ตอนที่ 6 เพื่อนแฟนเก่าและสามี

1252 Words
"เมื่อกี้หมอบอกว่าเธอท้อง หมายความว่ายังไง?" สิงห์เลิกคิ้วถามรสาเสียงขุ่น คิ้วเข้มขมวดสงสัยและสับสนในเวลาเดียวกัน "แล้วฉันจะไปทราบได้ยังไงว่าทำไมคุณหมอเขาพูดแบบนี้ออกมา" "หมอเขารู้ได้ยังไงว่าเธอท้อง?" "คุณอยากรู้ก็ไปถามคุณหมอสิว่าเขาพูดเรื่องอะไร" รสาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอเองก็รู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆนายแพทย์หนุ่มกลับทักว่าตนกำลังตั้งท้องเสียอย่างนั้น "นี่อย่าบอกนะ ว่าเธอท้องกับผู้ชายคนอื่นแล้วก็แอบมาหาหมอที่นี่ เธอหลอกแต่งงานเพื่อที่จะให้ฉันรับเป็นพ่อของลูกเธองั้นหรอ?" สิงห์พูดโพล่งออกมา "นี่คุณ แน่ใจนะว่าใช้หัวสมองคิด?" แม้ในใจของรสาจะมีคำเป็นอีกหมื่นพันคำที่อยากจะต่อว่าสามีหนุ่ม แต่ทว่าที่นี่กลับเป็นโรงพยาบาลเธอจึงเลือกที่จะตัดบทสนทนา "หึ! ที่เห็นหน้าตาเรียบร้อยพูดน้อยอ่อนหวานที่แท้ก็เสแสร้งนี่เอง ความจริงเธอปากร้ายเหมือนกันนะ" "ฉันพูดแค่นี้คุณก็หาว่าฉันปากร้าย แล้วคำพูดทำร้ายจิตใจทั้งหมดที่คุณพูดกับฉันล่ะคะ เรียกว่าหยาบคายมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ" "รสา! งั้นเธอก็บอกมาสิว่าตกลงเธอท้องกับใคร เธอคิดอะไรของเธออยู่?" "ก็ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ท้องไงคะ" "เธอจะบอกว่าหมอทักผิดงั้นหรอ" สิงห์ปัดความสงสัยออกแล้วจึงเดินไปแง้มบานประตูห้องฉุกเฉินก็เห็นว่าพยาบาลกำลังพันผ้าที่หน้าแข้งให้กับผู้เป็นมารดาอยู่ เขาจึงเดินกลับออกมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม แต่ทว่าทันใดนั้นบุรุษในชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มรูปแบบก็เดินตรงเข้ามาทักพ่อเลี้ยงหนุ่ม รสารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตานายตำรวจคนนี้เป็นอย่างยิ่ง "ไอ้สิงห์ มาทำอะไรที่นี่วะ" สารวัตรคฑากรเอ่ยทักพ่อเลี้ยงหนุ่มขึ้น แม้เขาจะอายุมากกว่าพ่อเลี้ยงสิงห์ถึงสามปีแต่ทว่าทั้งคู่กลับสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก จึงพูดคุยกันเหมือนเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันเสียมากกว่า "ไอ้กร แม่กูหกล้มเจ็บขาก็เลยพามาโรงพยาบาล" "เฮ้ย! แล้วแม่มึงเป็นอะไรมากป่ะวะ?" "ไม่เป็นไรหรอก แค่กล้ามเนื้อฉีกพยาบาลกำลังพันขาให้อยู่ ว่าแต่มึงเหอะมาทำอะไร?" "มาเอายาความดันให้แม่เหมือนกันนั่นแหละ จะว่าไปมึงแต่งงานแล้วจริงๆหรอวะ ไม่เห็นเชิญเพื่อนฝูงของมึงเลย รวมถึงกูด้วย" "มึงก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นงานแต่งประเภทไหน ก็แค่พวกเมียกำมะลอที่แม่อยากให้แต่ง แม่กูจัดงานเองเชิญญาติผู้ใหญ่ของเขาเอง กูไม่ได้เต็มใจแต่งก็เลยไม่อยากเชิญเพื่อนมาดูความอัปยศของตัวเอง" คำพูดของสิงห์ปราศจากการคำนึงถึงหัวใจดวงน้อยของภรรยาสาว รสาเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังสารวัตรคฑากรด้วยสีหน้าบึ้งตึงเพราะได้ยินในสิ่งที่พ่อเลี้ยงหนุ่มพูดชัดเจนทุกคำ "คุณหมอเรียกไปรับยาแล้วค่ะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้น ทำให้สารวัตรคฑากรหันกลับมาหาเจ้าของเรือนร่างบอบบาง สารวัตรหนุ่มตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือรสา เธอเป็นแฟนเก่าขันเงินเพื่อนสนิทของตนนั่นเอง ทั้งสองคนจ้องตากันอยู่ครู่ใหญ่เสียจนสิงห์ต้องเอ่ยขัดจังหวะขึ้น "มีอะไรหรือเปล่าวะ?" "คุณรสา ผมคิดว่าผมฝันไปซะอีกนะครับ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเจอคุณที่นี่" คฑากรฉีกยิ้มกว้าง สิงห์รู้สึกแปลกใจเพราะเขาไม่คิดมาก่อนว่าเพื่อนสนิทของตนจะรู้จักกับภรรยาของตนด้วยเช่นเดียวกัน "รสาเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณกรที่นี่เหมือนกันค่ะ แต่จะว่าเป็นแล้วโลกมันก็แคบดีนะคะ" "เฮ้ย! นี่อย่าบอกนะว่ารู้จักกัน" สิงห์ถามแทรกขึ้นอีกครั้ง "ก็เออน่ะสิ" คฑากรหันไปพูดกับสิงห์แล้วจึงหันกลับมาหารสาอีกครั้ง "นั่นน่ะสิครับ จริงๆโลกมันแคบกว่านี้อีกนะครับ คุณรสารู้เรื่องที่ขันเงินกำลังจะย้ายกลับมาบริหารโรงแรมในเชียงใหม่หรือยังครับ?" "จริงหรือคะ รสาไม่ได้ติดต่อกับคุณขันเงินนานแล้วเลยไม่รู้เรื่องเลยค่ะ" หญิงสาวยิ้มด้วยแววตาเป็นประกายเมื่อเอ่ยถึงแฟนเก่าที่ต้องเลิกรากันไปเพียงเพราะความห่างไกลโดยปราศจากเรื่องบาดหมาง "ตกลงทั้งสองคนรู้จักกันหรอ แล้วขันเงินคือใคร?" ท่าทางของภรรยาสาวสร้างความรู้สึกแปลกใจให้กับสิงห์เป็นอย่างยิ่ง และบุคคลที่สามที่พวกเขากล่าวถึงนั้นกำลังรบกวนความอยากรู้อยากเห็นของพ่อเลี้ยงหนุ่มเป็นอย่างมาก "คุณสิงห์คะ ห้องรับยาเขาเรียกชื่อคุณแม่อีกรอบแล้วค่ะ" หญิงสาวหันไปบอกสิงห์ เขาดึงสติของตนกลับมาแล้วจึงรีบวิ่งไปห้องรับยาทันที "แล้วเรื่องที่คุณรสามาแต่งงานกับสิงห์ที่มันเป็นไปได้ยังไงครับ?" "ก็อย่างที่คุณรู้ค่ะ ครอบครัวของเราเป็นหนี้ครอบครัวคุณสิงห์อยู่ตั้งยี่สิบล้าน การแต่งงานครั้งนี้เป็นข้อเสนอของคุณแม่ของคุณสิงห์ค่ะ" สารวัตรหนุ่มสังเกตท่าทางของรสาก็พอจะรู้ดีว่าเธอไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้มากนัก "ห้องยาเรียกชื่อแม่ผมแล้วล่ะครับ ไหนๆคุณรสาก็อยู่ที่เชียงใหม่แล้ว เรานัดกันทานข้าวแล้วก็ค่อยพูดคุยกันนะครับ" คฑากรพูดเท่านั้นแล้วจึงคลี่ยิ้มให้หญิงสาว "แล้วเจอกันนะคะ" จากนั้นสารวัตรหนุ่มจึงเดินไปยังห้องรับยาทันที "ญาติคุณลักษมีค่ะ" รสาได้ยินพยาบาลเอ่ยเรียกจึงหันไปยังประตูหน้าห้องฉุกเฉิน จากนั้นร่างบางจึงเดินเข้าไปหามารดาของสามี "คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ?" "ไม่เจ็บมากแล้วจ๊ะ แค่กล้ามเนื้อฉีกนิดเดียว พยาบาลมือเบามาก เขาพันขาไว้ให้แล้ว" นางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ดีแล้วค่ะที่ไม่เป็นอะไรมาก" "แล้วตาสิงห์ไปไหนแล้วล่ะ?" "คุณสิงห์ไปรับยาค่ะ" "ฮะ! ทำไมแม่ต้องกินยาด้วยล่ะ" นางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตกอกตกใจ "ก็คงเป็นยาแก้อักเสบมั้งคะ เพราะคุณหมอบอกว่ากล้ามเนื้อขาของคุณแม่ฉีกขาด" "อ๋อ จริงด้วย แม่คงลืมไป" คุณลักษมียิ้มแห้ง ระหว่างนั้นสิงห์ก็ถือถุงยาเดินกลับมาหามารดา "หายเจ็บหรือยังครับคุณแม่..." "ดีขึ้นมานิดหน่อยจ้ะ" "แล้วไอ้กรกลับไปแล้วหรอ?" เขาพเยิดหน้าถามภรรยาสาว "กลับไปแล้วค่ะ ไม่เจอกันที่ห้องยาหรือคะ" "ไม่เจออ่ะ แต่เรามีเรื่องที่จะต้องคุยกันยาวเลยนะ" รสาแกล้งเบือนหน้าหนีเมื่อสามีหนุ่มพูดเสียงดุ "มีเรื่องอะไรกันหรือจ๊ะ?" ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามด้วยความรู้สึกแปลกใจ "ผมก็มีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณแม่ยาวเหมือนกันครับ" "อุ๊ย!" นางทำท่าสะดุ้งเล็กน้อย สิงห์มองมารดาและภรรยาสาวด้วยแววตาคาดโทษ จากนั้นเขาจึงเดินมาเข็นรถของนางกลับไปยังรถของตนเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD