เด็กสาวอายุแค่ยี่สิบปี แต่กลับต้องแบกรับความกดดันเหลือล้น เธอไม่คิดมาก่อนว่ามารดาของแฟนหนุ่มจะทำเช่นนี้กับเธอ เธอรักเขามาก เธอไม่อยากให้เขาจากไป แต่เธอก็ไม่ได้รั้งเขาไว้ เธอยินดีให้เขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เธอเลือกที่จะรอเขาเงียบๆ แต่ทว่า มารดาของชายหนุ่มกลับไม่ได้มีความเมตตาให้เธอสักนิดเลย ท่านตัดสินไปแล้วว่าเธอผิด เธอคือคนที่รั้งอนาคตของบุตรชายท่านไว้ แล้วแบบนี้เธอจะเดินหน้าต่อกับความสัมพันธ์ของเธอและเขาอย่างไร
ในเวลาแบบนี้ชนัญชิดาก็นึกถึงเพียงเพื่อนสนิทของตนเองเท่านั้น เธอไม่กล้าเอาปัญหาเรื่องระหว่างมารดาของเขากับเธอไปบอกชายหนุ่มอย่างแน่นอน เธอจึงเลือกที่จะมาปรึกษาณัชชา และณัชชาก็รีบมาหาหญิงสาวทันที หลังจากที่เธอรับโทรศัพท์ของเพื่อนสนิท
“เป็นยังไง ไหนเล่ามาอีกทีซิ เมื่อกี้เราฟังไม่ชัด” ณัชชารีบถามทันทีที่เธอมาหาเพื่อนที่ห้องพักของเพื่อน และเมื่อมาถึงก็เห็นเพื่อนนั่งร้องไห้ด้วยความน่าเวทนา
“แม่ของพี่ปีมาบอกให้เราเลิกกับพี่ปี พี่ปีไม่ยอมไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพราะเรา แต่ที่จริงแล้ว เราไม่เคยรั้งพี่ปีไว้เลยนะ เรารู้ว่าเป็นอนาคตของเขา แต่พี่ปีต่างหากล่ะที่ไม่ยอมไปเอง” ชนัญชิดาเล่าทั้งน้ำตา
ณัชชาจึงรวบร่างของเพื่อนที่กำลังตัวโยนเพราะร้องไห้อยู่เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตนเอง เรื่องที่เธอได้ยินเพื่อนบอกเมื่อกี้มันทำให้ณัชชารู้สึกหนักใจแทนเพื่อนของเธอทันที ไอ้อาการที่แม่ของเขาไม่ปลื้ม มันท่าจะไปต่อยากแล้วในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ แต่ยังไงเสีย เธอก็อยากให้เพื่อนของเธอได้ลองสู้ต่ออีกสักครั้ง แล้วผลมันจะเป็นยังไงก็ค่อยก้มหน้ายอมรับมัน
“ไม่เป็นไรนะดา อย่ายอมแพ้ จับมือกับพี่ปีไว้แน่นๆ แล้วความรักจะเอาชนะทุกอย่าง” แม้ว่าจะไม่เชื่อมั่นในคำพูดของตนเองเท่าไหร่ แต่เพราะอยากปลอบใจและให้กำลังใจเพื่อน ทำให้ณัชชาต้องบอกออกไปอย่างนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ยุติธรรมกับเพื่อนของเธอเลย เพราะฉะนั้นเพื่อนของเธอต้องจับมือกับปีมงคลให้แน่น เพื่อจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคที่เข้ามาทดสอบนี้ได้
“มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ใช่มั้ยณัช” ชนัญชิดาเอ่ยถามราวกับเด็กหลงทางก็ไม่ปาน
“จริงสิ” เพื่อนสนิทรีบบอกออกไปทันที
ณัชชายังคงกอดเพื่อนสนิทไว้ด้วยความเป็นห่วง หนทางข้างหน้าของเพื่อนนั้นมันช่างมือมนเหลือเกิน ชีวิตที่ว่าเติบโตที่บ้านเด็กกำพร้าว่ารันทดแล้ว แต่พอมามีความรักก็ถูกกีดกันจากมารดาของคนรักอีก เพื่อนของเธอนั้น ทำไมมีชีวิตที่น่าสงสารเหลือเกิน