Chapter 2 สัมผัสม้า
คนที่ซวยหาใช่ใครที่ไหน
‘หวงย่าหลิง’ บุตรสาวคนกลางของเจ้าของโรงเลี้ยงไก่ในตลาดนั่นเอง
นางเป็นหญิงรูปร่างเล็กเจ้าเนื้อจนถึงขั้นเรียกได้ว่าอวบ ใบหน้าของนางจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโต มีแก้มแดงเป็นพวงราวกับผลท้อในฤดูหนาว
ย่าหลิงไม่ใช่คนขี้ริ้ว...
และนางไม่ใช่คนสวย...
อีกทั้งนางยังไม่ใช่บุตรสาวคนโปรดของบิดามารดา เมื่อเถ้าแก่จางเสนอตำลึงทองหีบใหญ่ บิดาก็รีบยกนางให้เขาทันทีโดยไม่ถามความสมัครใจของบุตรสาวแม้เพียงครึ่งคำ
‘ย่าเอ๋อร์ถือว่าช่วยพ่อสักครั้งเถอะ เจ้าก็รู้นี่ว่าฤดูกาลที่แล้วมีโรคระบาดในไก่จนเราต้องฆ่าไก่ทิ้งไปนับพันตัว ขาดทุนไปตั้งมากมาย เงินเหล่านี้จะช่วยพยุงโรงเลี้ยงไก่ของตระกูลให้รอดไปได้ แม่ของเจ้า พี่น้องของเจ้าจะได้กินอิ่มอยู่สบาย’
แล้วข้าละ...
ชีวิตของข้าจะมีความสุขหรือไม่...
เป็นเพียงคำถามที่ดังก้องอยู่ภายในใจโดยไม่กล้าปริปากเอื้อนเอ่ย จำต้องกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อความกตัญญูต่อบิดามารดา หรือต่อให้นางไม่ยอม บิดาก็คงหาเรื่องทะเลาะด่าทอและบีบคั้นนางต่างๆ นานาอยู่ดี
นางแต่งงานเข้าตระกูลจางมาหนึ่งฤดูกาลแล้ว ต้องทนเห็นสามีหยอกล้อชายหนุ่มรูปร่างอ้อนแอ้นงดงามอยู่ทุกเช้าค่ำ จนทำให้นางพอจะมองออกว่าสามีมีความชอบเช่นไร เพราะชายหนุ่มทุกคนล้วนหน้าละอ่อน มีเรียวแขนเรียวขาดั่งสตรี ท่าทางอ้อนแอ้นชดช้อย
ที่สำคัญทุกคนงดงามกว่านางซึ่งเป็นหญิง ราวกับว่าชายหนุ่มเหล่านั้นคือหงส์ขาว ส่วนนางนั้นเป็นลูกเป็ดที่ไม่ขี้ริ้วแต่ก็ไม่สวยสง่า เป็นแค่เป็ดบ้านๆ ที่พอดูได้เท่านั้น
‘ถ้าเบื่อก็ไปเรียนรู้เรื่องการเลี้ยงม้าที่โรงเลี้ยงม้ากับเซียนหยวนเถอะ เจ้าจะได้มาช่วยงานข้าไม่ใช่หายใจทิ้งไปวันๆ เช่นนี้ เกะกะลูกตาสิ้นดี!’
นั่นคือคำพูดของสามีที่เหลือบมาเห็นนางเข้าแล้วเกิดเป็นความหงุดหงิดราวกับเห็นขยะที่ขวางหูขวางตา
ดังนั้นนางจึงเดินทางมาที่โรงเลี้ยงม้าที่ตั้งอยู่ด้านหลังเรือนเพื่อทำตัวให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด และนั่นทำให้นางได้พบกับชายเลี้ยงม้าที่ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงราวกับจะแล่นออกมาจากอกเสียให้ได้
นางขยับเสื้อผ้าอย่างไม่มั่นใจ ชุดกางเกงสำหรับขี่ม้าทำให้ขาของนางดูอ้วนตันหรือเปล่านะ ได้แต่ถอนหายใจแล้วปัดความกังวลทิ้งไป ก่อนจะเอื้อนเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงใสกังวาน
“ขะ...ข้ามาแล้ว”
“เถ้าแก่เนี้ยเชิญทางนี้เลยขอรับ”
เซียนหยวนยิ้มกว้างเชื้อเชิญ และนั่นทำให้หัวใจของย่าหลิงถึงกับร่วงหล่นลงไปกองอยู่แทบเท้าของเขา
หัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดั่งว่ามันได้ล่องลอยไปอยู่กับเซียนหยวนผู้นั้นอย่างไร้ยางอาย หวงย่าหลิงหลุบเปลือกตาลงต่ำด้วยความกระดากในความคิดของตน พยายามสลัดความวาบหวามเหล่านั้นทิ้งไป
‘ข้ามีสามีแล้ว’
เป็นคำที่นางพยายามท่องให้ขึ้นใจ แม้ว่านางจะเป็นเพียงแค่ภรรยาในนาม แต่นางก็ไม่ต้องการจะเป็นดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพงให้ใครต้องติฉินนินทาเสื่อมเสียไปถึงตระกูลหวง
“เถ้าแก่เนี้ยเคยขี่ม้ามาก่อนหรือไม่ขอรับ”
“มะ...ไม่เคย”
เมื่อเขาหยุดเดินแล้วหันมาถามไถ่ คนตัวเล็กใจลอยก็เกือบจะชนเข้ากับร่างสูง และนั่นทำให้เขาโน้มตัวเข้ามาคล้ายจะประคองอยู่ในที ทำให้ทั้งสองต้องชิดใกล้กันอีกครั้ง
ตึก! ตึก! ตึก!
กลัวเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของหญิงแพศยาที่กำลังเต้นแรงโครมครามแทบจับจังหวะไม่ได้
“เคยคลุกคลีหรือสัมผัสม้ามาก่อนหรือไม่ขอรับ”
“ไม่เคยเลย นะ...นี่เป็นครั้งแรกที่ได้อยู่ใกล้ม้าขนาดนี้”
นางตอบพลางเหลือบมองไปยังม้าสีขาวหางเป็นพวงสีดำด้านหลัง
อยากจะบอกเขาเหลือเกินว่านอกจากไม่เคยสัมผัสม้าแล้ว นางยังไม่เคยสัมผัสชายใดมาก่อน แม้แต่สามีนางก็ไม่เคยสัมผัสหรือชิดใกล้ เขาเป็นคนแรกที่ได้แนบชิดอีกทั้งยังทำให้หัวใจของนางสับสนว้าวุ่น
“ถ้าเช่นนั้นมาเริ่มจากการลองจับม้าก่อนนะขอรับ”
“อื้อ...”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ จังหวะที่กำลังจะยื่นมือไปจับที่แผงคอม้า ม้ากลับขยับตัวคล้ายไม่พอใจแล้วส่งเสียงร้องขึ้นมาเสียดื้อๆ
ฮี่!
ย่าหลิงซึ่งไม่สันทัดกับสัตว์ตัวใหญ่ถึงกับถอยกรูดด้วยความตกใจ ทว่าจังหวะที่นางถอยคนตัวโตกลับเดินซ้อนเข้ามาจากทางด้านหลังแล้วดันร่างนางให้เดินกลับไปหาม้า พลางก้มลงกระซิบที่ข้างหูว่า
“จ้องไปที่ดวงตาของมัน อย่ากลัว แสดงให้มันเห็นว่าเรามีกำลังมากกว่ามัน...”
เสียงทุ้มที่กระซิบลงมาทำให้สติของคนตัวเล็กถึงกับเตลิด กระนั้นนางก็พยายามรวบรวมสติอันน้อยนิดกลับคืนมา จ้องมองไปยังดวงตาของม้าตัวนั้นก่อนจะยื่นมือออกไป แต่ก็กล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าสัมผัสม้าเสียที
“อ๊ะ...”
หญิงสาวร้องด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ เซียนหยวนก็ยื่นมือมาจับมือของนางวางลงบนแผงคอม้า ก่อนที่เขาจะพูดต่อไปว่า
“รูปคอม้าแบ่งออกเป็นสองแบบ คือม้าคอหงส์ และม้าคอตรง เจ้าม้าตัวนี้เป็นม้าคอตรง มีความแข็งแรง มีพละกำลังมาก วิ่งไว ส่วนตัวโน้น...”
เขาโน้มตัวต่ำลงอีกก่อนจะชี้ไปยังม้าสีดำอีกตัวซึ่งอยู่ในคอก ซึ่งนั่นทำให้ลมร้อนจากปลายจมูกของคนตัวสูงเป่ารดลงที่ไหล่และต้นคอ จนย่าหลิงถึงกับรู้สึกกระสับกระส่าย
“ตัวโน้นเป็นม้าคอหงส์ เป็นม้าที่ฝีเท้าเร็ว ขี่สบาย เถ้าแก่เนี้ยอยากลองขี่ตัวไหนดีขอรับ”
พูดจบเขาก็ยืดตัวตั้งตรงแล้วถอยห่างออกมา ทว่ากรุ่นกายและไออุ่นจากเขายังคงอวลอบอยู่ด้านหลัง มือของนางยังรู้สึกได้ถึงมือหนาสากกระด้างอย่างคนทำงานหนัก และนั่นทำให้นางหวิวโหวงบิดมวนไปถึงท้องน้อย
“ตะ...ตัวนี้ก็แล้วกัน”
หญิงสาวชี้ที่ม้าสีขาวตัวที่นางเพิ่งสัมผัสไป ก่อนจะชักมือกลับมากุมเอาไว้ ราวกับกลัวว่าเขาจะรู้ว่านางกำลังมือสั่นจนแทบทำอะไรไม่ถูก