจะคิด หมดธุระของกูแล้ว อีกสองวันมึงไปรับน้องกูด้วย เดี๋ยวกูส่งที่อยู่มาให้ บายโว้ย"
อีริคลุกจากไปโดยไม่สนใจอีกฝ่ายที่งงเป็นไก่ตาแตกแล้วก็โมโหจนควันออกหูเพราะคนอย่างพยัคฆ์ไม่อยากมีครอบครัว เขารักสนุกแค่ข้ามคืนไม่เคยคิดผูกมัดสัมพันธ์กับใคร
.......
"ว่าไง ไอ้เสือ"
อีริคหนุ่มลูกครึ่งที่มีมารดาเป็นชาวอังกฤษและบิดาเป็นคนไทย พี่ชายแสนดีของรชนิชล ยกโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมารับ คนปลายสายก็ไม่ใช่ใคร นอกจากคนที่เขาเพิ่งจะไปพูดกับมันมา
"กูมีข้อเสนอ"
เสียงปลายสายยังคงขรึมน่าเกรงขามตามสไตล์ของพยัคฆ์
"ว่ามา"
"กูจะให้น้องมึงมาอยู่บ้านกู แล้วก็ทำกิ๊ฟเพื่อมีลูก พอคลอดก็เปิดพินัยกรรม"
คนอย่างเขาจะไม่ยอมมีสัมพันธ์กับใครแล้วมีลูกด้วยกันถ้าไม่ได้รัก เพราะนั้นถือว่าไม่ใช่ลูกของเขา ลูกจะต้องเกิดจากความรักเท่านั้นสำหรับคนอย่างพยัคฆ์
"ก็ได้ กูฝากน้องสาวกูด้วย"
"เอ่อ"
โทรศัพท์ถูกตัดสายไปนานแล้ว อีริคเองก็ก้าวขึ้นรถยี่ห้อหรู ที่มีคนขับรถให้ ใบหน้ายังคงเรียบเฉยครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น รถแล่นผ่านตัวเมืองจนเลยออกมาแถวชานเมือง เขาคงไปไหนไม่ได้นอกจากมาพบน้องสาวเพื่อบอกความจริงก่อน ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้รับคำตอบแบบไหน แต่ยังไงก็ต้องทำให้เรื่องนี้สำเร็จให้ได้
"คุณอีริคครับ ถึงแล้วครับ"
ทันทีที่รถแล่นมาจอดที่หน้าบ้านหลังเล็ก อิริคถึงกับส่ายหน้าเบาๆเพื่อเรียกสติ
"หนูชล หลับหรือยัง"
เขาเดินเข้ามาภายในบ้านที่ยังเปิดไฟจ้าแทบจะทุกดวงโดยเอากุญแจสำรองไขเข้ามาเหมือนทุกครั้งที่มา
"ยังค่ะ กำลังเก็บกระเป๋าอยู่"
ร่างเล็กเปิดประตูห้องนอนออกมา ใบหน้าหวานส่งยิ้มมาให้ผู้เป็นพี่ชายต่างมารดาที่มักจะมาหาเธออยู่เป็นประจำ
"อ้าว จะไปไหน"
"ไปแบกเป้เที่ยวใกล้ๆแถวนี้ค่ะ ว่าจะไปแค่สองวัน พี่ชายไม่ต้องห่วงนะ หนูชลไม่ได้ไปคนเดียว ไปกะไอ้ซันและยายแพรว"
รชนิชลรีบรายงานให้อีริคผู้เป็นพี่ชายทราบทุกอย่างทันที เธอไม่อยากให้เขามาขัดเธอ
"อื้มไปสิพี่ไม่ได้ว่าอะไร อธิบายมาซะยาวเลย"
"พี่ชายมีอะไรหรือเปล่าคะ"
เธอสังเกตเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเรียบเฉยดวงตาเหม่อลอยเป็นระยะเหมือนคิดอะไรอยู่ พี่ชายไม่เคยเป็นแบบนี้
"เอ่อ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย มานั่งใกล้ๆสิ"
อีริคเริ่มเล่าถึงพินัยกรรมทันที
"อะไรนะ"
"ถ้าหนูชลไม่แต่ง ธุรกิจและทรัพย์สมบัติร่วมถึงบ้านหลังนี้จะตกเป็นของอีกฝ่ายเพราะว่าทางเราผิดสัญญา"
"แต่เรื่องที่คุณชานมีลูกสาวถูกปิดเป็นความลับนะ พวกเขาจะรู้ได้ยังไง"
คุณชานที่เธอพูดถึงคือพ่อที่ไม่เคยต้องการให้ใครรู้ว่าเขามีลูกสาวอยู่อีกคน ไม่ใช่เพราะพินัยกรรมแต่เพราะความปลอดภัยจากคนที่เสียผลประโยชน์จากการเปิดพินัยกรรม เธอไม่เคยเรียกพ่อต่อหน้าใครทั้งนั้น
"ทางนู้นเขาตามสืบจนเจอนะ หนูชลช่วยพี่หน่อยนะ ยังไงก็เพื่อบ้านหลังนี้ก็ยังดี"
"แต่ เอ่อ"
"ทางนู้นเขายื่นข้อเสนอมาให้ทำกิ๊ฟน่ะ"
"ทำกิ๊ฟเหรอคะ"
"ก็อุ้มท้อง พอคลอดเปิดพินัยกรรมทุกอย่างก็จบ"
อีริคยื่นข้อเสนอที่ตัวเองคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ เขาคิดไปไกลกว่านั้น ยังไงคนอย่างพยัคฆ์ต้องหลงเสน่ห์น้องสาวของเขาและรักจนไม่อาจปล่อยเธอไปได้แน่
"เอ่อ ขอหนูชลทำใจก่อนได้ไหม"
เธอไม่ได้อยากรับข้อเสนออะไรทั้งนั้นแต่เพื่อบ้านหลังนี้ บ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิดบ้านที่มีแต่ความรัก บ้านที่ยังบอกเสมอว่าแม่ยังอยู่ใกล้เธอไม่ได้จากไปไหน บ้านที่เธอเรียกพ่อว่าพ่อได้
"อีกสองวัน เขาจะมารับแล้วนะหนูชล"
"พี่ชาย หนูชลไม่รู้จะทำไงดีคะ หนูชลไม่อยากเสียบ้านนี้ไป"
"หนูชลไปอยู่กับเขาก่อน แล้วค่อยหาทางคุยกับเขา"