อาหารเที่ยงจบลงด้วยความอึดอัดเพราะแววตาที่เปลี่ยนไปของเฮียนาย อาจจะฟังดูโง่นะแต่เธอไม่ค่อยเข้าใจอะไรสักอย่างที่เขาเป็นเลย เดี๋ยวก็อารมณ์เสียสักพักก็อารมณ์ดีแล้วก็เปลี่ยนมาหงุดหงิดอย่างกับคนวัยทองงั้นแหละ
เธอเชื่อแล้วว่าเขาเป็นคนดุจริง!
“ชุดนี้เพลงใส่แล้วสวยนะ”
“เป็นแค่เลขาต้องใส่ชุดขนาดนี้เลยเหรอคะ?” ชุดแบรนด์นี้ราคาแพงมากถึงจะสวยมากก็ตามเถอะ
เธอใส่ออกมาให้เฮียนายดูตามที่เขาต้องการก่อนจะหมุนตัวหันกลับไปมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง
รู้ไหมว่าเธอสวยมากทั้งน่ารักจนไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาบรรยายแล้ว ไม่ว่าจะรูปร่างเล็กได้สัดส่วนผิวเนียนละเอียดน่าทะนุถนอม เขาเดินไปยืนซ้อนหลังเพลงอย่างตั้งใจจะใกล้ชิดให้มากกว่าที่เคยแล้วต้องการจะบอกให้รู้ถึงบางอย่างที่สำคัญมาก
“สวยมากเลยนะ” ยิ่งมองยิ่งเหมือนโดนมนต์สะกดให้หลงใหลมากขึ้น
“แต่มันมากไป!” ราคาชุดนี้แทบจะเท่ากับเงินเดือนด้วยซ้ำ
“เพลงไปในฐานะผู้หญิงของเฮียไม่มีอะไรที่มากเกินไปหรอก” แค่ต้องการจะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอคือผู้หญิงของเขาไม่ใช่แค่เลขาทั่วไปย่างที่คิด
“เฮียนายพูดบ้าอะไรเนี่ยเพลงไม่ตลกด้วยนะ!” เธอขยับตัวออกห่างแต่ว่าถูกจับต้นแขนเอาไว้
“เพลงไม่รู้อะไรเลยจริงๆเหรอ?” คนฉลาดอย่างเธอจะโง่ในเรื่องเบสิคทั่วไปแบบนี้นี่นะ เขาจีบอย่างเปิดเผยถึงจะไม่เคยสารภาพออกไปแต่ว่าทุกการกระทำมันชัดเจนมากว่าต้องการอะไรจากเธอ
“เพลงว่าเราเคยคุยกันเรื่องนี้แล้วนะ!”
“โอเค ชุดนี้แหละเหมาะกับเพลงที่สุดแล้ว”
“ค่ะ งั้นเพลงขอตัวกลับคอนโดเลยนะ”
“ไหนว่าจะไปบ้านเฮียไง ไม่ไว้ใจเฮียเหรอ?” ไม่ได้หลอกพาไปทำอะไรไม่ดีเลยสักหน่อยแค่อยากจะใช้เวลาอยู่กับเธอให้นานกว่านี้ เขาอยากให้เธอรู้สึกถึงความรักที่มีแม้ว่าเวลาจะผ่านมาไม่นานแต่รู้ไหมว่าฝันถึงเธอบ่อยมากนั่นแสดงว่ามันคิดถึงมากๆไง
เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรักใครง่ายๆแบบนี้แต่ในเมื่อรักไปแล้วก็จะไม่ยอมปล่อยถ้าไม่ได้สู้อย่างสุดแรงก่อน ที่ไม่บอกรักไม่ใช่ว่าไม่จริงจังแต่กลัวว่าจะถูกทิ้งต่างหาก
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่เพลงจะไม่ไว้ใจเฮียนายเลยนะ” ถ้าไม่นับแววตาดุคู่นี้เขาก็คงจะเป็นคนน่ารักคนหนึ่งเลยละ เธอบอกไม่ถูกเหมือนว่าทำไมถึงกลัวทั้งที่รู้สึกว่าเขาไม่มีทางจะทำอะไรเธอ
“งั้นไปบ้านเฮียแล้วกินข้าวเย็นด้วยกันนะ เฮียอยากจะอยู่กับเพลงนานๆ” อยากจะบอกเหลือเกินว่าคืนนี้คงจะคิดถึงมากแน่หลังจากกินข้าวเย็นด้วยกัน เขาจะทำยังไงดีให้ได้เธอมาครอบครองคนเดียวนะ
“ก็ได้ค่ะ” สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนให้อยู่ดี
ระหว่างทางกลับบ้านเขานั่งแอบมองคนน่ารักแทบจะตลอดทางแล้วแกล้งทำเป็นหิวน้ำจนเธอต้องป้อนหรือบางครั้งที่ถูกจับได้ว่าแอบมองจนต้องหันไปทางอื่นกลบเกลือนยิ้มมุมปากด้วยใบหน้าร้อนผาวเขินเด็กทั้งที่เด็กน่ารักคนนี้ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มกับแววตาของเธอน่ะมันแทบจะฆ่าเขาได้อยู่แล้ว
กลัวใจตัวเองจังวะ เต้นแรงเกิน!
“ถึงแล้วนี่บ้านเฮีย” อยู่ไม่ห่างจากบริษัทเพราะขี้เกียจจะขับรถไปทำงาน
“ทำไมไม่อยู่คอนโดคะ?” เห็นว่ามีคอนโดอยู่ใกล้กว่านะถึงราคาจะแรงแต่น่าจะโอเคอยู่
“ไม่ชอบน่ะ เฮียรู้สึกเหมือนถูกขังในกล่องมากกว่าได้พักนะ” คนที่อยู่บ้านมาตลอดชีวิตอย่างเขาไม่ค่อยชอบอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเท่าไรนัก มันก็จริงที่ว่าจะแต่งให้สวยหรูหรือหาต้นไม้มาตกแต่งเพิ่มแต่มันก็คนละความรู้สึกกับบ้านนะ
“หนูละไม่เบื่อเหรออยู่แต่คอนโด?” ห้องเพลงจัดว่าดีมากแต่ถ้าไม่เป็นการรังเกียจก็อยากจะชวนให้มาอยู่ด้วยกันมากกว่านะ เขาเต็มใจต้อนรับสินสอดเท่าไรว่ามาเลยไม่ขัดแค่ได้เธอมานอนกอดทุกคืนก็พอ
ยิ่งอยู่ใกล้เธอเท่าไรยิ่งคิดไปเองหนักมากขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าเบื่อเฮียนายจะชวนมาอยู่รึไง” พูดเล่นๆนะ
“แล้วมาไหมละถ้าเฮียชวน?” ลองพูดว่ามาสิจะพาไปขนของเดี๋ยวนี้เลย
“พูดเป็นเล่นน่า! เราเข้าบ้านดีกว่าค่ะ” ขืนยังอยู่ในรถนานกว่านี้คงได้ละลายเพราะแววตาของเขาแน่เลย เธอพยามยามนิ่งทั้งที่หน้าร้อนผาวไปหมดรู้สึกได้เลยว่าใจเต้นแรงมาก
“เฮียไม่เคยพูดเล่นนะ”
“เข้าบ้านเถอะค่ะ”
“ครับ”
“เฮียอยู่คนเดียวเหรอคะ?”
“ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะมีเมียมาอยู่ด้วยเหมือนกัน เพลงว่าเฮียต้องโสดอีกนานไหม?”
“แล้วเฮียนายเจอคนที่ใช่ยังคะ?”
“เจอแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาแกล้งโง่หรือโง่จริงถึงไม่รู้ว่าเฮียชอบมากขนาดไหน”
“นี่เฮียนายว่าใคร!?” ทั้งแววตาและรอยยิ้มของเขาเนี่ยแสดงออกชัดเจนเลยว่าหมายถึงเธอ
“เฮียก็บ่นไปเรื่อยครับ น้องเพลงคิดว่าใครละคนโง่คนนั้น?”
“ไม่รู้ค่ะ เพลงไม่ใช่เฮียนายสักหน่อย”
“ก็นั่นแหละเฮียชอบเด็กโง่!” โง่ไม่จริงด้วยนะเพราะเหมือนเธอจะรู้ว่าความจริงเขาหมายถึงใคร บางอย่างมันชัดเจนแม้จะไม่มีคำพูดอะไรออกมาเลยก็ตาม คิดดูสิว่าจะมีใครสักกี่คนห่ะตามไปดูแลตอนเธอไม่สบายนอนเฝ้าจนออกจากโรงพยาบาล ทั้งหึงทั้งหวงออกนอกหน้าเก็บอาการไม่อยู่แบบนี้แต่เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วมองข้ามความรู้สึกเขาไป
คนน่ารักมักใจร้ายโดยเฉพาะเธอ!
บ้านเฮียนายสวยมากร่มรื่นซะจนไม่น่าเชื่อว่าอยู่ใจกลางเมือง เพียงแค่เดินเข้ามาก็เหมือนว่าได้ตัดออกจากโลกแสนวุ่นวายแล้วนะ มีต้นไม้ค่อนข้างเยอะให้ร่มเงากันแสงแดดและมีสระน้ำเต็มไปด้วยปลาหลากสีท่าทางเจ้าของจะดูแลดีมากด้วย ถ้าได้อยู่แบบนี้นะเธอคิดว่าคงจะไม่ออกไปไหนเลย
“ชอบไหม?” อนาคตบ้านหลังนี้อาจจะเป็นเรือนหอของเรา
“ชอบมากเลย” อยากจะรู้จังว่าใครเป็นคนออกแบบให้เผื่อสักวันจะติดต่อให้มาออกแบบบ้านของเธอบ้าง
“อยู่ด้วยกันไหม?”
“อยู่ เอ้ย!! ไม่ใช่! เฮียนายอย่าแกล้งเพลง”
“เฮียพูดจริงไม่ได้แกล้งนะ”
“พอเลย ไหนที่จะให้ช่วยจัดของไงคะ?”
“ทางนี้ครับ เฮียพึ่งแต่งห้องทำงานใหม่” ว่าแล้วก็จับมือเด็กแล้วเดินนำไปห้องทำงานที่ค่อนข้างรกเต็มไปด้วยข้าวของที่ยังไม่จัดให้เรียบร้อยสักชิ้นเดียว
เฮียนายเดินนำขึ้นบันไดไปโดยที่ไม่ปล่อยมือเธอเลยจนกระทั่งมาถึงห้องทำงานก็ยังไม่ปล่อยอีก เขาหันมายิ้มเหมือนเด็กอวดของแล้วจับมือพาเธอไปยืนริมระเบียงห้องรับลมเย็นสบายในตอนเย็น เธอหันไปจะถามแต่ต้องสะดุดกับแววตาของคนที่มองก่อนหน้านี้แล้ว
ใบหน้าดุอมยิ้มดูมีเสน่ห์เฉพาะตัวยิ่งเขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เท่าไรยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนท้องไส้ปั่นป่วนหน้าร้อนผาวขยับตัวไม่ได้คล้ายว่ากำลังถูกสะกดให้หยุดนิ่ง
“มันอาจจะเร็วเกินไปที่จะพูดแต่เฮียทนไม่ไหวแล้ว”
“อะไรคะ?”
“เฮียรักเพลงนะ รักตั้งแต่คืนแรกที่เจอ” ใบหน้าสวยนิ่งปากเผยอออกเล็กน้อยตากลมโตมองค้างคงจะตกใจไม่คิดว่าเขาจะสารภาพรักออกไป
เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวที่ลมหายใจปะทะกันริมฝีปากสัมผัสแผ่วเบาก่อนจะผละออกมาสบตากลมโตอีกครั้งแล้วจูบอีกครั้ง ริมฝีปากบดเบียดดูดเม้มเบาๆก่อนสอดปลายลิ้นคละเคล้าภายในปากแสนอุ่นของเธอ มือใหญ่เลื่อนมาประคองใบหน้าเสยรับจูบได้ดีมากขึ้นเพียงแค่จูบแรกก็รู้สึกว่าไม่สามารถจะหยุดได้
“เฮียนาย…” ทุกอย่างมันมึนเบลอคล้ายว่ากำลังถูกมอมเมาจนไม่อาจจะต้านทานได้
“เฮียขอโทษแต่เฮียจริงจังนะ เฮียรักเพลงเข้าใจไหม?” แววตากลมโตเต็มไปด้วยความสับสนของเธอมันน่ารักมากเลยนะ
“แต่ว่า…” เธอยังไม่ทันได้พูดเขาก็จูบปากอีกครั้งแผ่วเบารวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน
“ไม่ต้องพูดเฮียรู้” ไม่ได้รักกันน่ะเข้าใจแต่ไม่ต้องการจะฟังอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากจะรักเธอแบบนี้แล้วแสดงออกให้เห็นแค่นั้นเอง
“เพลงว่า….เรา…เรา…จัดห้องกันดีกว่าค่ะ” ใจมันเต้นแรงมากจนกลัวว่าเขาจะได้ยินเข้า เธอพยายามหลบตาเฮียนายแต่เขายังอุส่าห์ประคองหน้าให้เงยหน้ามองอีก แววตาดุคู่นี้แสนลึกซึ้งมองไม่นานยังรู้สึกร้อนๆหนาวๆใจสั่นมากกว่าเดิมเป็นพันเท่าได้เลย
“เขินเหรอ?” หน้าแดงเชียวนะ
“อยู่ดีๆก็โดนจูบมีคนมาบอกรักใครไม่เขินก็บ้าแล้ว!” ไม่ใช่แค่จูบแต่ยังเป็นการบอกรักแบบไม่คาดคิดด้วย
“จูบกันแล้วคบกับเฮียได้ไหมครับ?” ตอนนี้ยังไม่รักแต่คงมีหวั่นไหวบ้างแหละ เขาไม่จะเสียเวลารออะไรอีกแล้วในเมื่อรักก็จะบอกแล้วแสดงออกไปให้เต็ม
“เพลงไม่พร้อมค่ะ”