อากาศร้อนอบอ้าวจนผู้คนต่างก็เหงื่อตกไปตามๆ กัน แม้จะมีร่มไม้ปกคลุมก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย หญิงสาวรูปร่างผอมบางกำลังเดินเสิร์ฟอาหารอย่างขยันขันแข็ง ใบหน้าสะสวยเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ฟ้า เสิร์ฟโต๊ะโน้นที” เสียงเรียกของเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งจัดเตรียมอาหารเสร็จ เรียกให้เธอรีบไปเสิร์ฟอาหารต่อขณะที่กำลังยืดซับเหงื่อบนใบหน้า
“อืม” หญิงสาวตอบรับ พลันรีบเดินไปยกอาหารมาเสิร์ฟลูกค้าต่อ
เวลาล่วงเลยผ่านไปนานเกือบสองชั่วโมงกว่าลูกค้าจะเริ่มซาลงไปเมื่อใกล้ถึงเวลาปิดร้าน เท้าที่ถูกรองเท้ากัดจนแทบไม่อยากจะก้าวเดิน แต่ก็ทำไม่ได้ นอกจากต้องอดทนไว้
“ไม่มีอะไรแล้ว กลับบ้านเถอะ” เสียงของเจ้าของร้านเอ่ยบอกพนักงานทุกคนหลังจากที่ปิดร้านเสร็จเรียบร้อย
หญิงสาวบึ่งตรงมายังโรงพยาบาลเหมือนอย่างทุกวัน ห้องไอซียูมีร่างหนึ่งนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ยังไม่มีท่าทีจะฟื้น
“แม่คะ รีบตื่นมาหาฟ้านะคะ อย่าเพิ่งทิ้งฟ้าไปไหน” ร่างของมารดาที่ตกอยู่ในอาการโคม่าหลังจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ พ่อของเธอเสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น เหลือเพียงแค่แม่ของเธอที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็อยู่ในสภาพนี้
เดิมทีที่บ้านของเธอก็อยู่ในชนชั้นกลางแต่เมื่อแม่อยู่ในอาการโคม่า เธอก็ต้องยอมขายทุกอย่างเพื่อหาเงินมารักษา ทว่าไม่ว่าจะขายไปเท่าไรก็ไม่มากพอที่จะรักษาแม่ เธอจึงต้องออกไปทำงานหาเงินมารักษาและจ่ายค่าเทอมของตัวเองที่อีกไม่นานเธอก็จะเรียนจบแล้ว
แต่มันก็ไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อไม่นานมานี้ทางโรงพยาบาลบอกกับเธอว่าหากต้องการให้แม่อยู่ที่โรงพยาบาลต่อก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่ถ้าไม่ก็อาจจะต้องถอดเครื่องช่วยหายใจออกเพราะอาการของแม่ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น
แม้จะเสียค่ารักษามากเท่าไร ฟ้าก็ยอม ขอเพียงแค่สามารถรั้งแม่เอาไว้ได้ เธอก็พร้อมที่จะยอมทำทุกอย่าง
หญิงสาวเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยอาการเหม่อลอยจนไม่ทันเห็นว่ามีรถยนต์คันหนึ่งกำลังพุ่งตรงมาทางเธอ
พรึ่บ
“ว้ายยยยย” ใครคนหนึ่งพุ่งกระโจนเข้ามาผลักเธอจนล้มลงไปนอนกับพื้นแต่ตัวเธอกลับไม่ได้โดนพื้นเลย แต่กลับเป็นคนที่มาช่วยที่หลังกระแทกลงกับพื้นปูนเต็มๆ
“อยากตายหรือไง เดินออกมาไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนั้น”
“คุณทอย?” ฟ้าแปลกใจไม่น้อยที่ได้เห็นเขาที่นี่ ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเข้าหากันพลางต่อว่าเธอด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“มาทำอะไรที่นี่”
“ฟ้ามาเยี่ยมแม่ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกตามตรง เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะต้องปิดบังอยู่แล้ว แต่ก็แอบเข้าหน้ากับเขาไม่ติด หลังจากที่อีกฝ่ายเคยพูดกับเธอว่าเห็นเหตุการณ์ในคืนนั้นที่เธอจงใจจะวางยาสกาย แต่ดันทำไม่สำเร็จ
จนถึงตอนนี้เธอก็ตัดใจจากสกายไปแล้ว เพราะรู้ดีว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางหันมามองผู้หญิงอย่างเธอ อีกทั้งยังมีเจ้าของหัวใจเป็นถึงประธานบริษัทอีกต่างหาก
“แม่เธอเป็นอะไร”
“คุณจะอยากรู้ไปทำไมคะ” แทนที่หญิงสาวจะตอบดีๆ แต่เธอกลับกวนประสาทเขากลับอย่างไม่สบอารมณ์ ลำพังแค่เครียดเรื่องหาเงินก็มากพอแล้ว ยังจะต้องมาเจอเขาในวันแบบนี้อีก
“ถ้ามีปัญหาเรื่องเงิน... ฉันช่วยได้นะ”
“...” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง เมื่อได้ยินเขาพูดราวกับว่ารู้เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าไม่ได้มีปัญหาอะไร” ฟ้ารีบปฏิเสธทันควัน ก่อนจะเดินหนีออกมาจากตรงนั้น
ขณะที่คนตัวสูงมองตามแผ่นหลังที่ห่างออกไปพลันกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยอย่างให้ความสนใจ แล้วจึงกลับไปที่รถของตน
อันที่จริงเขามาเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยจึงบังเอิญมาเห็นฟ้ากำลังเดินเข้าไปที่ห้องไอซียู ก่อนจะเดินออกมาคุยกับพยาบาลด้านนอก เพราะเห็นว่าเธอมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาจึงเกิดความสงสัยและเดินเข้าไปถามโดยแสดงตัวว่าเป็นแฟนของลูกสาวคนไข้
“ผมเป็นแฟนเธอครับ มีอะไรแจ้งผมได้นะครับ”
“อ๋อ เรื่องค่ารักษาพยาบาลของแม่เธอน่ะค่ะ”
“เท่าไหร่ครับ”
“เดือนละสามแสนค่ะ” สิ้นเสียงคำบอกของพยาบาล ทอยก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวไม่มีทางหาเงินมาจ่ายได้ทุกเดือนแน่ๆ
เพราะแบบนี้เขาจึงแอบตามเธอมาและเห็นเธอยืนเหม่อลอยจนเกือบจะเดินออกมาให้รถชน แต่โชคดีที่ช่วยไว้ได้ทัน
เขาต้องการที่จะยื่นข้อเสนอให้เธอมาเป็นผู้หญิงของเขา เพราะเขาสนใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเพียงแต่เริ่มต้นกันได้ไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก
ย้อนอดีต
ผับที่เสียงดังอื้ออึง กลุ่มหนุ่มสาวมาท่องราตรีอย่างสนุกสนาน ทอยชายหนุ่มที่มาเที่ยวไม่ต่างจากคนอื่นๆ เขามากับเพื่อนสนิทชื่อพีท ทันใดสายตาของชายหนุ่มไปหยุดที่โต๊ะข้างๆที่เขากำลังเห็นหญิงสาวแซ่บซ่าหน้าตาสะสวยกำลังเทบางสิ่งลงในแก้วเหล้า เขาสังเกตจนพบว่าแก้วเหล้าใบนั้นถูกยื่นให้เพื่อนชายในกลุ่มของเธอ
เขาเฝ้าสังเกตจนกระทั่งเพื่อนของเขาเดินกลับมาแล้วบอกว่าต้องช่วยใครสักคนเหมือนจะโดนยาแล้วเพื่อนของเขาก็หายไปกับคนที่ซดเหล้าแก้วนั้นของหญิงสาวหน้าสวย เธอที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆและเขาก็รู้ว่าเธอเองก็น่าจะรู้ว่าเขามองเห็นการกระทำของเธอทุกอย่าง
บ้านสองชั้นขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่เมื่อภายในบ้านมีเพียงหญิงสาวแค่คนเดียว ทุกอย่างกลับดูเศร้าหมองลง ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ที่นี่ยังเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของพ่อแม่ลูกที่กำลังใช้เวลาว่างด้วยกันในวันหยุด บัดนี้กลับเหลือไว้เพียงความว่างเปล่าที่แสนเจ็บปวด
และอีกไม่นานบ้านหลังนี้ก็จะถูกยึดเพราะเธอเป็นคนเอามันไปจำนำเพื่อหาเงินมารักษาแม่ แต่กลับไม่สามารถหาเงินมาไถ่คืนได้ จึงต้องยอมถูกยึดไปอย่างไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้โต้แย้ง
“แม่คะ อย่าเพิ่งทิ้งฟ้าไปนะ” น้ำเสียงโศกเศร้าเอ่ยขึ้น ก่อนที่ร่างบางจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างหมดแรง อาการของแม่ไม่ดีขึ้น ความหวังก็เริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ
หรือเธอ... ควรจะยอมรับความช่วยเหลือจากเขา
แต่ใครกันจะยอมช่วยเธอฟรี การที่เขายื่นข้อเสนอขึ้นมาแบบนั้นแสดงว่าต้องการบางอย่างจากเธอด้วย
“คุณต้องการอะไรจากฉัน” เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยัดกายลุกกลับขึ้นไปบนห้องนอน พลางจ้องมองโทรศัพท์ที่เปิดเบอร์โทรของคนที่เพิ่งเจอกันที่โรงพยาบาลไว้
เปลือกตาสีไข่หลับตาพริ้มก่อนจะขยับไปมาอย่างไม่อาจข่มตาหลับได้ แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าแค่ไหน แต่เธอก็ยังคิดไม่ตกเรื่องแม่และเรื่องเรียนของตัวเอง
ตอนนี้เธอเรียนอยู่ปีสี่แล้ว ถ้าจะลาออกก็น่าเสียดาย แต่ถ้าไม่ลาออกก็จะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่ลำพังแค่เงินจากการทำงานตามร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อจะจ่ายค่าเทอมก็ยังแทบจะไม่พอเลย
หรือ... เธอควรจะโทรไปคุยกับเขาดี
ความคิดมากมายตีกันไปมาในหัวของฟ้า แทนที่จะได้พักผ่อนหลังจากเลิกงาน ก็กลายเป็นว่าต้องมานอนเครียดจนหลับไม่ลง
“แต่ถ้าเขายอมช่วย ก็ดีกว่าให้คนอื่นไม่ใช่หรือไง”
“ไม่ๆ ฉันต้องเอาตัวเข้าแลกเชียวนะ”
“แต่แม่ต้องรักษาต่อนะ...” หลังจากที่ครุ่นคิดกับคำพูดสุดท้ายของตัวเอง หญิงสาวก็ไม่รีรอที่จะรีบติดต่อหาคนปลายสาย
“ฮัลโหล” เสียงหนาทุ้มดังขึ้น
“...” หัวใจเต้นสั่นระรัว ฟ้าเม้มปากอีกครั้งพลางใช้ความคิดว่าควรจะพูดกับเขายังไงดี
“ฮัลโหลครับ” ปลายสายเอ่ยขึ้นเป็นครั้งที่สอง
“ค่ะคุณทอย”
“ฟ้า เหรอ?” ทอยยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงของคนปลายสาย พลางรอฟังอย่างตั้งใจ
“ค่ะ ฉันสนใจเรื่องที่คุณบอกกับฉันตอนที่เราเจอกันที่โรงพยาบาล” หลังจากที่รวบรวมความกล้าอยู่นาน สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจตอบตกลงหลังจากที่คิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ความบริสุทธิ์ของเธอมีค่าน้อยมากถ้าเทียบกับชีวิตของแม่
“อืม ถ้างั้นพรุ่งนี้มาเจอฉันที่ร้านกาแฟข้างบริษัท” ทอยรีบเอ่ยนัดทันที
“ค่ะ” หลังจากที่นัดกันเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยหน่าย บางทีโชคชะตาอาจจะลิขิตไว้แบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่ายังไงสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอกือการรักษาแม่ไว้ให้ได้
“พ่อคะ ช่วยให้แม่ฟื้นขึ้นมาไวๆ นะคะ”
หญิงสาวภาวนาในใจ ก่อนจะปาดน้ำตาที่ไหลคลอเบ้าทิ้ง และรีบลุกไปอาบน้ำและจัดการงานบ้านภายในบ้านคนเดียวทั้งหมด
แม้จะอ่อนแอแค่ไหน ก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจ ไม่ให้ใครรู้ เพราะไม่อย่างนั้นเธอจะกลายเป็นคนที่เรียกร้องความสนใจของคนอื่นทันที แม้กระทั่งเพื่อนสนิท ก็ห้าม...