บทที่ 12

1837 Words
       ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! แม้นรัตติกาลล่วงเลยค่อนครึ่งมาแล้ว แต่ธุระปะปังยังไม่ยอมสิ้นสุด เสียงเคาะประตูสามครั้งดังเป็นสัญญาณขออนุญาต แล้วก็ถือวิสาสะเปิดเข้ามาโดยไม่ต้องฟังเสียงขานรับจากด้านใน ชายในชุดสูทที่คุ้นตาเห็นได้ทั่วไปในบ่อนกาสิโนแห่งนี้ถือซองเอกสารบางอย่างและนำมันส่งให้กับราเชนทร์ ก่อนจะขอตัวกลับไป            ซองสีน้ำตาลบรรจุแผ่นกระดาษไม่กี่แผ่น และอาจมีรูปถ่ายรวมอยู่ด้วย ทุกอย่างกำลังเป็นที่สนใจของราเชนทร์ แก้ววัลลาถอนหายใจกับชะตาชีวิตในวันนี้ของตัวเอง หรือต้องนั่งเปลือยท่อนบนเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกทั้งคืน...            "หึ...เธอนี่ไม่เบาเลยนะ"            หญิงสาวซึ่งกำลังก้มหน้าครุ่นคิด หาทางออกไปจากห้องแหงนหน้าขึ้นมอง เมื่อเขาพูดประโยคซึ่งส่อเค้าเกี่ยวพันกับเธออีกแล้ว            "หนูเหรอคะ"            "จะใครอีกล่ะแม่สิบแปดมงกุฎ" เขาบอกและยิ้มร้ายมุมปาก ยกแผ่นกระดาษนั้นขึ้นอ่านอีกครั้ง มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งด้วย พร้อมกับสูบบุหรี่ไปพลางเหมือนไม่อินังเท่าไหร่ แต่คนฟัง...หัวใจเสียวแปลบ เขารู้แล้วเหรอ แล้วเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้างล่ะทีนี้ ขนาดแค่ทำให้โมโหนิดเดียวยังเกือบถูกโยนจากตึก            "เข้ามาเอาอะไรในนี้เหรอ" ทว่าอีกฝ่ายยังคงถามด้วยน้ำเสียงเย็นสงบ            "..." แก้ววัลลาไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี บอกความจริงไปก็รู้ว่าไม่มีทางรอด และต่อให้กล่าวเท็จเธอก็คงไม่รอดอีกเช่นกัน มัจจุราชเงียบอย่างราเชนทร์ต่อให้เขาไม่แสดงอารมณ์ไดออกมาก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยเธอให้พ้นจากคำพิพากษาง่ายๆ                                        "หึ หึ...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะหนูอาย เพราะเธอไม่มีวันออกไปจากที่นี่ได้ถ้าฉันไม่อนุญาต อีกอย่าง...กลับไปเธอจะหาใครล่ะ ในเมื่อพวกแก๊งสิบแปดมงกุฎไม่มีใครอยู่รอเธอแล้ว"            "คุณ! หมายความว่ายังไง คุณทำอะไรพวกเขา" กลายเป็นว่าเธอยอมรับโดยสดุดีว่าเป็นแนวร่วมกลุ่มโจรกระจอกนั้นจริงๆ กว่านึกออกและรู้ตัวก็พลาดเผลอปล่อยไก่ตัวเบ้งออกไปแล้ว หญิงสาวรีบหุบปากฉับ! ก้มหน้าแต่ก็เหลือบมองเขาเนืองๆ  จาโดนไหมหว่า....จาตายไหมหนอ...            "ฮ่าๆ ไม่ต้องคิดให้เปลืองแกนสมองหรอก ถ้ากำลังหาทางโกหกฉันน่ะ ดูนี่ซะ!" ปลายประโยคน้ำเสียงหนักเน้นและสีหน้าก็เปลี่ยนไปในพริบตา            กองกระดาษหล่นเกลื่อนพื้น มีรูปของเธอและเพื่อนที่ทำมาหากินมาด้วยกันพร้อมหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข้อข่าวอะไรบางอย่าง แก้ววัลลารู้ดีว่าเธอต้องไปเก็บมันขึ้นมาดูตามที่เขาสั่ง สีหน้าท่าทางที่บ่งบอกให้รู้ว่าราหูอมเข้าให้อีกแล้วมันส่งผลให้จิตสำนึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัวบังคับให้ร่างกายลุกทั้งที่ต้องกำผ้าห่มซึ่งพันอยู่รอบเอวไปด้วย            ราเชนทร์โหดเหี้ยมจริงๆ...เขาสั่งจัดการกับพรรคพวกของเธอหรือยังไงหรือพวกนั้นอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นบางอย่างระหว่างที่เธอขาดการติดต่อกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่วันแรกที่เหยียบเข้ามาในอาณาจักรแห่งนี้            สิ่งแรกที่สายตาให้ความสนใจก็คือหนังสือพิมพ์...ที่พาดหัวข่าวการจับกุมแก๊งขนยาเสพติดยกได้ยกแก๊งสืบเนื่องมาจากการซัดทอดของเพื่อนที่ถูกจับได้ก่อนหน้า และในนั้น...มีชื่อนามสกุลของเธอโชว์หราในฐานะผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ!                                                                     ทุกอย่างที่อยู่ในมือร่วงลงไปกองบนพื้นเช่นเดิม... ทุกอย่างจบลงแล้ว ทั้งที่มันยังไม่ได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ            "เธอใจกล้ามากนะหนูอาย ที่เข้ามาในกาสิโนนี่เพื่อจะทรยศฉัน ถ้ามันง่ายเหมือนที่เธอคิด ป่านนี้ที่นี่ก็คงกลายเป็นสวนสนุกสำหรับคนประเภทเดียวกับเธอไปแล้วล่ะ"            เป็นครั้งแรกที่เห็นแววตาเย้ยเหยันถากถาง และคำพูดดูแคลน มันทำให้หญิงสาวยิ่งสั่นกับโทษทัณฑ์ที่รอเธออยู่เบื้องหน้า            "คราวนี้จะเอายังไงล่ะ..." เขาดูดบุหรี่หนักๆ อีกครั้งแล้วพ่นควันฟุ้งออกมา เปลี่ยนท่านั่งเอาขาที่ไขว้กันลง คู้ตัวโน้มมาข้างหน้า ใช้ข้อศอกค้ำหน้าตาไว้ทั้งสองข้าง            "ระหว่าง...จับโยนส่งตำรวจ หรือ...จับลงบ่อจระเข้ดี" ข้อเสนอที่ไม่ได้แตกต่างกันเลย ชายหนุ่มวางบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ แล้วยืนตรงเดินเข้ามาหาเธอที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก            ตลอดช่วงอายุขัยที่ผ่านมา ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการเปลี่ยนแปลงของชีวิตมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งมันไม่เคยบั่นทอนจิตใจเธอได้เหมือนตอนที่ตัดสินใจรับงานนี้เลย            "คุณคงไม่อยากทำแบบนั้นหรอก...ใช่ไหมคะ" พอจะเดาสถานการณ์ออกแล้วล่ะว่าราเชนทร์ให้คนออกไปสืบประวัติเธอทันทีตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องในบ่อน                                                                    และข้อมูลก็ชั่งมาอยู่ในกำมือเขาอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ชนิดเธอเองยังคาดไม่ถึงทั้งที่เตรียมการมาดีแล้วแท้ๆ                                              ไม่พลาด...แต่ก็เกือบพลาด...            "แสนรู้ดีนี่...ใช่ ฉันไม่ทำแบบนั้นกับหนูอายหรอก ความตาย...ไม่ใช่เรื่องเจ็บปวดที่สุดเสมอไป จริงไหม" ชายหนุ่มพูดพลางและเดินอ้อมไปทางด้านหลัง แก้ววัลลายืนตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับ รับรู้ไออุ่นและรัศมีความใกล้ชิดของคนตัวใหญ่ที่แนบสนิทเข้ามาเรื่อยๆ            ขนกายลุกซู่...เมื่อลมหายใจของเขารินรดต้นขอด้านหลัง ลมอุ่นๆ จากแรงหายใจไล่เรื่อยลงมา และเนื้อผิวเนียนก็สัมผัสกับริมฝีปากหนาที่บรรจงทาบทับเนิบช้า ตรงรอยสักรูปตาข่ายดักฝัน!...            "ฉันจะช่วย...เป็นการตอบแทนที่ครั้งหนึ่งหนูอายเคยช่วยฉันเอาไว้"            "หนะ...หนูเหรอคะเคยช่วยคุณ เมื่อไหร่กัน..." หญิงสาวออกปากถามงงๆ            "มัน...นานมาแล้ว แต่ช่างมันเถอะ เรื่องของเด็กๆ อย่าใส่ใจเลย"            "แต่หนูไม่เคยรู้จักกับคุณมาก่อน"            "แน่ใจ?"            "อ่า...ค่ะ"            "ไม่เป็นไร...เราจะคุยเรื่องนี้กันทีหลัง นี่ก็ดึกมากแล้วสมควรต้องพักผ่อน ไปนอนกันดีกว่า"            เฮ๊ย! อะไรนะ                                                                              "คือ...ว้าย!"  อีกแล้ว...หมอนี่ทำตามอำเภอใจโดยไม่คิดขอความเห็นจากใครอีกแล้ว แถมนึกอยากทำก็ทำ ฉุกละหุกกะทันหัน ตามไม่ทันสิ่งที่เขาคิดเสมอ                                                                              ร่างเล็กถูกกอดรัดจากมือใหญ่แข็งแรงและลากให้เดินติดไปกับเขา จากนั้นก็ทิ้งตัวทุ่มลงบนเตียง ความนุ่มของที่นอนทำให้ทั้งสองคนดีดเด้งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสงบลง แต่แก้ววัลลาไม่อาจลุกขยับได้ตามใจ เพราะถูกกกกดเอาไว้จากคนตัวใหญ่กว่า            "เฮีย! เฮียทำอะไรเนี่ย ปล่อยหนูนะคะ หนูจะกลับห้อง"            "อยากกลับไปเป็นโสเภณี...หรืออยากอยู่สบายๆ ที่นี่กับฉันก็เลือกเอา"            แล้วทำไมต้องเลือกด้วยวะ!            แล้วจะให้อยู่ที่นี่เพื่ออะไรวะคะ!            ใจสาวสั่นระทึกอีกครั้งเพราะแรงกดจากมือเขาที่หน้าอกทำให้สำนึกได้ว่ากำลังถูกกอดอยู่โดยผู้ชายที่เพิ่งคิดจะฆ่าเธอเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า แถมสภาพหรือก็อยู่ก้ำกึ่งเปลือยครึ่งไม่เปลือยครึ่งอีกด้วย            "เฮียคุยกันก่อนได้ไหมคะ มันเกิดอะไรขึ้นทำไมหนูต้องมาอยู่กับเฮียด้วย ก็เมื่อครู่เฮียโกรธหนูเหมือนจะฆ่าให้ตาย แถมตอนนี้ก็รู้แล้วว่าหนูเข้ามาที่นี่เพราะมีจุดประสงค์ แล้ว..."            "ค่อยคุยกันทีหลัง..." อีกครั้งที่เขาย้ำคำนั้น เป็นสัญญาณเดือนกลายๆ ว่าเธอต้องหยุดทุกคำถามและความสงสัยเอาไว้ก่อน การโอนอ่อนผ่อนตามมันอาจทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้นอีกหน่อย            เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน นอนก็นอน แต่...จะนอนมันทั้งท่านี้เนี่ยนะ? หญิงสาวตะแคงหันไปมองราเชนทร์ซึ่งนอนคว่ำหน้าลงบนหมอน โดยที่มือข้างหนึ่งตรึงร่างของเธอเอาไว้แน่น ไม่มีท่าทีคุกคาม ไม่มีความพยายามจะล่วงเกิน แต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระเหมือนกัน                   ที่สำคัญ...เธอไม่ได้อยู่ในสภาพเรียบร้อยนัก แต่ก็ช่างเถอะ ดีกว่าอยู่ในสภาพศพไม่ใช่เหรอ            "เฮีย...เฮียคะ..." ดูเหมือนอีกฝ่ายจะปิดสวิทซ์การรับรู้เข้าสู่นิทราไปแล้วโดยใช้เวลาเพียงไม่ถึงสามนาที            แก้ววัลลาลองจับแขนที่ใหญ่เกือบครึ่งตัวของเธอก็ว่าได้ แต่มันยังหนักอึ้ง ไม่ยอมขยับ คนบ้าอะไรนึกจะนอนก็นอน...เสื้อผ้าก็ไม่เปลี่ยน น้ำก็ไม่อาบ แล้วยังจะมาบังคับคนอื่นให้ทำตามใจตัวเองอีก            เฮ้อ!! หญิงสาววัยยี่สิบเต็มถอนหายใจยาวอย่างปลงๆ ได้ยินเสียงกรนเบาๆ จากคนข้างตัว เหลือบไปมองก็เห็นเขายังนอนอยู่ท่านั้นและหลับโดยที่ทำให้เธอไม่อาจกระดิกตัวได้ไปด้วย            เมื่อได้แต่นอนนิ่งๆ และคงข่มตาให้หลับไม่ลง เธอก็กวาดสายตาสำรวจไปรอบๆ ห้องนอนเป็นการฆ่าเวลา เข็มนาฬิกาบนฝาผนังชี้ไปที่เลขสาม บอกเวลาจวนย่ำรุ่งในไม่ช้า            ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้...ชีวิตเธอจะเบี่ยงเบนไปในทิศทางไหนอีก แค่ช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาพลิกผันไปมาจนยังรู้สึกคลุมเครือมึนงง             "เอ๋...นั่นมัน..." และแล้วสายตาก็สะดุดเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านบนเหนือตัวเธอ ตรงงาช้างสีขาวนวล...ตรงที่ก่อนหน้าไม่เคยสังเกตเห็น            Dreamcatcher...ตาข่ายดักฝัน                                                     "เฮีย...หรือว่าเฮีย..." แก้ววัลลาหันมองหนุ่มใหญ่ที่ตัวเองออกปากเรียก เขาหันหน้าไปอีกฝั่งหนึ่งและคงไม่สนใจว่าเธอกำลังอึ้งกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง                                       และในห้วงวินาทีนี้ เธอทั้งตื่นเต้น แปลกใจ และอึ้งงันเสียยิ่งกว่า เมื่อได้รู้ความจริงว่าเหตุอันใดชายหนุ่มจึงซักถามในเรื่องที่เขาไม่ควรจะให้ความสนใจ และทำให้เธอได้รับการละเว้นทุกโทษทัณฑ์จากเขา...ราเชนทร์ เพราะดรีมแคชเชอร์อันนั้น!            "ตาข่ายดักฝัน...จะปกป้องคุ้มครองนิทราอันยาวนาน ไม่ให้ความเลวร้ายมาสิงสู่ยามหลับใหล คุณพ่อบอกเอาไว้...อันนี้น้องอายจะทำให้พี่โฮปค่ะ"            เธอได้เคยกล่าวประโยคนี้ไว้กับใครบางคน...ในก่อนกาลอันยาวนานนับสิบปีมาแล้ว...ไม่น่าเชื่อว่า บัดนี้...เครื่องรางที่เด็กหญิงวัยแค่แปดขวบตั้งใจประดิดประดอยอย่างสุดความสามารถ จะยังถูกเก็บรักษาเอาไว้...เคียงข้างกายของเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD