"อ้าว! พี่สิงห์ขึ้นมาทำไมคะ เห็นคุมงานอยู่ไม่ใช่หรอคะ?" รสรินแกล้งถามพี่ชายเมื่อเห็นสายตาของเขาจ้องเขม็งเกลียวมายังภรรยาสาว
"พ่อเลี้ยงครับ" เขมเอ่ยเรียกนายเมื่อเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มแน่นิ่งไม่ยอมวางตาจากรสา
"หน้าที่ของมึงไม่ใช่หรอไอ้เขม ลงไปทำงานได้แล้ว" เขาละสายตาจากใบหน้านวลงามและพเยิดหน้าไปยังผู้จัดการไร่หนุ่มด้วยน้ำเสียงดุดัน
"ครับพ่อเลี้ยง" เขมงวยงงจึงหยิบหมวกขึ้นมาสวมและเดินลงไปคุมงานแทนสิงห์
"เฮ้ย วันนี้มึงไม่ได้กินข้าวเช้ามาหรือไงวะถึงอารมณ์ไม่ดี"
"พี่เอกรู้ได้ยังไงคะว่าพี่สิงห์ไม่ได้กินข้าวเช้า" รสรินส่งสายตาเยาะเย้ยถากถางมายังพี่ชาย
"ยัยรสพอเลย" สิงห์เอ็ดน้องสาว รสาซึ่งนั่งอยู่บนแคร่ได้แต่คลี่ยิ้มกับคำพูดหยอกล้อกันของทั้งสามคน สิงห์ปรายตามองภรรยาสาวเล็กน้อยก่อนที่จะชำเลืองมองกระติกน้ำซึ่งตั้งอยู่ข้างกาย เขาเดินดิ่งเข้ามาหยิบแก้วและตักน้ำขึ้นมาจากกระติกน้ำของคนงาน จากนั้นจึงแกล้งเทหกใส่เสื้อของเอกราชที่รสาสวมอยู่
"เอ๊ะ!" ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยและแหงนหน้าขึ้นไปมองสามีหนุ่มก่อนจะรีบหยัดกายลุกขึ้นยืน
"พี่สิงห์ทำอะไรคะ?" รสรินรู้ดีว่าสิงห์กำลังกลั่นแกล้งภรรยาสาวของเขาเธอจึงรู้สึกไม่พอใจ
"เปล่า" ใบหน้าคมคายท่าทางไม่ยี่หระและยังตอบกลับเสียงสูง พ่อเลี้ยงหนุ่มยิ้มเยาะรสา
"เห็นๆอยู่ว่าพี่สิงห์แกล้งทำน้ำหกใส่รสา"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่รส" เอกราชรู้สึกไม่พึงพอใจกับการกระทำของสิงห์ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนสนิทแต่ทว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มกลับทำไม่ถูกต้อง
"เสื้อเธอเปียก ถอดออกแล้วก็คืนไอ้เอกไปสิ" สิงห์ออกพูดเสียงดังราวกับเป็นการออกคำสั่ง
"เดี๋ยวฉันจะซักเสื้อแล้วก็เอามาคืนให้วันหลังนะคะ" รสาไม่สนใจคำพูดของสิงห์และหันไปพูดกับเอกราช เธอส่งยิ้มละมุนให้ชายหนุ่มจนสร้างความไม่พึงพอใจให้กับสิงห์เป็นอย่างยิ่ง
"ฉันบอกให้ถอดเสื้อคืนไอ้เอกไปไง" พ่อเลี้ยงหนุ่มไม่พูดเปล่า เขาขยับมือขึ้นมาและกระชากเสื้อถอดออกจากกายบอบบางของรสาและโยนมันคืนเอกราชไป จากนั้นจึงถอดเสื้อผืนหนาของตนเองออกมาห่มคลุมกายบอบบางให้กับภรรยาสาวแทน
"คุณสิงห์คืนเสื้อคุณเอกเขาดีๆก็ได้" รสาว่าให้สามีหนุ่มเมื่อเห็นว่าสิ่งที่เขาทำมันดูไร้มารยาทมากเกินไป
"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณรสา ผมเข้าใจนิสัยของไอ้สิงห์ดี โดยเฉพาะเวลาที่มันโกรธ" รสรินพยายามค้นหาอะไรบางอย่างที่อยู่ในแววตาและสีหน้าของผู้เป็นพี่ชาย เธอรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างเมื่อเห็นสิงห์ถอดเสื้อของตนเองมาคลุมให้กับพี่สะใภ้
"เธอมาก็ดีแล้ว ฉันจะพาไปทำธุระซะหน่อย" สิงห์รั้งข้อมือเล็กของภรรยาสาวไว้และกระชากเธอเดินไปขึ้นรถ เอกราชและรสรินมองตามหลังด้วยความรู้สึกแปลกใจ
"ปล่อยนะคะ" ร่างบางถูกคนตัวโตกดหัวไหล่ให้เข้าไปนั่งในรถ จากนั้นร่างสูงกำยำจึงเดินอ้อมมาขึ้นรถฝั่งคนขับ
"ใส่เข็มขัดนิรภัยด้วย"
"ฉันไม่ได้เต็มใจไปกับพ่อเลี้ยงสิงห์ คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะพาฉันไปไหนตามอำเภอใจก็ได้"
"ฉันเป็นผัว และครอบครัวฉันก็ยกหนี้ให้ตั้งยี่สิบล้าน เพราะฉะนั้นเธอต้องทำตามคำสั่งของฉัน" เขากดเสียงต่ำและเอี้ยวตัวมาใกล้ มือหนาเอื้อมมาดึงเข็มขัดนิรภัยคาดผ่านกายบอบบาง ลมหายใจอุ่นเป่ารดพวงแก้มใสจนรสาต้องกลั้นหายใจไว้ สิงห์จัดการกับเข็มขัดนิรภัยให้ภรรยาสาวเสร็จแล้วเขาจึงขยับไปนั่งตัวตรงบนเบาะของตนเอง
"คุณก็คงจะยกเรื่องเงินยี่สิบล้านขึ้นมาเป็นข้ออ้างจนกว่าเราจะหย่ากันสินะคะ"
"เธอพูดว่าอะไรนะ?" ใบหน้าคมคายหันขวับมาจ้องมองภรรยาสาวอีกครั้ง
"คุณได้ยินชัดเจนดีทุกคำ ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องพูดซ้ำ"
"เธอคิดว่าเธอจะหย่าอย่างนั้นหรอ?"
"หรือว่าคุณไม่คิดล่ะคะ ในเมื่อคุณก็มีคุณนาราอยู่แล้วทั้งคน วันหนึ่งหรือเร็วๆนี้เราก็จะต้องหย่ากัน" สิงห์เหยียดยิ้มมุมปากในขณะที่ขยับมือขึ้นมาสตาร์ทรถ จากนั้นจึงขับออกจากบริเวณไร่ไป ทั้งสองเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำและเงียบตลอดทางที่สิงห์ขับรถขึ้นมาบนดอย
บ้านบนดอย
พ่อเลี้ยงสิงห์ขับรถพารสาขึ้นมาบนดอยและวิ่งเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง หญิงสาวเปิดประตูก้าวลงจากรถพร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณบ้านซึ่งถูกตกแต่งสวยงามตามแบบฉบับชาวท้องถิ่น หญิงสาวเห็นคุณยายอายุราวแปดสิบถึงเก้าสิบปีนั่งอยู่บนแคร่ไม้หน้าบ้านเธอจึงส่งยิ้มไปให้นาง
"คุณอา" ทันใดนั้นเสียงของเด็กสาววัยราวสิบสามปีคนหนึ่งก็เรียกพ่อเลี้ยงสิงห์ขึ้น เธอเดินตรงเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสดใสตามวัยมากนะ
"น้องเอม ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ?"
"น้องเอมอยากกลับไปอยู่บ้านค่ะ อยู่กับคุณทวดแล้วไม่มีใครสอนการบ้านเลย" เด็กสาวตอบกลับเสียงเศร้า เธอมองมายังรสาด้วยแววตาสงสัย
"คนนี้คืออารสา เป็นเมียของอาสิงห์เอง" เขาแนะนำให้หลานสาวได้รู้จัก
"สวัสดีค่ะ" น้องเอมยกมือไหว้อาสะใภ้และระบายยิ้มให้เล็กน้อย
"น้องเอมเป็นลูกสาวของพี่ตุลย์พี่ชายของฉันเอง ส่วนที่นี่เป็นบ้านแม่น้องเอม" เด็กสาวมีแววตาเศร้าหมองเมื่อพูดถึงผู้เป็นบิดา รสาเห็นแววตาของเด็กน้อยแล้วเธอจึงรู้สึกสงสารจับใจ
"ว่าแต่แม่เขาไม่ได้สอนการบ้านน้องเอมหรือครับ?"
"แม่ทำงานทั้งวัน กลับบ้านมาก็ต้องมาทำอาหารแล้วก็ต้องทำงานบ้านอีกค่ะ"
"งั้นน้องเอมเข้าไปเอากระเป๋านะครับ เดี๋ยวอาขอเข้าไปหาคุณทวดก่อนนะ" สิงห์พูดเท่านั้นแล้วจึงหันมาพยักหน้าให้รสา
"หมายความว่ายังไงคะ?" เธอเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่เดินตามหลังพ่อเลี้ยงหนุ่มเข้าไปหายายทวด
"พวกเขาเลิกกัน พี่ตุลย์ย้ายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เอมยังเล็กๆ ส่วนภรรยาเก่าของเขาอยู่ที่นี่ เอมก็เลยมาอยู่กับแม่เขาบางครั้ง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยชอบที่นี่เท่าไหร่" เขาอธิบาย
"คุณทวด สวัสดีครับ" สิงห์และรสายกมือไหว้คุณยายทวด พ่อเลี้ยงหนุ่มมองผู้เฒ่าด้วยแววตาอบอุ่นทำให้ภรรยาสาวได้เห็นมุมอ่อนโยนของเขาบ้างเล็กน้อย
"ได้ข่าวว่าพ่อเลี้ยงสิงห์แต่งงานแล้ว เมียสวยปานนางฟ้านางสวรรค์เลยนะ" คุณทวดเอ่ยชมพร้อมกับขยับมาสัมผัสกับมือเล็กของรสา
"ครับ เมียผมเองครับ" รสาปรายตามองเจ้าของคำพูดเมื่อครู่แล้วจึงคลี่ยิ้มละมุนให้ยายทวด สัมผัสผ่านมือเหี่ยวย่นของคุณทวดทำให้รสารู้สึกอบอุ่นหัวใจ สิงห์ปรายตามองภรรยาสาวที่ใครๆต่างก็ชื่นชมว่าเธองดงามปานนางฟ้าด้วยความรู้สึกกึ่งตื่นกึ่งฝัน
"คุณทวด..." เด็กสาวเดินออกมาพร้อมกับสะพายกระเป๋าใบใหญ่ เธอทิ้งตัวนั่งลงข้างกายคุณทวดของตนเองพร้อมกับสวมกอดนางไว้ด้วยความรู้สึกอบอุ่น
"รีบมาหาทวดอีกนะ คิดถึง"
"น้องเอมจะรีบกลับมาหาคุณทวดนะคะ" เด็กสาวก้มลงกราบลงบนตักคุณยายทวด จากนั้นสิงห์และรสาจึงพาเด็กสาวกลับไปขึ้นรถและออกจากบ้านไร่บนดอยไปทันที