อดีตของเฟิงซูเหยา : 1.2

1058 Words
สตรีในอาภรณ์สีแดงกำลังร่ายรำกระบี่อยู่ในสวนดอกไม้อย่างสดใส เฟิงซูเหยากำลังใกล้สู่วัยปักปิ่นยิ่งทำให้หน้าตานางงดงามยิ่ง เสียงชักกระบี่ดังขึ้นพร้อมบุรุษผู้หนึ่งกระโดดด้วยวิชาตัวเบาเข้ามายังด้านหลังนาง ปลายกระบี่คมกริบวางลงบนไหล่ของเฟิงซูเหยาที่ร่ายรำกระบี่อยู่ นางหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไร้ความกลัวเกรงเพราะรู้ดีว่ากระบี่นี้เป็นของผู้ใด "วันนี้อากาศดี ข้าขอรำกระบี่เป็นเพื่อนเจ้า" เสียงทุ้มช่างไพเราะจับจิตของนางยิ่ง เฟิงซูเหยาไม่ตอบเป็นถ้อยคำ หากแต่ใช้ปลายกระบี่ของนางเขี่ยกระบี่ที่อยู่บนไหล่ออก ตั้งท่าเตรียมโจมตีกลับผู้ถือกระบี่อีกคน ทั้งสองร่ายรำกระบี่ทั้งเหินฟ้าและบนดินอย่างสนุกสนาน สายตาทั้งสองสอดประสานกันตลอดเวลาที่รำกระบี่ หมับ! เอวบางถูกสวมกอดจากทางด้านหลังจนแนบชิดกับอกแกร่งเป็นการบ่งบอกว่าสิ้นสุดกระบวนท่ารำกระบี่ในครั้งนี้แล้ว ดอกเหมยมากมายร่วงหล่นลงมาราวกับหิมะโปรยปรายชวนให้บรรยากาศอบอุ่นละมุนหัวใจยิ่งนัก "ข้าให้คนเตรียมของกินอร่อย ๆ ไว้ให้เจ้าแล้ว" "คุณชายยังคงเห็นข้าเป็นเพียงเด็กน้อยสินะเจ้าคะ" เสียงหยอกเย้ากันอย่างสนิทสนมของเฟิงซูเหยาดังขึ้น "ในสายตาข้า เจ้ายังคงเป็นเด็กน้อยในวันนั้นเสมอ" หน้าผากนางอุ่นวาบเมื่อบุรุษตรงหน้าจุมพิตลงมาอย่างนุ่มนวล พวงแก้มทั้งสองแดงระเรื่ออย่างเขินอาย "เช่นนั้นต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าเหยาเหยา จะได้ไม่ดูเด็กน้อย ดีหรือไม่" ทุกถ้อยคำหวานที่ออกมาจากปากบุรุษผู้นี้ยิ่งทำให้หัวใจของเฟิงซูเหยาสั่นรัว "ข้าว่าคุณชายเรียกข้าซูเหยาเช่นเดิมดีกว่า" "เขินข้าหรือ" ใครใช้ให้เขาถกกลับนางด้วยถ้อยคำตรงเช่นนั้น สตรียิ่งหวั่นไหวง่าย บุรุษผู้นี้ก็ช่างรุกหนักจนเฟิงซูเหยาเขินอายรีบวิ่งไปยังศาลากลางน้ำที่มีอาหารจัดวางไว้ให้นางทันที ทุกวันเวลาที่ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันในจวนตะวันบูรพา เฟิงซูเหยาไม่เคยรู้สึกว่าตนเองขาดเหลืออะไรอีกแล้ว ขอเพียงข้างกายนางมีแต่บุรุษผู้นี้อยู่ร่วมเรือนทุกวันจนแก่เฒ่า นางขอเพียงเท่านั้น ทว่า... หลังจากที่นางผ่านพ้นวัยปักปิ่นมาหลายปี ทำงานเป็นดาบข้างกายให้คุณชายผู้นี้มาหลายหน วันที่นางได้ตาสว่างก็เกิดขึ้น คุณชายที่เฟิงซูเหยามองว่าเป็นคนใจดี อบอุ่น เป็นบุรุษที่หาตัวจับยากก็เผยธาตุแท้ออกมา เมื่องานสุดท้ายที่นางถูกสั่งให้ไปทำผิดพลาดจนถูกทางการจับได้ ตัวหมากอย่างเฟิงซูเหยาจึงถูกเขี่ยทิ้งอย่างเลือดเย็น "ข้าไม่น่าเก็บเจ้ามาเลี้ยงตั้งแต่ตอนนั้นเลย" เสียงเฉยชาดังขึ้น เฟิงซูเหยาที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาถึงกับถอดใจเมื่อได้ยินถ้อยคำตัดขาดนั้น "เจ้ากล้าหลอกใช้ข้าเพื่อหาที่ซ่อนสุมกองกำลังข้าศึกได้เยี่ยงไร" เฟิงซูเหยาเอาแต่มองหน้าคุณชายที่นางมอบหัวใจให้อย่างไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน "เจ้ารู้หรือไม่ โทษของการก่อกบฎต้องโทษประหารทั้งตระกูล" กบฎ..? เหตุใดนางที่เป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามแค่เพียงคำสั่งเขาคนเดียวถึงได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฎได้ เฟิงซูเหยาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นางกำลังจะลุกขึ้นเพื่อเดินไปมองหน้าคุณชายแสนอบอุ่นผู้นั้นใกล้ ๆ ทว่าถูกทหารใช้กระบองฟาดลงใต้ข้อพับเข่าจนต้องนั่งลงกับพื้นที่เดิม ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองชายที่นางแอบรักแอบชอบอย่างหลากหลายความรู้สึก "เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่" เสียงของเหม่าทันเจ้ากรมตุลาการผู้มีอำนาจในการสืบสวนตัดสินคดีถามขึ้น "หากข้าน้อยปฏิเสธ พวกท่านจะเชื่อหรือไม่" เสียงเฟิงซูเหยาช่างฟังดูสิ้นหวังเสียจริง "หลักฐานมัดตัวเจ้าขนาดนี้ยังกล้าปฏิเสธอีก หรือเจ้ากำลังใส่ร้ายข้า" คุณชายที่นางเคารพยกย่องชี้หน้านางด้วยดวงตาเรียบเฉยต่างจากสุ้มเสียงที่ฟังดูเกลียดชังนาง "ข้าหรือจะกล้าใส่ร้ายคุณชายที่ข้ารักและเคารพ" เฟิงซูเหยาแค่นหัวเราะออกมาหนึ่งครั้ง นางเอื้อมมือไปหมายจะหยิบเอาของบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ เป็นเพียงถุงหอมที่นางตั้งใจฝึกเย็บปักเป็นชื่อของเขา หากแต่กลับถูกมีดสั้นปริศนาพุ่งมาปักที่ต้นแทนเพื่อให้หยุดการกระทำนั้น "โอ๊ย!" เฟิงซูเหยาร้องอกมาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้านางเหยเกดวงตาแดงก่ำจากการกักกั้นน้ำใส ๆ ไม่ให้ไหลออกมา "ต้องเป็นผู้บ่งการนางแน่ รีบไปตามจับตัวมา" เสียงเจ้ากรมตุลาการเหม่าทันสั่งทหารใต้อาณัติ เฟิงซูเหยาได้ยินเช่นนั้นกลับยกยิ้มมุมปากอย่างยิ้มเยาะ "หึ ผู้บ่งการ..." นางหยุดถ้อยคำไว้เพียงเท่านั้น เงยหน้าจ้องคุณชายผู้สง่างามที่มองนางไม่ต่างจากคนแปลกหน้า "หากพวกท่านต้องการหาตัวผู้บ่งการ ข้าเฟิงซูเหยาจะบอกให้" ดวงตาสีรัตติกาลยังไม่ละไปจากคุณชายตรงหน้า นางอย่างมองลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของเขายิ่งนัก อยากรู้ว่าตลอดเวลาที่เขาชุบเลี้ยงนางมาเก้าปี ทำดีกับนางมามากกว่าพันหนเคยมีความจริงใจอยู่ในนั้นสักครั้งเดียวหรือไม่ "ดี หากเจ้ายอมคายความลับออกมา ข้าจะทูลขอพระราชทานอภัยโทษจายจากฝ่าบาทให้" โทษตายงั้นหรือ... ใครว่านางกลัวการรับโทษนั้นกัน ต่อให้ฝ่าบาทลดโทษให้นาง คนที่ต้องการให้นางเป็นแพะรับบาปให้ก็ไม่มีทางปล่อยนางให้มีลมหายใจอยู่ดี ดูจากตอนนี้สิ! มีดสั้นที่ยังคงปักคาอยู่ที่แขนนางคนผู้นั้นยังไม่เหลียวแล ทั้ง ๆ ที่เขารู้ดีว่าใครคือเจ้าของมีดสั้นนั้นแต่กลับเงียบปากไว้ เหตุผลคืออะไรหากไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนสั่งการลูกน้องคนสนิทของเขากระทำเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD