“ขอบคุณค่ะ” ชนัญชิดากล่าวก่อนที่เธอจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของผู้สูงวัย
“ฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ” ผู้สูงวัยรีบบอกทันทีหลังจากที่หญิงสาวนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“ค่ะ คุณท่านมีอะไรก็พูดมาได้เลยค่ะ ดิฉันพร้อมแล้ว” ชนัญชิดาเอ่ยด้วยความเด็ดเดี่ยว
“เธอรู้ใช่มั้ยว่าลูกชายฉันต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ”
“ทราบค่ะ” หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“แต่ตอนนี้ตาปีจะไม่ยอมไปเพราะเธอ” ผู้สูงวัยบอกอีกครั้ง นั่นทำให้หญิงสาวตกใจเป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะเลือกอยู่ที่นี่เพราะเธอ
“ทราบค่ะ แต่ดิฉันก็บอกให้เขาไปเรียนต่อ ไม่ต้องห่วงดิฉัน” หญิงสาวสารภาพตามตรง
“ตาปีไม่ยอมไปหรอก ตราบใดที่เขายังมีเธออยู่” คุณปัณณธรกล่าวตามตรง
“หมายความว่ายังไงคะ” หญิงสาวรู้สึกหูอื้อไปหมดกับสิ่งที่ได้ยิน เหมือนดังว่าประโยคที่ท่านพูดเมื่อสักครู่นั้นต้องการให้เธอหายไปจากชีวิตบุตรชายของท่าน
“เลิกกับตาปีซะ อย่าอยู่เพื่อทำลายอนาคตของลูกชายฉันเลย คนเรารักกันต้องส่งเสริมกันสิ ฉันไม่ให้เธอเลิกเปล่าๆ หรอกนะ นี่ค่าตอบแทน ออกไปจากชีวิตลูกชายฉันซะ” เสียงของคุณปัณณธรเต็มไปด้วยความเยือกเย็น แต่ฝ่ายตรงข้ามนี่สิน้ำตาแทบไหล ท่านคิดว่าท่านเป็นใคร จะมาสั่งให้เลิกรักได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ
“ทำไมคุณท่านถึงใจร้ายแบบนี้คะ ดิฉันรักลูกชายของคุณท่านจริงๆ ดิฉันไม่ขอรับเงื่อนไขที่คุณท่านกำลังจะยื่นให้ค่ะ ดิฉันลาล่ะค่ะ” ชนัญชิดาตัดพ้อ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วไหว้ลาผู้เป็นมารดาของคนรัก เธอรักปีมงคลเกินกว่าจะตัดใจ เขาคือคนรักคนแรกของเธอ แล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งเธอก็โดนมารดาของเขามาบอกให้เธอเลิกกับเขา ทั้งที่เธอและเขาไม่ได้มีปัญหากันแต่อย่างใด ราวกับว่าโลกที่อยู่ตรงหน้าพังทลายลงแทบไม่เป็นชิ้นดี แต่มาตอนนี้เธอตัดสินใจแล้ว เธอจะไม่จากเขาไปไหน เธอรักเขา ต่อให้คุณปัณณธรจะว่าอย่างไรก็ตาม เธอก็จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างกายเขา
“ถ้าเธอเลือกแบบนั้น แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” คุณปัณณธรเอ่ยด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะวางธนบัตรสีเทาไว้แล้วเดินออกไปก่อนที่ชนัญชิดาจะเดินออกไปเสียอีก
นั่นทำให้หญิงสาวร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย และไม่รู้เลยว่ามารดาของแฟนหนุ่มจะมีแผนทำอย่างไรกับเธออีก ถ้าให้เธอคะเนด้วยสายตา ท่านคงไม่ว่างมือง่ายๆ จนกว่าเธอจะยอมจากบุตรชายของท่านไป และเธอก็ไม่รู้เลยว่าเธอจะทนแรงเสียดทานพวกนี้ได้นานแค่ไหน