หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
ผมยืนรออยู่หน้าหอพักเด็กที่ชื่อตะวัน ไม่นานมันก็ลงมาเปิดประตูให้ รีบยกมือไหว้ผมทันทีอย่างกับว่ารู้จักผมมาก่อน แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเป็นเพื่อนไอ้เด็กเอิร์ธ ถึงผมจะจำหน้ามันไม่ได้ก็เถอะ
“สวัสดีครับพี่ ผมตะวัน”
“อืม เอิร์ธไม่สบายหนักเหรอ ทำไมมันไม่ลงมาด้วย”
“เอ่อ.... หมอนั่นไปแล้ว”
“ห๊ะ!?”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่พอผมบอกว่าพี่จะมามันก็รีบลุกขึ้นหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ออกไปเลย” ตะวันอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผมฟังด้วยท่าทางยุ่งยากใจ ผมไม่อยากเชื่อที่มันพูดสักนิด
“ผมพูดจริงนะ ไม่ได้โกหก พวกพี่มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า ตอนเอิร์ธได้ยินชื่อพี่ มันหน้าซีดสุดๆ”
คำพูดตะวันทำผมชะงัก
“หรือว่าพี่ทำอะไรเพื่อนผม เพราะเมื่อวานมันห้ามพี่ไม่ให้มีเรื่องในผับ”
“เปล่า กูไม่ได้ทำอะไร” ผมตอบเสียงเบา ภาพตอนตื่นนอนพัดวูบเข้ามาในหัวอีกแล้ว พอคิดเรื่องไอ้เอิร์ธทำไมผมต้องนึกถึงภาพนั้นทุกทีวะ ผมกะพริบตาไล่ความคิดฟุ้งซ่านในหัวทิ้ง จ้องหน้าตะวันด้วยสายตาจริงจัง
“อ๋อ เมื่อคืนกูเมามาก จำอะไรไม่ได้ แล้วเพื่อนมึงมีบาดแผลตรงไหนหรือเปล่า”
“เอ่อ... ไม่นะครับ หน้ามันไม่มีร่องรอยว่าโดนทำร้ายอะไร ก็แค่ซีดๆ เหมือนคนไม่สบายแค่นั้น แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือมันหอบกระเป๋ามาแล้วบอกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ ผมถึงถามไงว่าพี่ทำอะไรให้มันไม่พอใจไหม พี่บอกว่าเมาพี่ได้พูดอะไรที่รุนแรงกับมันหรือเปล่า อย่างไล่มันออกจากบ้านไรงี้”
“ไม่รู้ว่ะ กูจำอะไรไม่ได้ แต่...”
“แต่?”
“เปล่าไม่มีอะไร ถ้ามันติดต่อมาก็บอกมันด้วยว่ากูเป็นห่วง”
“เอ่อ ครับ”
ผมบอกไอ้เด็กตะวันก่อนจะเดินออกมา ความจริงไม่ได้เป็นห่วงเด็กเอิร์ธมากมายอะไร ผมแค่ข้องใจน่ะ ถ้ามันจะย้ายที่อยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกเพียงแต่ทำไมมันไม่บอกไม่แจ้งผมสักคำ จู่ๆ ก็หอบกระเป๋าหอบเสื้อผ้าออกไปใครเป็นเจ้าของห้องก็ตกใจกันทั้งนั้นแหละ
อีกอย่างที่ไอ้ตะวันเดาน่ะ สมมุติว่าผมด่าเอิร์ธจริง ผมต้องด่าอะไรวะมันถึงจะโกรธขนาดที่หอบกระเป๋าออกจากห้องไปแบบนั้น
ระหว่างขับรถกลับมาที่ห้อง ผมต่อสายหาไอ้ไนท์ด้วยจิตใจที่พลุ่งพล่าน ไม่รู้สิ จู่ๆ ก็รู้สึกสงสัยเรื่องหนึ่งขึ้นมา
[เฮ้ย! มีอะไรอีกวะกันต์ กูกำลังจะเปิดร้านเนี่ย หรือมึงจะมาอีก เมาต่อกันหลายวันแล้วนะมึง]
“เปล่าวันนี้กูจะเคลียร์งาน กูแค่อยากรู้”
[อยากรู้อะไรอีก]
“เมื่อคืนมึงมาส่งกูใช่ไหม”
[ใช่! กูกับเอิร์ธช่วยกันแบกมึงขึ้นห้องเอง ทำไม]
“แล้วนอกจากมึงสองคนมีผู้หญิงหรือใครมาด้วยไหมวะ”
[เฮ้ย! หมายความว่ายังไง มึงนี่พูดแปลกๆ]
“เปล่า”
[ทำไม มีเรื่องอะไรวะ]
“ไม่มี สงสัยกูมึนเอง”
ผมวางหูทันที ยังไม่ลืมภาพตัวเองนั่งเปลือยอยู่บนเตียง ท่าทางไอ้ไนท์ก็ไม่รู้เรื่องอะไร งั้นก็คงมีแต่ไอ้เด็กเอิร์ธนั่นแหละที่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ผมสังหรณ์ใจจริงๆ ว่าที่มันหอบกระเป๋าออกจากห้องจะเกี่ยวข้องกัน
สภาพผมเมื่อเช้ามันเหมือนเพิ่งมีเซ็กส์กับใครสักคน สัมผัสเร่าร้อนยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึก คราบเลือดและผ้าปูเตียงที่ยับย่น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะทำอะไรแบบนั้นคนเดียว
- น้องเอิร์ธ -
“ตะวัน คุยกับใคร?”
ผมตื่นขึ้นมาเห็นหมอนั่นนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ แต่เหมือนจะคุยเสร็จพอดี ตะวันหันมามองพร้อมกับส่งโทรศัพท์มาให้ ผมถึงรู้ว่ามันใช้เครื่องผมอยู่
“พี่กันต์โทรมา”
“ห๊ะ!?”
“เขาบอกว่าจะมาหามึงที่นี่”
“อะไรนะ! มึงบอกอะไรกับพี่กันต์”
“ก็แค่บอกว่ามึงไม่สบาย อะไรของมึงวะ ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น”
ผมเม้มริมฝีปากแน่น ถกผ้าห่มออก พรวดพราดลุกจากเตียง เดินเอียงไปวูบหนึ่งเพราะยังหนักหัวไม่หาย คอก็แสบไปหมด หยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์เดินหุนหันมาที่ประตู ตะวันรีบปรี่เข้ามาดึงรั้งผมเอาไว้ทันควัน
“ไปไหนน่ะเอิร์ธ”
“กูไม่อยากเจอพี่กันต์”
ผมแกะมือตะวันออก หันมาเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องโดยมีสายตาของตะวันมองตามมาอย่างงงๆ
ออกมาโบกแท็กซี่หน้าหอพัก
“ไปไหนน้อง”
“เอ่อ....”
ผมนิ่งค้าง นึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดีก็เลยบอกให้คนขับวนๆ รถไปก่อน สุดท้ายก็มาลงเอยที่ผับของพี่ไนท์ได้ยังไงก็ไม่รู้ ผมจ่ายค่าโดยสารก้าวลงจากรถ มองผับที่ยังไม่เปิดด้วยสายตาว่างเปล่า
แปลกเหมือนกัน ทำไมจู่ๆ ผมต้องนึกถึงที่นี่ด้วย
ถึงแบบนั้นที่นี่ก็ไม่ได้เงียบ มีพนักงานที่เตรียมเปิดร้านเดินเข้าเดินออกทั้งในผับและร้านนั่งชิลล์ด้านนอก ผมเดินมานั่งพักที่ม้านั่งตรงทางเชื่อมระหว่างผับกับร้านนั่งชิลล์เป็นม้านั่งตัวเดียวกับเมื่อคืน
ครุ่นคิดในสิ่งที่เกิดขึ้น
ผมไม่ได้กลัวพี่กันต์ แต่ที่ผมหลบหน้าเขาเป็นเพราะผมไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำที่น่าละอาย มันทำให้ผมรู้สึกสะอิดสะเอียน ผมกับพี่กันต์เป็นผู้ชายเหมือนกัน แถมเรายังเป็นพี่น้องกันอีก... แต่เขาก็ยังทำเรื่องแบบนั้นกับผมได้ลงคอ ใช้ผมเป็นตัวแทนพี่มะปราง ไม่รู้ทำไมพอคิดถึงความจริงข้อนี้แล้วผมก็รู้สึกเจ็บเหมือนอกจะแตก
“เฮ้ย ใครมานั่งอู้ตรงนี้ ไม่ไปทำงาน... เอิร์ธ!?” ผมหันไปมองทางเสียงดุนั่น พี่ไนท์ชะงักกึก คำพูดกลืนหายไปในลำคอทันทีที่เห็นหน้าผมชัดๆ
“เอิร์ธ...” เขายังคงไม่อยากเชื่อว่าเป็นผมจริงๆ “...มาทำอะไรที่นี่ เมื่อกี้พี่เพิ่งจะคุยโทรศัพท์กับไอ้กันต์”
เสียงพี่ไนท์เงียบไปดื้อๆ แววตาคมกริบไหววาบเหมือนนึกอะไรได้
“เดี๋ยวนะ มันแปลกๆ เอิร์ธกับมันมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”
ผมหลบสายตาคมๆ ของพี่ไนท์ไปมองด้านข้าง เขาถามได้เข้าเป้ามาก ผมไม่รู้จะตอบยังไงดีด้วยซ้ำ แค่เสนอหน้ามาที่นี่ก็เหมือนจะคิดผิดแล้ว ผมมีความคิดอยากกลับบ้านขึ้นมาชั่ววูบหนึ่งแต่ผมกลัว กลัวว่าทุกคนจะรู้เรื่องที่พี่กันต์ทำกับผม ผมอายเกินกว่าจะยอมรับความจริงนั้นได้
“เอิร์ธ?”
“พี่จะช่วยผมได้ไหม”
“แล้วนายอยากให้ช่วยอะไร”
“ขอผมอยู่กับพี่ได้หรือเปล่า”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดแบบนั้นออกไป พี่ไนท์จ้องหน้าผมแล้วเงียบไปเลย