ตอนที่ 15 ชื่อตอน พบตัวมู่หานซือ

1706 Words
ร่างบางใบหน้าบิดเบี้ยวขึ้นมาและน้ำตาหยดลงมาเผาะๆ นางทุบตีร่างแกร่งอย่างรุนแรงนัก ใบหน้าคมแย้มรอยยิ้มบาน ยิ่งนางทุบตีดิ้นไปมาก็ยิ่งสนุกนัก ยิ่งบดขยี้จุมพิตนางขบกัดใบหูของนางและฝ่ามือร้อนๆก็ลวนลามนางไปทั่วกาย และก่อนที่จะเลยเถิดไปกว่านั้น ก็มีทหารลับเข้ามารายงานความคืบหน้าของท่านแม่ทัพมู่หานซือในทันใด "องค์ไท่จื่อขอรับ เราพบตัวท่านแม่ทัพมู่หานซือแล้วขอรับ" มู่หลิงซือที่ได้ยินก็พยายามดิ้นและร้องขอให้คนที่เข้ามานั้นช่วยเหลือตนในทันใด ทหารลับเร่งเร้นกายหายไปในทันทีที่มองเห็นนางอยู่ใต้ร่างของนายตน ด้วยมิอยากอยู่ทนแรงกริ้วในยามนี้ขององค์ไท่จื่อเลยจริงๆ เสมือนฟ้าดินเป็นใจอันใดก็มิทราบได้ มู่หานซือถูกพบตัวที่คุกทหารในชายแดนของฝั่งศัตรูและมีบิดาช่วยเหลือแหกคุกออกมาได้ มู่หานซือนั้นสลับชุดตนกับศพของนายกองผู้หนึ่งทันเสียก่อนที่จะถูกจับไป เพียงเพราะบาดเจ็บหนักจึงมิได้ขัดขืนอันใดนัก ยามเป็นแม่ทัพใส่แต่หน้ากากผู้ใดก็มิรู้ความ มู่หานซือถึงกับยืนยันว่านั้นตนเองตายแล้ว.. ตายแล้ว..ยืนยันซ้ำๆต่อหน้าทหารของตนอย่างหน้าด้านนัก คราแรกเหล่าทหารกำลังจะร่ำไห้ออกมา แต่ยามพบว่าท่านแม่ทัพมู่หานซือนั้นร่ำไห้ออกมาอย่างมิอายตน ว่าตนเองตายลงไปแล้วนั้น ผู้อื่นก็พลันเร่งหยิกขาของตนเองพลัน และร่ำไห้น้ำตานองออกมาในทันใด “ฮรือ ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ โฮ “ ยามที่มีผู้ใดมาสอบความ ก็ยึดเอาเนื้อความของท่านแม่ทัพมู่หานซือ ที่ปลิ้นปล้อนตลบแตลงพลิกลิ้นอย่างมากนัก จวบจนวันหนึ่งมีชาวบ้านงดงามนางหนึ่งเข้ามาส่งอาหารให้นักโทษ ท่านแม่ทัพมู่นั้นลวงนางว่าขอให้ช่วยส่งข่าวแก่บิดาขาพิการผู้หนึ่งในชายแดนที่ฝั่งตรงข้ามด้วย เพราะบิดานั้นพิการอยู่น่าเวทนานัก สตรีนางนั้นหลงรักแม่ทัพมู่หานซือขึ้นมา จึงหลงกลเข้า ชายพิการผู้นั้นก็คือทหารผ่านศึกผู้เป็นปรปักษ์กับศัตรูที่เป็นทหารของแคว้นของนางอย่างยิ่งยวด ขาของชายพิการนั้นถูกตัดโดยทหารแคว้นเจ้า เช่นนี้มีหรือที่คนจะยินยอมล่ะวางความแค้นลงไปได้ ยามได้พบสตรีแคว้นเจ้าเข้ามาใกล้ๆทหารนายนั้นก็แทบจะฉีกนางลงเป็นชิ้นๆไปเสียแล้ว สตรีแคว้นเจ้าส่งหยกมีกระดิ่งเล็กๆไปให้ชายขาพิการและเร่งจะจากไปในทันที ชายชราดวงตาวาวขึ้นมาในคราหนึ่ง และร่ำไห้ออกมาในทันใด "อาบุตรข้า บุตรของข้ายังมิตาย ฟ้าดินเมตตานักแล้ว บุตรข้า บุตรของข้าอยู่ที่ใดหรือแม่นาง โปรดเมตตาบอกกล่าวแก่ตาแก่คนนี้ด้วยเถิดแม่นาง " สตรีแคว้นเจ้าหันซ้ายขวาและเร่งกระซิบเบาๆออกไปและวิ่งจากไปในทันที "พี่ชายผู้นั้นอยู่ในคุกทหารเจ้าค่ะ ถูกทรมานอยู่ในคุกทหารเจ้าค่ะ" ชายชราเร่งขอบคุณสตรีนางนั้นอย่างว่องไว ก่อนจะทำหน้าเศร้าน้อยๆและนั่งลงจุดธูปไหว้ฟ้าดินน้ำตาริน เที่ยวเดินบอกคนไปทั่วว่าบุตรของตนถูกจับอยู่ในคุกทหาร จนทหารจริงๆมานำตัวไปสอบสวนในทันใด ยามที่ถึงค่าย ชายขาพิการทุบโต๊ะปังและเร่งปลุกระดมคนอย่างรวดเร็วนัก มินานทหารก็ลอบเข้าไปช่วยคนออกมาจนสิ้น มู่เจิ้นเป๋ยโหว ยามได้พบกับบุตรชายที่บาดเจ็บแต่ยังมิตายก็โล่งใจนัก เร่งนำตัวบุตรชายกลับเมืองหลวงไปในทันใด ทางเมืองหลวงก็เสมือนหยั่งรู้ฟ้าดินนัก ส่งแม่ทัพมาแทนได้พอดี ทรงให้แม่ทัพมู่นั้น ลากลับเมืองหลวงไปทั้งบุตรทั้งบิดา มู่หานซือจึงได้หายใจออกมาอย่างโล่งอกนัก นึกสงสารสตรีผู้นั้นที่ช่วยส่งข่าวให้ตนเองอยู่มิน้อยนางคงจะลำบากมากนักในภายหน้า แต่ตนเองเป็นถึงแม่ทัพของแคว้นเว่ย ย่อมมิอาจตบแต่งสตรีจากเมืองศัตรูได้ในยามนี้แน่ เช่นนี้จึงทำได้เพียง มิบอกกล่าวอันใดกับนางอีก กลัวรู้ว่านางเป็นเช่นใดแล้วจะอดนำนางกลับมาดูแลมิได้ มู่หานซือถอนหายใจออกไปอีกคราหนึ่งและทำหน้าตามิรื่นรมย์นัก บิดาของมู่หานซือก็ถอนหายใจพลันและมิพูดอันใดออกมาอีก ยามผ่านไปสามวันมู่หานซือหายดีบ้างแล้ว จึงซื้อม้าและควบกลับจวนอย่างเร็วขึ้นในทันใด ด้วยมิอยากนั่งรถม้าแล้วเพราะมันเชื่องช้าเหลือเกินนัก มิทันใจของมู่หานซือเลยจริงๆ มู่หานซือและบิดามาถึงเมืองหลวงในวันถัดมา ยามมาถึงเมืองหลวงก็พบว่ามีราชโองการมารอคอยที่หน้าจวน ยามถึงหน้าจวนราชโองการก็ถูกอ่านออกมาในทันใด เสมือนอ่านให้มู่หลิงซือที่มิอยู่ในจวนได้ฟังด้วย "ราชโองการ มู่หลิงซืองดงามเปี่ยมด้วยคุณธรรมมีความสามารถ เป็นที่ยกย่องมากในแปดสมุทรสิบหกดินแดน ต้องพระทัยจิ่งเฉินไท่จื่อนัก จึงขอพระราชทานสมรสและแต่งตั้งเป็นไท่จื่อเฟยในจิ่งเฉินไท่จื่อ และจะมีหมายกำหนดพระราชพิธีในอีกสิบห้าวันที่จะถึงนี้ จบราชโองการ " บิดาของมู่หานซือทำดวงตาโตขึ้นมาเท่าไข่ห่าน ถึงกับอ้าปากค้าง ท่านแม่ทัพมู่หานซือดวงตาเบิกขึ้นมาและกระโดดคว้าคอขันทีเฒ่าในทันใด "กงกง ฝ่าบาททรงเล่นตลกอันใดกับเม่ยเม่ยของข้ากันแน่ บอกข้ามาเดี๋ยวนี้นะ!!! " ขันทีแย้มรอยยิ้มบานและตีมือของท่านแม่ทัพมู่ที่ดึงคอเสื้อของตนอย่างแรงไปคราหนึ่ง และเอ่ยออกมาในทันใด "ฝ่าบาทเล่นตลกอันใดกันเช่นนั้นหรือแม่ทัพมู่ องค์ชายน้อยเทียนเซียวทรงมีพระมารดาโดยกำเนิดคือน้องสาวของท่าน ท่านยังจะให้ทรงกระทำเช่นใดได้เช่นนั้นหรือ องค์ไท่จื่อทรงตรัสว่าหากมิให้แต่ง ก็จะลักนางไปเก็บไว้ในตำหนักเสียเลย ท่านมิอาจจะโต้แย้งได้อีกเพราะทรงลักกลืนเม่ยเม่ยของท่านลงท้องไปเสียแล้ว จนทรงมีองค์ชายเทียนเซียวแล้วอย่างไรเล่า!!! " "ห๊ะ ท่านว่าอันใดนะกงกง!!!! " "ข้าจะว่าอันใดได้เล่าท่านแม่ทัพมู่ เม่ยเม่ยของท่านผู้ใดในจวนขององค์ไท่จื่อก็ล้วนยืนยันว่านางคือพระชายาขององค์ไท่จื่อแทบทั้งสิ้น นางมิเคยออกจากจวน หรือที่แท้นางเคยหายออกไปจากจวนของท่านกันแน่ ท่านลองตรองดูให้ดีเถิด หมอหลวงที่เคยรักษานางก็ล้วนยืนยันตรงกันนัก องค์ไท่จื่อก็ยืนยันแน่ชัดแล้ว เพียงแต่ยามนี้จะทรงอภิเษกนางในฐานะมู่หลิงซือ ผู้สะอาดบริสุทธิ์ ให้ทั้งเมืองหลวงรู้ว่านางคือไท่จื่อเฟย และรอคอยจนกว่านางจะจดจำทุกสิ่งได้เอง เพื่อรักษาเกียรติของสกุลมู่และให้นางมิตื่นตกใจนักอย่างไรเล่า แม่ทัพมู่" มู่หานซือ ล้มลงนั่งกับพื้นในทันใด และเอ่ยถามขันทีขึ้นมาอีกเพื่อไขข้อข้องใจของตนเองลงไปเสีย "องค์ไท่จื่อ พบพระชายาที่ใดกันหรือ " ขันทีแย้มรอยยิ้มบานออกมาในทันใด และเอ่ยออกมาในทันที "พระตำหนักฤดูร้อนของพระองค์นั้นใกล้กันกับศึกสามดินแดนมิใช่หรือ ทรงเสด็จไปสอดแนมการศึกของท่านในยามนั้นและทรงพบพระชายาคราแรกในป่านั้น จึงทรงช่วยเหลือนางและนำนางไปที่พระตำหนักซินหรูที่ชายแดนอีกด้านหนึ่งอย่างไรเล่าท่านแม่ทัพมู่" แม่ทัพมู่ยกฝ่ามือลูบลงบนใบหน้าตนและน้ำตาซึมขึ้นมาในทันใด เอ่ยขึ้นมาพลันดวงตาก็แดงก่ำนัก "ยามที่ข้าพบเม่ยเม่ยอีกคราหนึ่ง นางถูกโบยจนแผ่นหลังชุ่มไปด้วยโลหิตเป็นตายเท่ากัน ข้าจะปล่อยให้นางกลับไปได้เช่นใดกัน ท่านกงกง" กงกงแย้มรอยยิ้มขึ้นมาในทันใด นั่งลงไปข้างๆท่านแม่ทัพหน้าตาเฉยและกอดคอขึ้นมาก่อนจะตบฝ่ามือลงไปบนหลังเบาๆเสียคราหนึ่ง "วันนี้วาสนาของนางนั้นแตกต่างไปจากในวันวานแล้วท่านแม่ทัพมู่ ยามนั้นองค์ไท่จื่อทรงออกไปรบและพระชายาในยามนั้นทรงมีฐานะมิชัดเจนจึงได้ถูกพระชายารองทำร้ายเป็นแน่แล้ว นางถึงกับกล้านำคนไปทิ้งและกล้านำศพสตรีอื่นมาหลอกลวงองค์ไท่จื่อ องค์ไท่จื่อตรัสว่าที่อกของพระชายามีไฝแดงอยู่สองจุด และมู่หลิงซือนางมีไฝแดงที่ตำแหน่งเดียวกันทั้งใบหน้าของนางนั้น แม้องค์ไท่จื่อแค่เพียงมิเคยพบกับมู่หลิงซือแต่พระชายาของพระองค์ก็มีใบหน้าเช่นนี้อยู่แล้วและก็คล้ายคลึงกับท่านเสียจริงด้วย" มู่หานซือตกตะลึงขึ้นมาในทันใดและบิดาก็ถอนหายใจออกมาพลัน และเอ่ยอย่างมิพอใจขึ้นมา " บุตรีของฝ่ายซ้ายถึงกับกล้าทำร้ายบุตรสาวของข้าถึงเพียงนั้น หึ หึ หึ ศึกนี้ข้ามิยินยอมเป็นแน่ ยามนี้บุตรสาวของข้าก็มิได้อ่อนแอเช่นเดิมแล้ว นางมิใช่ผู้ถูกรังแกได้โดยง่าย เช่นนี้ให้พระชายารองรับรู้รสการโต้ตอบคืนบ้างเสียคงได้ " มู่หานซือฟังเช่นนั้น จึงแสยะยิ้มออกมาพลัน "หึ หึ หึ ใช่แล้วท่านพ่อ ยามที่นางเป็นปกตินางมิมีทางพ่ายผู้ใดแน่ สามดินแดนนางยังทำให้สยบแทบเท้าของนางมาแล้ว สตรีโง่เง่าเช่นนั้นหรือจะทำสิ่งใดได้มากมายนัก ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD