17:45 น.
ฉันใช้เวลาอาบน้ำ แต่งหน้า และทำทุกอย่าง ไปนานหลายชั่วโมง ไม่ชอบเลยที่ตัวเองเกิดมาเป็นผู้หญิง หน้าก็ต้องแต่ง ผมก็ต้องทำ ไหนจะทาครีม ทานั่นนู้นนี่อีก เป็นชีวิตที่เสียเวลาไปกับเรื่องพวกนี้เยอะกว่าพวกผู้ชาย จะไม่แต่งก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวไม่สวย
ฉันมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง เพื่อหาว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่พร้อม ก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจก ที่จริงฉันก็สวยแหละ ถึงแม้ฉันจะได้แม่มามากกว่าพ่อ ต่างจากเฮียไมค์ที่ได้ใบหน้าพ่อมาเกือบ 80% แต่ก็ยังถือว่าสวย
ผมสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลัง ดัดลอนใหญ่ตรงปลาย เพื่อซ่อนใบหน้ารูปไข่ให้ดูเล็กลง ดวงตากลมโตสีเทาเข้มจนเกือบดำ จมูกโด่งรั้น พี่ไมค์บอกว่านั่นเป็นเพราะฉันดื้อ ซึ่งฉันไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันตรงไหน ริมฝีปากกระจับสีแดงสดน่าจูบ นี่ถ้าฉันสูงกว่านี้อีกสักหน่อย ฉันคงได้เป็นนางแบบไปแล้ว เสียดายที่อดเฉิดฉายบนรันเวย์เหมือนพ่อฉัน
แก๊ก!
“มีมือไหมอะ เคาะหน่อยสิ”
ฉันปรายตามองพี่ชาย ที่เปิดประตูห้องฉันเข้ามาแบบไร้มารยาทจนติดเป็นนิสัย ส่วนนิสัยไม่ชอบล็อคห้องของฉันก็แก้ไม่หายเหมือนกัน
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้อะมินิ”
ฉันก้มมองตัวเองเร็วๆ ชุดเกาะอกสีแดงเข้ม กับกระโปรงยาวผ่าสูงจนถึงต้นขาสีเดียวกัน ก็สวยดีออก เข้าคอนเซ็ปท์เปิดบนปิดล่างเลยไง แม้ชุดค่อนข้างที่จะเปิดเผยเนื้อหนังด้านบนมากไปหน่อย แต่ฉันมีตัวช่วย ฉันหยิบคาดิแกนตัวใหญ่ไปด้วย เอาไปเผื่อไว้ใช้คลุมกันหนาวของเครื่องปรับอากาศ
“สวยแล้วใช่ไหม”
ฉันเดินไปคล้องแขนเฮียไมค์ ลากเขาไปหยิบกระเป๋าใบโปรดที่วางอยู่บนเตียง เสร็จแล้วก็ลากเขาลงไปข้างล่าง ก้าวเดินอย่างรวดเร็วเพราะกลัวไปถึงร้านช้า
พวกเรามีร้านประจำอยู่แค่ไม่กี่ร้าน ถ้าจะไปที่นั่น ต้องไปตั้งแต่หัววัน ไม่งั้นจะไม่ได้ทำเลดีๆ ไว้สำหรับส่องสาวและส่องหนุ่ม ทันทีที่ลงมาถึงชั้นล่างบริเวณห้องรับแขก ก็เห็นว่าเฮียสิงค์กับเฮียเสือนั่งรออยู่คนละมุม
เฮียเสือใส่เชิ้ตสีขาวทับด้วยอามานี่ตัวเก่งที่เห็นใส่บ่อยๆ ท่อนล่างสวมกางเกงสีดำ รองเท้าหนังสีดำ หน้าผมเป๊ะ พร็อพตามตัวจัดเต็มเช่นเคย สร้อยคอเอย นาฬิกาเอย เข็มขัดเอย ทุกชิ้นล้วนเป็นของแบรนด์เนม แต่งตัวออกจากบ้านแต่ละที เหมือนกลัวคนไม่รู้ว่าตัวเองรวยงั้นแหละ
เฮียสิงค์แต่งตัวตามสไตล์เดิม นั่นคือเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีเดียวกัน หน้าผมเหมือนคนที่เพิ่งตื่นนอนสุดๆ บนตัวเฮียสิงค์ตอนนี้ที่ดูดีที่สุด เพียงรองเท้าที่เป็นของแบรนด์ดัง หน้าเขางอง่ำเหมือนคนไม่พอใจ แต่มันมักจะติดรอยยิ้มเสมอ ยามที่เขาจ้องมองจอโทรศัพท์
เห้อ! นี่คงเป็นอีกอย่าง ที่ทำให้ฉันแยกแยะฝาแฝดสองคนนี้ได้ง่ายๆ คนหนึ่งให้ความรู้สึกหรูหรา อีกคนก็บ้านๆ อารมณ์ประมาณเจ้าชายกับคนสวนอะ
“จะไปชุดนั้นจริงดิ”
เฮียเสือจ้องชุดฉันตาเป็นมัน ใบหน้ามีเสน่ห์ดูพราวระยับขณะจับจ้องเรือนร่างของฉัน เรื่องเมื่อตอนกลางวัน ฉันไม่รู้ว่าเฮียเสือพูดจริงหรือพูดเล่น มันก็มีบางครั้ง ที่เขาแสดงออกกับฉันมากกกว่าที่เคยเป็น บางครั้งมันมากกว่าน้องสาวคนหนึ่ง ซึ่งฉันรู้สึกกลัว มากกว่าจะรู้สึกดี
“มีเสื้อคลุมอีกตัว”
“….”
ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นไม่เคยมองมาที่ฉันเลย ใบหน้าของเขาก้มมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ตลอด แม้คิ้วจะขมวดมุ่น ตาขวางเหมือนคนโกรธอยู่ แต่รอยยิ้มมุมปากทำให้รู้ว่าไม่ใช่
เขาคงคุยกับผู้หญิงของเขาแหละมั้ง ได้ยินเฮียไมค์เล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงคนนี้เฮียสิงค์เป็นคนเข้าไปขอเบอร์ด้วยตัวเอง คิดแล้วก็รู้สึกเจ็บชะมัด ผู้หญิงคนนี้เขาคงจริงจัง เพราะฉันไม่เคยเห็นเขาจีบใครก่อนเลย ส่วนใหญ่มีแต่ถูกจีบ
“ไปเลยนะ มี่อยากเมาแล้ว”
พรึ่บ!
“เอาเสื้อเฮียไปคลุมเลย”
อยู่ดีๆ เฮียเสือก็ถอดอามานี่สีดำออกจากตัว ทั้งยังโยนมันมาคลุมหัวฉันอีก ไอ้เฮียมันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง คนเขาบอกว่ามีเสื้อคลุมของตัวเองไง จะโยนมาเพื่อ!
“น้ำหอมกลิ่นใหม่เหรอ หอมจัง”
ฉันมองคนที่เดินเข้ามาใกล้ยิ้มๆ แอบดมกลิ่นหอมชื่นใจบนเสื้อที่มันเคยอยู่บนหัวตัวเอง ดมเร็วๆ ก่อนจะยื่นมันคืนให้เจ้าของมัน
ฉันเป็นคนช่างสังเกต และชอบกลิ่นน้ำหอมที่เฮียเสือใช้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไม่มีปัญญาซื้อใช้เองหรอก แต่ละขวดแพงๆทั้งนั้น อาศัยดมเอาจากตัวเขานี่แหละ ชื่นใจดี แม้มันจะแลดูเหมือนโรคจิตนิดๆ แต่ก็ช่างเถอะ เพราะเฮียเสือแกก็ไม่ถือ
“ชอบไหม?”
“ไม่ค่ะ”
ฉันช้อนสายตาขึ้นมองเฮียเสือ ที่ทำตัวเหมือนปกติโดยการยกแขนขึ้นคล้องเข้ากับคอของฉัน ฉันสนิทกับเฮียเสือมาก มันเลยเป็นเหตุผลให้ฉันชอบเขาเกินกว่าพี่ชายไม่ได้ ฉันคิดว่าตัวเองรู้จักเขามากเกินไปเลยกลัว
“อย่าทำหน้าตาแบบนี้ใส่เฮีย”
“ทำไมคะ”
ฉันยังคงทำแบบเดิม นั่นคือช้อนสายตามองคนข้างๆขณะเดินไปขึ้นรถ ก็ตัวเองสูงไหม มันก็ต้องมองแบบนี้แหละถูกแล้ว แค่เพิ่มการอ่อยเข้าไปนิดๆ เพื่อประชดคนที่เดินตามหลังมา
“เดี๋ยวทนไม่ไหว”
“ทำไมต้องทนละคะ”
ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ ปกติก็หยอกล้อกันเล่นแบบนี้บ่อยๆ ฉันเคยโดนเฮียเสือลากไปเล่นละครเป็นไม้กันผู้หญิงบ่อยจะตาย ไม่อายหรอก บอกเลยว่าเฉยๆ