เมื่อวางสายแล้วจึงส่งมือถือคืนให้เจ้าของ กนิษฐาอมยิ้มรอฟังว่าน้องจะพูดอะไร
"คุณปู่บอกถ้าพี่หมอว่างก็ไปทานข้าวที่บ้านค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ ไว้พี่จะเข้าไปหลังกลับจากเมืองหมอกเมฆาแล้วกัน จะได้เอาสมุนไพรไปฝากท่านด้วย ว่าแต่ญาติฝั่งคุณตาคุณยายละคะท่านยังอยู่มั้ย"
"คุณตาเพิ่งเสียไปเมื่อสี่ปีที่แล้วค่ะ เหลือคุณยาย ท่านอายุจะแปดสิบแล้วคือฝั่งคุณแม่พายมีพี่น้องสี่คน แม่เป็นลูกสาวคนเล็ก มีพี่สาวกับพี่ชายอีกสองคน คุณป้าชื่อเพลินพิศเป็นคนคอยดูแลคุณยายส่วนครอบครัวลุงสองคนท่านก็ไปเยี่ยมเรื่อยเหมือนพวกเรานี่ละค่ะ บ้านคุณยายอยู่แม่กลอง จะว่าไปพายก็ไม่ได้ไปหาท่านเกือบสองเดือนแล้วมีแต่โทรคุยถามไถ่ อืม พี่หมออยากไปเที่ยวแม่กลองมั้ยล่ะ"
คุณหมอเผยยิ้มกว้างทันที
"นี่ชวนพี่เดทใช่มั้ยคะ"
จึก
"บ้า พายแค่ชวนไปเที่ยวไปเยี่ยมคุณยาย"
พี่หมอนี่โมเมไปเรื่อย แล้วที่ชวนเธอดินเนอร์วันวาเลนไทน์นั่นเรียกว่าอะไร กนิษฐาหัวเราะ ชอบจังเลยที่ได้เห็นใบหน้าแดง ๆ สีหน้าขัดเขินแกมปั้นปึ่งใส่กันแบบนี้
"ไปสิคะ พายจะพาไปเมื่อไหร่แจ้งพี่ก่อนแล้วกัน ส่วนมากถ้าไม่มีการแลกเวรกับหมอท่านอื่นพี่ก็จะหยุดวันอาทิตย์ค่ะ"
"ไว้พายดูตารางงานอีกทีนะคะ ช่วงนี้ยังต้องถ่ายอีกหลายคิว"
"ค่ะ ว่างเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ แต่ตอนนี้ได้เวลาทำงานแล้วค่ะ"
อีกไม่กี่นาทีจะเก้าโมงแล้วสองสาวถึงได้พากันแยกย้าย
พิชญากรกลับเข้ามาในห้องประชุมอีกที แน่นอนว่าจะต้องโดนล้อเลียนทางสายตาจากพวกพี่ ๆ ทีมงานที่สนิท และพี่สาวคนนี้ด้วย
"อร่อยมั้ยคะมื้อเช้าวันนี้"
นริสนันท์เอ่ยขึ้นมาพลางมองน้องยิ้ม ๆ
"แซนวิชฝีมือพายทำเองก็ต้องอร่อยอยู่แล้วค่ะพี่แนน ใช่มั้ยคะพี่ ๆ"
"จ้า อร่อยจนแย่งกันกินเลยค่ะน้องพาย ทำมาอีกนะคะ"
พี่ช่างแต่งหน้าทำผม และส่วนที่คอยดูแลเสื้อผ้าหันมาตอบเป็นเสียงเดียวกันให้นางร้ายคนสวยยิ้มเผล่
"พี่แนน ไปคุยอะไรกับพายหน่อยสิ"
คำกระซิบเบาข้างหูให้คนพี่ขมวดคิ้วสงสัย แต่ก็ยอมลุกเดินตามออกไปยังอีกห้องที่ใช้สำหรับไว้เปลี่ยนเสื้อผ้า
"มีอะไรคะ ดูลับลมคมในนะเรา"
"สัญญามาก่อนค่ะว่าจะไม่ล้อกัน"
นริสนันท์ฟังแล้วก็ต้องขำ อะไรกันมีมาบังคับให้สัญญาด้วย
"โอเค ๆ ค่ะ เราทำให้พี่อยากรู้นะเนี่ย"
พิชญากรแอบผ่อนลมหายใจเล็ก ๆมองหน้าพี่ที่นับถือและสนิทมากคนหนึ่ง
"คือ พี่หมอเกมส์เขาจีบพายค่ะ แล้วก็ วันวาเลนไทน์นี่พี่เขาชวนดินเนอร์"
นริสนันท์ฟังแล้วก็แทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว แต่ก็ต้องข่มเอาไว้เมื่อถูกสายตาปรามเชิงขู่ไปในตัวของน้อง
"ที่พายบอกพี่เพราะพายไม่เคยคบใครมาก่อน เผื่ออนาคตมีเหตุอะไรหรือเป็นข่าวขึ้นมาก็อยากให้พี่คนนึงที่รู้เรื่องนี้ และพายคงต้องเกริ่น ๆ กับพี่หวานเอาไว้ด้วยค่ะ เกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมาจะว่าพายไม่บอก"
"ที่บอกพี่แบบนี้คือพายพร้อมจะเผชิญกับสิ่งที่ตามมาใช่มั้ย แสดงว่าเราก็ชอบพี่เขาด้วยสิเนี่ย หืม"
คำแซวพร้อมรอยยิ้มก็ทำให้น้องหน้าร้อนผ่าวอีกแล้ว
"ก็ ไม่ได้รังเกียจค่ะ จริง ๆ พายยังไม่มั่นใจความรู้สึกตัวเองหรอก แต่พี่หมอดันไปบอกคุณปู่พายน่ะสิ ว่าจีบพายอยู่แถมพี่เขายังพูดซะจริงจังเลยว่าถ้าเกิดมีข่าวขึ้นมาก็พร้อมจะปกป้อง"
"โห เท่ห์ได้ใจเลยนะเนี่ยคุณหมอ"
พิชญากรก็อดปลื้มกับความแมนของพี่เขาไม่ได้เหมือนกัน
"แล้วอีกเรื่องค่ะ บทจูบของเราน่ะ"
น้องยังพูดไม่จบนริสนันท์ก็ขัดขึ้นมา
"อือหึ ตกลงเราจะจูบจริง"
ห๊ะ! น้ำเสียงกับหน้าตาตกใจทำเอานริสนันท์หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
"พี่แนนน่ะ แกล้งอยู่ได้"
เสียงบ่นค้อนให้คนเป็นพี่ที่ยังขำไม่หยุด
"ตกลงที่พูดนี่คือจะจูบหลอกใช้มุมกล้องว่างั้นเถอะ โอเค พี่เข้าใจค่ะ ไม่ต้องบอกเหตุผล ก็จูบแรกนี่เน๊อะหวงไว้ก็ไม่แปลก"
นางเอกรุ่นพี่พูดออกไปด้วยสายตาล้อเลียนไปด้วย ในอาชีพการแสดงของพวกเธอไม่จำเป็นจะต้องเปลืองตัวด้วยฉากแบบนั้นหรอก บทบาทในการแสดงสื่อถึงความคิดความรู้สึกของตัวละครที่เราต้องเป็นมากกว่านั่นคือสิ่งสำคัญ ฉากเลิฟซีนที่มีขึ้นอยู่กับนักแสดงว่ามีลิมิตแค่ไหน และเรื่องนี้ต้องคุยตกลงก่อนจะรับเล่นกันมาก่อนแล้ว นั่นจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเธอ
หลังได้พูดคุยกันกับรุ่นพี่แล้วพิชญากรก็สบายใจขึ้น สบายใจเพื่อใครก็ไม่รู้หรอกเพราะนึกถึงคำพูดทีไรหน้าเธอร้อนทุกที เหลือเพียงต้องหาจังหวะคุยกับวัลภาผู้จัดอีกครั้งเพื่อให้รับรู้ตรงกัน
ช่วงกลางวันกลุ่มคุณหมอที่พากันออกมาทานอาหารที่ร้านข้างนอก กนิษฐาก็โดนน้อง ๆ แซวไม่เลิกเหมือนกัน หลังจากที่เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เพราะจะต้องขอใช้สถานที่ส่วนตัวของโรงพยาบาลในค่ำคืนวันพิเศษนี้
"แหม อยากจะเป็นจิ้งจกไปเกาะข้างกระจกชั้นดาดฟ้าจังเลยค่ะ"
ชญานินพูดขึ้นมาทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่รุ่นพี่ ก่อนจะกลายเป็นโดนคนพี่ย้อนศรคืนบ้าง
"มีนัดกับคุณศิไม่ใช่เหรอนิน คงไม่ว่างกลายร่างเป็นจิ้งจกมาส่องพี่หรอก"
คิก ๆ เสียงหัวเราะขำของคุณหมออีกสามคนดังขึ้นมา ช่วงนี้นอกจากเรื่องของกนิษฐาก็มีชญานินนี่แหละที่ให้มีเรื่องได้พูดแซวกันอยู่ทุกวัน
"เรื่องอาหารพี่หมอจะสั่งเองใช่มั้ยคะ วิจะได้เอานามบัตรของโรงแรมให้"
"ค่ะ เดี๋ยวพี่โทรสั่งเอง"
"แก้มดีใจนะคะที่พี่สาวคนเดิมของแก้มกลับมาสักที ขอให้วาเลนไทน์นี้เป็นวันเริ่มต้นที่ดีในเรื่องความรักตลอดไปนะคะ"
กวิสราพูดออกมาทั้งรอยยิ้มดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หวังว่ารักครั้งใหม่ของพี่หมอจะเป็นรักที่ดีอย่างที่เธอได้เจอบ้าง
"พี่ก็หวังว่าจะเอาชนะใจคุณพ่อเขาได้นะ"
"นึกว่าจะเอาชนะใจคุณพายซะอีก แล้วไงไปถึงด่านคุณพ่อเลยคะพี่หมอ"
หมอน้ำฟ้าเอ่ยเย้าขึ้นบ้าง
หึ ๆ "ลูกสาวพี่ว่าพี่ไหวนะ แต่หนักใจด่านคุณพ่อเขานี่แหล่ะ"
"คุณพ่อคุณพายก็อาจจะเหมือนคุณพ่อของแก้มก็ได้ หวงเพราะห่วง แต่ก็ใช่ว่าจะขัดขวางจริงจัง แก้มเชื่อว่าพี่เกมส์เอาชนะใจท่านได้ค่ะ"
"ใช่ ๆ พวกเราเอาใจช่วยนะคะ ให้ได้แต่งปลายปีนี้เลยนะคะพี่หมอ"
"เดี๋ยว ๆ ให้เขารับรักเป็นแฟนพี่ก่อนมั้ยคะ ตอนนี้ยังอยู่สถานะเริ่มคุยอยู่เลย"
"พี่เกมส์ต้องเอาอย่างคุณปัณเลยค่ะ ไม่ต้องจีบนานขอแต่งงานเลย"
วิรัญญาพูดขึ้นมาทั้งยังเอาเคสตัวอย่างของเพื่อนรักมาแฉอีก กวิสราส่ายหน้าขำ ๆ แฟนเธอนั่นก็ห่ามเกินจีบกันตั้งแต่เห็นหน้าวันแรกเล่นเอาเธอเสียอาการไปเหมือนกัน
"นั่นสินะ แบบนี้สงสัยพี่ต้องไปขอคำแนะนำจากปัณแล้วมั้งท่าจะเวิร์ค"
และนั่นก็เป็นที่มาของเสียงหัวเราะหยอกล้อกันไปตลอดมื้ออาหาร
เช้าวันแห่งความรักที่อาจจะมีความหมายสำหรับคนมีคู่ เพราะหัวใจคงจะพองฟูกับคำบอกรักหวาน ๆ ตั้งแต่ลืมตาตื่น และหนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นนางร้ายคนสวยที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอข้อความที่แปลกกว่าทุกปีที่ผ่านมา
Kanittha: สวัสดีเช้าวันแห่งความรักค่ะ อาจจะไม่ใช่คำอวยพร แต่พี่ขอให้วันนี้เป็นวันเริ่มต้นความสัมพันธ์ดี ๆ ของเราสองคนนะคะ พี่อาจจะไม่ใช่คนที่ดีที่สุดแต่พี่จะดูแลคนที่พี่รักให้ดีที่สุดค่ะ
Happy Valentine Day
พร้อมกับภาพถ่ายดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่ที่ส่งแนบมาด้วย และข้อความ
"เช้านี้เอารูปไปก่อนนะคะ ของจริงไว้คืนนี้ค่ะ"
คนอ่านไม่รู้ว่าเผลอกลั้นยิ้มเอาไว้ยากเย็นแค่ไหน รู้แค่ว่าใบหน้าตนเองนั้นร้อนราวกับมีไฟลน ความรู้สึกเหมือนกำลังลอยได้ทั้งที่ตัวยังติดเตียงนอนนี่หมายความว่ายังไง หัวใจที่มันฟูฟ่องราวกับใครเอาอะไรมายัดใส่จนอึดอัด งื้อพี่หมอน่ะ ทำเธอเขินแต่เช้าเลย หมอนใบนุ่มถูกหยิบขึ้นมาปิดหน้าร้อน ๆของตัวเองด้วยความอาย จะตอบอะไรพี่เขากลับดีเนี่ย คิดวกวนกับตัวเองอยู่หลายนาทีกว่าจะหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์กลับไป
Pie_Phitchaya: สวัสดีวันแห่งความรักค่ะ พายก็ไม่ได้ต้องการคนที่ดีที่สุดเพราะพายก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แค่คนที่รักและเข้าใจพร้อมที่จับมือกันไปในทุก ๆ วันก็พอแล้วค่ะ
ปล.ดอกไม้ให้ไปนานแล้วนะคะ วันนี้งด
เธอรีบวางมือถือลงทันทีหลังกดส่งฝ่ายนั้นจะตอบยังไงไม่กล้าอ่านหรอก เขิน ขอไปอาบน้ำก่อนร้อนหน้าจะไหม้แล้ว
Kanittha: รับทราบค่ะ รีบมานะคะพี่คิดถึง
เรียวปากสวยวาดยิ้มจนปวดแก้ม ก่อนที่จะออกจากที่พักเดินทางไปที่ทำงาน
เป็นวาเลนไทน์แรกในรอบยี่สิบแปดปีที่พิชญากรทำตัวไม่ถูกตั้งแต่ออกมาจากห้องนอน แล้วเจอสายตาล้อเลียนพร้อมคำแซวจากเพื่อนรักอย่างเจติยา พอมาถึงโรงพยาบาลก็แทบอยากหาอะไรมาคลุมหัวถึงทุกคนจะใช้คำแซวที่ดูอายน้อยสุด แต่สายตาล้อเลียนกันทั้งวันก็ทำให้เธอแทบจะไม่มีสมาธิทำงาน แต่ก็ผ่านทุกฉากของวันนี้ไปได้
"เลิกกองจ้า ขอให้มีความสุขในวันแห่งความรักนะคะทุกคน พรุ่งนี้เราจะมาเก็บสามซีนที่เหลือ วันนี้ให้กลับบ้านไปฉลองกับคนรักแต่หัววันค่ะ"
วัลภาบอกกับทีมงานให้ได้ปรบมือเฮกันเพราะวันนี้ได้เลิกกองเร็วกว่าทุกวัน ทุกคนรีบเก็บของและสัมภาระส่วนตัวเตรียมแยกย้าย เพราะแต่ละคนก็ต่างมีนัดกันทั้งนั้น
"ทานมื้อค่ำให้อร่อยนะคะน้องพาย พรุ่งนี้เจอกันค่ะ"
ก่อนกลับผู้จัดอารมณ์ดีก็ยังไม่วายเดินมาแซวด้วยรอยยิ้ม
"อยากจะรู้จังเลยว่าคุณหมอจะพาน้องสาวพี่ไปดินเนอร์ที่ไหนน๊า"
"ไม่ต้องมาแซวเลยค่ะพี่แนน แล้ววันนี้พี่มีนัดกับใครมั้ยนี่"
"นัดกับคนที่รักมาก ๆ ค่ะ"
หือ คิ้วสวยขมวดเข้าหากันกับคำตอบ ก่อนที่นริสนันท์จะหลุดหัวเราะออกมา
"นัดกับครอบครัวค่ะ นี่คิดไปถึงไหนแล้วพาย พี่กลับแล้วนะเดี๋ยวรถติดต้องไปโรงแรมในเมืองด้วย มีความสุขมาก ๆนะจ๊ะน้องสาว ดีใจมีคนมาดูแลหัวใจน้องพี่สักที คิก ๆ"
"พี่ก็ควรจะมีคนดูแลเหมือนกันแหละค่ะ"
"รออยู่ค่ะ"
คำพูดนั้นก็ทำให้น้องทั้งขำแกมหมั่นไส้ หมั่นไส้ไปถึงพี่ชายตัวเองด้วยที่ไม่ได้ดั่งใจช้าเป็นเต่า
คราวนี้ก็เหลือแต่เธอสิเนี่ย ข้อความที่พี่หมอส่งมาบอกว่าติดเคสผ่าตัดตั้งแต่บ่ายสามโมง ให้เธอเข้าไปนั่งรอในห้องทำงานก่อน เมื่อจัดการเปลี่ยนชุดแล้วเรียบร้อยก็ตรวจดูปลั้กไฟทุกอย่างในห้องก่อนจะปิดไฟแล้วออกจากห้องประชุมมา ทั้งชั้นดูจะเงียบเป็นพิเศษเธอเดินผ่านห้องทำงานของคุณหมอที่ยังเปิดไฟเอาไว้ ลองเอามือหมุนลูกบิดดูก็พบว่าพี่เขาไม่ได้ล็อค มองไปห้องตรงข้ามที่มีชื่อ นพ.นนทวัชร์ กิตติวรโชติกลับปิดไฟสนิท พิชญากรเดินผ่านตั้งใจไปล้างหน้าตาตัวเองที่ห้องน้ำใช้เวลาอยู่ในนั้นเกือบยี่สิบนาทีก็ออกมา
ห้องทำงานที่ยังเปิดแอร์เย็นฉ่ำเอาไว้ นี่พี่หมอไม่คิดจะช่วยเจ้าของโรงพยาบาลประหยัดไฟเลยหรือไง เมื่อพาตัวเองไปนั่งลงที่โซฟาสายตามองกวาดสำรวจห้องอีกครั้ง ทุกอย่างบนโต๊ะทำงานเป็นระเบียบเรียบร้อย มือถือถูกหยิบออกมาดูอะไรเป็นการฆ่าเวลารอคนที่ทำงานอยู่ ห้องกลุ่มแชทของพวกเธอสี่คนตอนนี้เต็มไปด้วยข้อความสติกเกอร์ ยังดีที่เธอบอกเจติยาเอาไว้ว่าอย่าเพิ่งให้จิณตภัทรกับกิรากรรู้เรื่องเธอ รอให้ผ่านวันนี้ไปก่อน ไม่อยากอายไปมากกว่านี้แล้ว นั่งดูอะไรไปเรื่อยจนเสียงเคาะประตูเบา ๆ พร้อมกับคนเป็นพี่ที่โผล่หน้าเข้ามายิ้มให้
"เลิกกองนานแล้วเหรอคะ หิวหรือเปล่า"
พิชญากรส่ายหน้า
"ยังไม่หิวหรอกค่ะ งานพี่หมอเรียบร้อยดีมั้ยคะ"
กนิษฐายิ้มอ่อนพยักหน้าให้
"ค่ะ พี่ขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้มั้ยคะ มีแต่กลิ่นยาเต็มตัวเลย"
"พี่หมอไปจัดการตัวเองเถอะพายไม่รีบค่ะ"
พิชญากรบอกออกไปทั้งยิ้มขำ ดูพี่เขาจะกังวลเกินไป
คุณหมอมองน้องก่อนจะอมยิ้มเล็ก ๆ พิชญากรอยู่ในชุดเดรสกระโปรงสีครีมยาวคลุมเข่า ผมยาวสลวยถูกมัดเอาไว้ครึ่งศีรษะเผยใบหน้าสวยหวานให้ยิ่งน่ามอง
"ยังจะมายืนยิ้มอีก รีบไปสิคะ ออกช้าเดี๋ยวรถก็ติดหรอก"
คำเอ่ยดุเล็ก ๆ แต่สีหน้าขัดเขินนั่นก็ทำให้คนเป็นพี่อดหัวเราะไม่ได้
"ก็พายสวย พี่ก็ต้องมองสิคะ"
งื้อ พี่หมอน่ะ ใบหน้าสวยแดงเรื่อมือไม้ก็เงอะงะดูเกะกะไปหมดแล้วตอนนี้
กนิษฐาเดินผ่านน้องไปด้านในทั้งยังหัวเราะเบา ๆ กระจกกั้นถูกเลื่อนออกพิชญากรถึงรู้ว่าด้านในนั้นน่าจะเป็นห้องนอน ไม่นานคนเป็นพี่ก็กลับออกมาพร้อมเสื้อผ้าที่แขวนในไม้แขวน
"เราไม่ต้องไปผจญกับเรื่องรถติดหรอกค่ะไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพี่มา"
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่พี่บอก แต่ก็ต้องนั่งรอไปแบบนั้น จนยี่สิบนาทีต่อมาพี่หมอกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำโชยปะทะจมูกทันที ผมยาวของพี่ถูกมัดเรียบร้อยแบบเดียวกันกับเธอใบหน้าขาวใสของพี่เขาแทบจะไม่มีเครื่องสำอางด้วยซ้ำ แค่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับขึ้นเหนือข้อมือเล็กน้อยชายเสื้อถูกเก็บไว้ในกางเกงผ้าเนื้อดีเข้ารูปสีขาวอย่างเรียบร้อย แค่นี้พี่เขาก็ดูดีแล้ว
"ไปค่ะ ไปเดทกัน"
คำพูดกับรอยยิ้มอ่อนโยนพร้อมมือที่ยื่นมาตรงหน้า ทำเอาเธอทำตัวไม่ถูกเลย พี่หมอขยันทำให้เธอเขินมากไปแล้วนะ กนิษฐาระบายยิ้มกว้างออกมาเมื่อมือนุ่มยื่นมาวางลงบนมือเธอ สายตาสบประสานกันก่อนที่เธอจะกุมมือนั้นพาออกมาจากห้องทำงาน
พิชญากรเดินตามคนเป็นพี่ออกมาด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก มันกรุ่น ๆ อบอุ่นขัดเขินไปหมด พี่หมอพาเธอเดินมายังลิฟต์อีกด้านที่ไม่ใช่ตัวที่เคยใช้ประจำ และพอเข้าไปในลิฟต์แล้วพี่เขากดหมายเลขชั้นสูงสุดก็ยิ่งสงสัย มืออุ่นของพี่เขายังคงกอบกุมมือของเธอเอาไว้ตลอดเวลา มันทำให้เธอนึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อตอนเช้าขึ้นมา
"พี่จะไม่มีวันปล่อยมือนี้ถ้าพายไม่เป็นคนสลัดมันทิ้งเอง"
คำพูดจริงจังที่เอ่ยขึ้นมาในตอนที่ประตูลิฟต์กำลังเปิดออก ทำเอาหัวใจคนฟังเต้นรัวขึ้นมาจนได้ และทันทีที่พ้นออกมาจากห้องสี่เหลี่ยมนั้นเธอก็ต้องแปลกใจ
"สวัสดีค่ะคุณหมอ คุณพาย ขอให้มีความสุขอิ่มอร่อยกับอาหารในค่ำคืนนี้นะคะ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็กดกริ่งสัญญาณเรียกได้เลย นี่ค่ะช่อดอกไม้คุณหมอ"
บริกรสาวพร้อมกับบริกรชายอีกคนที่ยืนยิ้ม ส่งช่อดอกกุหลาบสีขาวมาให้
"ขอบคุณนะคะ"
"ด้วยความยินดีค่ะ"
กนิษฐาจูงมือคนน้องที่ยังมึนงง ทำได้เพียงแค่ยิ้มตอบให้บริกรทั้งสองคน จนเมื่อคนเป็นพี่พาเข้ามาในที่แห่งหนึ่งนั่นแหละเธอถึงกับเบิกตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ห้องกว้างขนาดเป็นห้องจัดเลี้ยงสัมนาขนาดเล็กได้สบาย รอบด้านรวมทั้งด้านบนนั้นถูกกรุด้วยกระจกใสมองเห็นบรรยากาศแสงไฟของเมืองหลวงยามที่ตะวันตกดินไปแล้ว รอบ ๆห้องนี้ยังเป็นเหมือนสวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่ส่งกลิ่นหอมอวลไปทั่ว เสียงเพลงสากลคลาสสิคเปิดคลอขึ้นมาให้ได้ยิน สภาพที่เห็นมันไม่ใช่การจัดฉากเฉพาะวันนี้
แต่เหมือนว่าห้องนี้มันเป็นแบบนี้อยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้นอกจากโต๊ะอาหารแบบที่มีในโรงแรมหรูวางอยู่ใกล้กับส่วนที่มองลงไปเห็นบรรยากาศด้านล่างตึก ก็ไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ ให้เกะกะสายตา นอกจากกระถางไม้ดอกนานาชนิดที่ถูกจัดวางเป็นสวนน่ารักบนดาดฟ้าแห่งนี้
"ไม่คิดว่าจะมีห้องแบบนี้ในตึกโรงพยาบาลนะคะพี่หมอ"
"เป็นที่ส่วนตัวของเจ้าของโรงพยาบาลค่ะ พี่ใช้สิทธิความสนิทส่วนตัวขอมา หมอวิรัญญาเป็นทั้งลูกสาวเจ้าของที่นี่และก็เป็นรุ่นน้องพี่ด้วย ปกติเมื่อก่อนหมอวิกับคนรักก็มักจะมาใช้เป็นที่ทานอาหารกัน เพราะเป็นหมอทั้งคู่ไม่ค่อยมีเวลาได้ออกไปไหนเท่าไหร่ แต่ตอนนี้แต่งงานกันแล้ว บ้านพักอยู่หลังโรงพยาบาลนี่เองค่ะ วันนี้พี่เลยใช้ห้องนี้ได้ ปลอดภัยไร้ปาปารัชซี่ เชิญค่ะ"
พี่เขาพามาที่โต๊ะอาหาร ขยับเก้าอี้ให้ จนเธอทั้งเขินทั้งขำ