ตอนที่ 5 ภรรยาตั้งครรภ์

1389 Words
ไร่พ่อเลี้ยงสิงห์ สิงห์ขับรถกลับเข้ามาส่งรสาและน้องเอมที่ไร่ในช่วงบ่าย เขาส่ายหน้าหัวเสียเมื่อเห็นว่ารถของนาราจอดอยู่หน้าบ้านจึงรีบเปิดประตูลงจากรถ "นาราอยู่ไหน?" สิงห์เอ่ยถามสาวใช้ รสาได้ยินชื่อของนาราทำให้หัวใจดวงน้อยเศร้าหมองลง แม้จะรู้ดีเพราะสิงห์ประกาศไว้ว่าเขาจะไม่มีทางเลิกกับหล่อน แต่ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งในฐานะคนรักของสามีตนเอง กลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างไร้สาเหตุ "คุณนาราคุยกับแม่นายอยู่ในห้องรับแขกเจ้า" คำนางบอก สิงห์จึงเดินพรวดพราดตรงเข้าไปหาหล่อนทันที "ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงยังมาหาอาสิงห์อยู่ล่ะคะ ในเมื่ออาสิงห์แต่งงานกับอารสาแล้ว" น้องเอมเอ่ยถามขึ้น เธอโตพอที่จะรู้เรื่องแล้วพวกนี้เป็นอย่างดี "บางทีการเลิกกันก็ไม่จำเป็นต้องเกลียดกัน อย่างอารสาก็ยังเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าของอาอยู่เหมือนกัน" เธออธิบาย "แล้วทำไมพ่อกับแม่ของน้องเอมถึงเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรือคะ?" คำถามของเด็กสาวแฝงไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มันพลอยทำให้รสารู้สึกเจ็บปวดหัวใจไปด้วย เธอจ้องมองแววตาของเด็กน้อยไร้เดียงสาด้วยความรู้สึกผิดที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา "เหตุผลของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป แต่ว่าสิ่งที่ทุกคนเลือกก็ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่ทำให้ตัวเองมีความสุข น้องเอมก็เหมือนกันนะคะ จะต้องทำตัวเองให้มีความสุขทุกวัน แล้วก็ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว เดี๋ยววันนี้อารสาสอนการบ้านให้ดีไหมคะ?" สาวน้อยฉีกยิ้มและพยักหน้าหงึกๆด้วยความดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น "ขอบคุณนะคะ" จากนั้นน้องเอมจึงรีบเดินตรงกลับขึ้นไปบนห้องของตนเองทันที ห้องรับแขก "ฉันขอร้องให้เธอกลับไปเถอะ แล้วก็เลิกยุ่งกับลูกชายของฉันซะที" คุณลักษมีเอ่ยกับนาราด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "คุณแม่พูดอะไรครับ?" สิงห์เดินเข้ามาในห้องรับแขกและได้ยินประโยคที่มารดาพูดกับหญิงสาวเข้า "แม่ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ แกแต่งงานแล้วนะสิงห์ เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นให้ชาวบ้านเขาตราหน้าว่าแกเป็นผู้ชายไม่รู้จักพอสักที" "ชาวบ้านที่แม่พูดถึงเขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละครับว่ารสาแต่งงานกับผมเพื่อใช้หนี้ยี่สิบล้าน อีกอย่างหนึ่งผมก็ไม่มีทางเลิกกับนาราหรอกนะครับ" สิงห์ต้องการเอาชนะมารดาจึงประกาศออกมาเช่นนั้น เขารั้งข้อมือของนาราให้ลุกขึ้นยืนและพาเธอออกจากห้องรับแขก "ตาสิงห์! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ" แม้มารดาจะเรียกตามหลังแต่กลับไม่สามารถฉุดรั้งบุตรชายไว้ได้ แต่ทว่าทั้งสองคนกลับต้องพบกับรสาซึ่งยืนขวางทางอยู่ เป็นครั้งแรกที่นาราได้เผชิญหน้ากับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของสิงห์ ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันแต่ทว่าหล่อนกลับตะลึงในความงดงามของรสาไปชั่วขณะ "คุณสิงห์จะออกไปไหนคะ?" ภรรยาสาวเลิกคิ้วถามเสียงเรียบ "ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับเธอ!" สิงห์พูดเสียงดังตะคอกใส่หน้าภรรยาสาว "นี่หรือคะ ผู้หญิงที่เป็นหนี้คุณจนต้องแต่งงานเอาตัวเข้ามาใช้หนี้" นาราพูดกระแนะกระแหนเพื่อความสาแก่ใจของตนเอง แต่ทว่านั่นมันกลับหมายถึงการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของรสาเกินกว่าที่เธอจะทนฟังได้ "แล้วคุณนาราล่ะคะ ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือคะ?" "อย่ามาพูดจาแบบนี้กับนารา!" สิงห์ทำเสียงดุ "ทำไมจะพูดไม่ได้คะ ในเมื่อคุณสองคนยังควงกันไปไหนมาไหนทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายแต่งงานจดทะเบียนสมรสแล้ว นอกจากชาวบ้านจะนินทาแล้ว คุณยังเหยียดยามศักดิ์ศรีฉันอีกด้วย" "หึ! เธอยังมีศักดิ์ศรีอะไรเหลืออยู่เหรอ รสา?" คำถามของพ่อเลี้ยงสิงห์เปรียบเสมือนมีดแหลมคมกรีดแทงแผลเก่าบนหัวใจของเธออีกครั้ง ดวงตากลมโตจ้องมองสามีหนุ่มด้วยแววตาผิดหวัง เธอจนปัญญาจะรั้งจึงปล่อยให้เขาทั้งคู่เดินจูงมือกันออกไป ความรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดแสนดูถูกดูแคลนของทั้งคู่สร้างรอยแผลรอยใหม่ในหัวใจของรสาอีกครั้ง "โอ๊ย!" ทว่าทันใดนั้นเสียงของคุณลักษมีก็ดังขึ้นจากในห้องรับแขก รสาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจและรีบวิ่งเข้าไปดูนาง "รีบไปกันเถอะค่ะสิงห์!" พ่อเลี้ยงหนุ่มได้ยินเสียงร้องของมารดาจึงหันขวับกลับมายังห้องรับแขก เขาสะบัดมือของนาราออกและรีบวิ่งกลับมาหามารดาด้วยความเป็นห่วง "ช่วยด้วยค่ะคุณแม่หกล้ม" รสารีบตะโกนออกไปขอความช่วยเหลือจากแม่บ้าน ในขณะที่เธอทรุดกายนั่งลงและประคองคุณลักษมีให้ลุกขึ้นสิงห์ก็วิ่งเข้ามาพอดี "คุณแม่เป็นอะไรครับ?" "สิงห์ โอย...แม่สะดุดโซฟาล้ม แม่ปวดขามากเลยดูสิขยับก็ไม่ได้" คุณลักษมีสวมบทคนกำลังเจ็บปวดและขยับมือลงมาลูบไล้ลำแข้งของตนเอง "ผมโทรเรียกรถพยาบาลนะครับคุณแม่" สิงห์ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงและต่อสายเรียกรถพยาบาลด้วยท่าทางร้อนรน โรงพยาบาล พยาบาลและนายแพทย์หนุ่มยืนจ้องมองคุณลักษมีด้วยความรู้สึกแปลกใจ นางขยับมือขึ้นมากอดอกและจ้องมองเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลด้วยแววตาเพ่งพิจารณา "คนไข้ไม่ได้ขาหักนะครับ แล้วจากที่หมอดูก็ไม่ได้มีอาการบวมช้ำหรือกล้ามเนื้อฉีกขาดเลย" แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินเอ่ยขึ้น "ก็ฉันไม่ได้ขาหัก ไม่ได้ขาฉีกแล้วก็ไม่ได้หกล้มอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ" นางตอบกลับเสียงราบเรียบ "แล้ว... ไม่ทราบว่าคนไข้โทรเรียกรถพยาบาลทำไมคะ?" พยาบาลสาวเอ่ยถามขึ้นสีหน้างวยงง "เอ่อ...คือ... อย่าบอกเรื่องนี้กับลูกชายฉันนะคะ" นางกระซิบเสียงเบาเมื่อถึงคราวที่ต้องตัดสินใจพูดความจริงกับแพทย์และพยาบาลออกไป "คนไข้ว่าอะไรนะครับ?" นายแพทย์หนุ่มเดินเข้ามาก็ใกล้เพราะได้ยินคำพูดเมื่อครู่ไม่ชัดเจนมากนัก "คิดซะว่าช่วยเหลือฉันในเรื่องศีลธรรมเถอะนะคะ ลูกชายของฉันกำลังจะหนีภรรยาหลวงที่บ้านออกไปเที่ยวกับเมียน้อย คนเป็นแม่อย่างฉันก็เลยต้องแกล้งทำเป็นหกล้มเพื่อให้ลูกชายอยู่บ้าน เห็นเมียเขาที่รออยู่ข้างนอกด้วยกันไหมคะ กำลังท้องอยู่เลยนะคะ" นางกำลังพยายามเกลี้ยกล่อมให้นายแพทย์หนุ่มไม่บอกเรื่องนี้กับบุตรชายของตน "คนไข้พูดก็มีเหตุผลนะคะ ในฐานะลูกผู้หญิงคนหนึ่งต้องพยายามทำทุกอย่างอยู่แล้วเพื่อไม่ให้สามีหรือว่าลูกชายของตนเองมีเมียน้อยค่ะ" พยาบาลสาวพูดเสริมขึ้น จึงทำให้คุณนายแพทย์หนุ่มยอมตามน้ำช่วยเหลือคุณลักษมี "ถ้างั้นเดี๋ยวหมอออกไปบอกลูกชายของคุณว่ากล้ามเนื้อฉีกขาดนะครับ" "ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ" จากนั้นนายแพทย์หนุ่มจึงเดินออกไปบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน "ญาติของคุณลักษมีครับ" สิงห์รีบลุกขึ้นและเดินตรงเข้ามาหาคุณหมอเมื่อได้ยินเขาเอ่ยเรียก "ผมเป็นลูกชายของคุณลักษมีครับ" "ตอนนี้คนไข้ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ หกล้มกล้ามเนื้อฉีกขาดเล็กน้อย หมอจะให้ยากลับไปทานที่บ้านแล้วก็พยายามอย่าให้ท่านเคลื่อนไหวบ่อยจนกว่าจะไม่รู้สึกเจ็บแล้วนะครับ" "ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ" "ด้วยความยินดีครับ ว่าแต่คุณภรรยาของคุณฝากครรภ์หรือยังครับ ถ้ายังไม่ฝากหมอก็แนะนำให้รีบฝากตั้งแต่เนิ่นๆเลยนะครับ" "ครับ?" สิงห์ขมวดคิ้วเข้มและหันมามองภรรยาสาวด้วยแววตาแปลกใจ "หมอขอตัวก่อนนะครับ" นายแพทย์หนุ่มพูดเท่านั้นแล้วจึงเดินออกจากหน้าห้องฉุกเฉินไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD