บทนำ
นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
แสงสลัวของพระอาทิตย์ยามใกล้ลับขอบฟ้าทอผ่านไอหมอกหนา ส่องเข้ามากระทบแสงไฟจากตึกสูงตระหง่านช่วยเพิ่มความสว่างในยามพลบค่ำให้กับมหานครที่ขึ้นชื่อว่าไม่เคยหลับใหล
สองปีแล้วที่เธอมาอยู่ที่นี่
กรกานต์มองภาพเบื้องหน้าผ่านกระจกบานใหญ่ภายในห้องทำงานหรูบนชั้นสูงสุดของ “ซีลาร์ด ฟาร์มาซูติคอล แอนด์ เมดิคัล กรุ๊ป” บริษัทผลิตยาและอุปกรณ์การแพทย์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก
ดวงตากลมที่แต่งแต้มบนใบหน้าหวานของหญิงสาววัยยี่สิบสามปีไล่สำรวจมองไปรอบห้องกว้าง เก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานในเวลานี้ไร้ซึ่งเงาของผู้เป็นเจ้าของ ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างหรูหราทันสมัยด้วยเฟอร์นิเจอร์มีระดับราคาสูงลิบ เลขานุการสาวรูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางคล่องแคล่วเปิดประตูเข้ามาส่งยิ้มให้เธอ พร้อมกับแก้วชาร้อนที่นำมาวางไว้ตรงหน้า
“ท่านประธานกำลังจะประชุมเสร็จในอีกสิบนาที คุณกรกานต์กรุณารอสักครู่นะคะ” เจ้าของบุคลิกมั่นใจบอกอย่างเป็นมิตร กรกานต์พยักหน้ารับทราบแล้วยิ้มตอบให้คนมองรับรู้ได้ว่าสื่อความหมายในแบบเดียวกัน
ทว่าเมื่อประตูบานใหญ่ถูกปิดลงอีกครั้ง ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีสวยก็เผลอเม้มสนิทจนเป็นเส้นตรง หญิงสาวก้มลงมองตัวเอง
หากตอนนี้มีกระจกวางอยู่ตรงหน้า เธอคงได้เห็นผมยาวตรงเป็นธรรมชาติที่ปล่อยสยายยาวถึงกลางหลัง ใบหน้ายามปกติซึ่งไร้การเติมแต่ง ตอนนี้ถูกแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างมีสีสัน ดวงตาคู่หวานถูกกรีดแต่งให้คมเฉี่ยวดูเซ็กซี่ รับกับแก้มสีอมชมพูธรรมชาติที่ถูกปัดเพิ่มให้มีสีเข้มขึ้น เรียวปากอิ่มสีเชอร์รี่เย้ายวน นั่นยังไม่รวมชุดผ้าซีฟองเนื้อบางสายเดี่ยวสีแดงสดตัดผิวขาวละเอียดที่กำลังสวมอยู่
นี่เธอคิดถูกแล้วหรือ…
คำถามเดิมผุดขึ้นมาในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีอิทธิพลมากพอให้กรกานต์เกือบจะเปิดประตูแล้วเดินออกไปหลายต่อหลายครั้งตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ทว่าความจำเป็นกลับเป็นตัวค้านให้เธอไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
…เหตุผลที่ทำให้เธอต้องมายืนอยู่ตรงนี้
เสียงประตูบานใหญ่ถูกเปิดเข้ามา ความเงียบที่เคยปกคลุมภายในห้องถูกทำลายด้วยเสียงสะท้อนตามจังหวะฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงขาแข็งแรงลงน้ำหนักหนักแน่นสม่ำเสมอ กลิ่นไอของบุรุษเพศอบอวลอยู่ในระยะใกล้เพียงแค่หันหลัง สัญชาตญาณของเธอกำลังบอก…
กรกานต์เผลอสูดลมหายใจลึก ความประหม่าตีตื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวพยายามรวบรวมสติทบทวนทุกสิ่งที่เคยเตรียมการและเรียนรู้มาทั้งหมด แผ่นหลังเปลือยเปล่ากว่าครึ่งขยับยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เสียงฝีเท้าหยุดลง พร้อมกับการรับรู้ว่ามีคนมายืนอยู่ตรงหน้า
ดวงตากลมไล่มองตั้งแต่รองเท้ามันปลาบ ขายาวภายใต้กางเกงสีเทาเข้ม เลื่อนขึ้นมาถึงมือข้างหนึ่งของเขาที่สอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงของชุดสูทคัตติ้งเนี้ยบ ดูเรียบหรูแต่แฝงด้วยกลิ่นอายความลึกลับอันตรายบางอย่างที่หญิงสาวไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเอง
แอนดริว ครูส…
ยังไม่ทันที่กรกานต์จะเงยหน้าขึ้นไปสบกับนัยน์ตาคู่นั้น กลับเป็นเขาที่เดินมาทรุดลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้าม
“มิสปารวี” นั่นเป็นนามสกุลของเธอ เขาเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน โทนเสียงเรียบแฝงด้วยอำนาจที่เขาใช้ เรียกให้ใบหน้าสวยหวานที่ผ่านการแต่งแต้มมาอย่างดีต้องเงยขึ้นมาสบกับสายตาคม
นัยน์ตาสีฟ้าอมเทาที่มองมาอยู่ก่อนมีพลังและแรงดึงดูดมหาศาล กรกานต์ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เธอกำลังหวาดกลัว หรือเสน่ห์ร้ายกาจของผู้ชายตรงหน้าทำให้ใจแกว่ง
“สวัสดีค่ะ ดิฉันกรกานต์ ยินดีที่ได้พบกับคุณค่ะ มิสเตอร์ครูส” หญิงสาวพยายามบังคับเสียงของตัวเองให้เป็นปกติเพื่อเอ่ยทักทาย เธอเห็นเขาตอบรับเพียงแค่กระตุกยิ้มมุมปากทั้งที่ยังตีหน้าเรียบ
เป็นเสี้ยววินาทีนั้นที่แววตาของเขาทำให้เธอรู้สึกสะดุด
แต่ไม่เหมือน… คงไม่ใช่…
หญิงสาวย้ำความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวเอง ทั้งที่แววตาและท่าทางของบุรุษตรงหน้าทำให้รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาอย่างบอกไม่ถูก แต่เธอก็แน่ใจว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยรู้จักนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลและรวยติดระดับโลกอย่างแอนดริว ครูส
“รสนิยมคุณใช้ได้นะ” เป็นอีกครั้งที่เสียงเรียบของเขาเรียกเธอออกจากภวังค์ กรกานต์รู้สึกขัดเขินไม่น้อยกับสายตาที่เขาใช้มองสำรวจเธออย่างเปิดเผยไปทั่วเรือนร่าง
“เราควรจะมาเข้าเรื่องกันดีกว่านะคะ ฉันไม่อยากรบกวนเวลาอันมีค่าของคุณ” หญิงสาวพยายามปั้นเสียงให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เรียกสายตาคมนิ่งให้เลื่อนขึ้นมา เขาหรี่ตามองมาทั้งที่ส่วนอื่นบนใบหน้ายังเรียบเฉย กรกานต์รู้สึกพลาด เพราะตอนนี้จุดโฟกัสของเขาหยุดอยู่ที่ดวงตาของเธอ
“คุณคงรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขระหว่างเรา”
ถ้า “ระหว่างเรา” ที่เขาว่า หมายถึงเงื่อนไขอันได้มาซึ่งค่าจ้างสูงลิบ เธอมั่นใจว่าทำได้และไม่มีอะไรที่ยากเกินความสามารถ
“ค่ะ”
“คุณยอมรับมันได้ในทุกสิ่งทุกอย่าง” ในเวลานี้ เธอจำเป็นต้องเอาตัวรอด และไม่มีเหตุผลใดที่ต้องปฏิเสธ
“ค่ะ”
ใบหน้าคมกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ ท่าทางพยักหน้ารับของเขามาพร้อมกับร่างแกร่งที่ขยับลุกขึ้นยืนเต็มความ
สูง
ราวกับถูกคุกคาม ในยามที่เขาก้าวเข้ามาใกล้ กรกานต์ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังขยับถอย เธอรู้สึกหมดทางหนีทีไล่เมื่อมารู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็แนบชิดไปกับพนักโซฟา
หากจะลุกขึ้นยืน ก็คงไม่ทันเสียแล้ว มิสเตอร์ครูสมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เขาวางมือลงบนพนักโซฟา นั่นเท่ากับว่าสองแขนของเขากำลังกักกันเธอไว้ในระยะประชิด กลิ่นกายของบุรุษเพศที่ลอยมากระทบจมูกยามร่างสูงใหญ่โน้มตัวลงมากระซิบใกล้ๆ กำลังทำให้เธอใจสั่น
“กลัวหรือ คุณลืมไปหรือเปล่าว่าเงื่อนไขข้อสำคัญที่ผมรับคุณเข้าทำงานคืออะไร” เสียงทุ้มของเขาแหบพร่า บนใบหน้าเรียบเขาหรี่ตามองมาราวกำลังท้าทาย
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้กลัว” สายตาของเขาโลมไล้จาบจ้วง หญิงสาวใจกล้าเถียงกลับไป ทั้งที่ความรู้สึกข้างในกำลังไหวสะท้าน
“แต่คุณกำลังทำให้ผมสงสัย” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม ริมฝีปากยกขึ้นยิ้มหยันอย่างร้ายกาจ วินาทีนั้นกรกานต์รู้ว่าเขาไม่ได้ต้องการคำตอบ
“…”
ยามร่างสูงใหญ่โน้มตัวลงมาชิด คนถูกคุกคามรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าลามไปทั่วตัว เธออยากจะขยับหนีถ้าไม่ติดที่แขนข้างหนึ่งของเขาโอบรัดเอวเอาไว้ ร่างบางพยายามดิ้นรน แต่มีหรือคนอย่างเขาจะสนใจ
“และผมขอพิสูจน์”
เสียงทุ้มต่ำกระซิบชิดใบหู เร็วพอกับแขนแกร่งที่โอบรัดตัวหญิงสาวไว้อยู่แล้วที่ตวัดทั้งร่างบางเข้ามากระชับในอ้อมกอดจนทรวงอกอิ่มบดเบียดกับอกแกร่ง ริมฝีปากร้อนประกบแนบชิดบดจูบหนักหน่วงส่งผ่านความปรารถนาอันเร้าร้อนโดยไม่เปิดโอกาสให้คนที่เคยพยศใส่เขาได้มีสิทธิ์อ้าปากส่งเสียงออกมาต่อกร