บทที่ 3 ท้าพิสูจน์ (1)

1429 Words
กนกขวัญมาถึงกองถ่ายก่อนฟ้าสาง พอมาถึงก็ได้รับภาระงานจากเอกกี้ในทันที จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้ว แต่เธอยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพระเอกหนุ่มของเรื่องเลยสักนิดเดียว “พี่เอกกี้คะ วันนี้คุณกวินภพไม่มาด้วยเหรอคะ” หญิงสาวกระซิบถามชายหนุ่มหัวใจเป็นหญิงที่นั่งพักอยู่ข้างๆ “น่าจะมาถึงหลังเที่ยงไปแล้วมั้ง ได้ยินว่าช่วงเช้าไม่มีเข้าฉากนะ” เอกกี้ตอบหญิงสาวอย่างเป็นกันเอง “อ้อ” กนกขวัญพยักหน้าเข้าใจ ถึงว่ามองหาจนคอจะเคล็ดอยู่แล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงา “เดี๋ยวเราพักกินข้าวเที่ยงได้เลยนะขิม ช่วงเที่ยงน่าจะยุ่งจนไม่มีเวลาพักแน่” เอกกี้ที่เห็นว่าที่เต็นท์สวัสดิการเริ่มปลอดคนจึงให้พักได้ “ค่ะ” กนกขวัญขานรับ ก่อนเดินไปตักข้าวกองมาทาน หลังจากทานข้าวและได้นั่งพักเล่นสักพัก กองถ่ายก็ได้เวลาพักทานข้าว เธอจึงไปช่วยพี่ๆ สวัสดิการกองด้วยกันตักอาหารให้ทีมงานคนอื่นๆ เวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมง กนกขวัญที่มัวแต่ทำงานจนลืมมองหาพระเอกหนุ่มไปชั่วขณะ มารู้ตัวอีกทีก็เห็นว่ากวินภพกำลังเข้าฉากอยู่กับนางเอกสาวดาวรุ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดวงตากลมโตเป็นประกายวิบวับ เมื่อมองเห็นนักแสดงหนุ่มอยู่ไกลๆ “พี่เอกกี้! จะเอาน้ำไปให้ใครคะ” สายตาสอดส่องไปรอบๆ ตัวอย่างคนมีแผนการในหัว ร้องทักคนที่ถือถาดน้ำขึ้น “ก็เอาน้ำไปให้ทีมงานนะซิยะ ถามได้” จบประโยคของเอกกี้ ร่างบางรีบพุ่งตัวไปแย่งถาดน้ำมาถือ “อะไรของหล่อนแม่ขิม” เอกกี้ร้องแว้ดใส่ มองคนตรงหน้างงๆ “เดี๋ยวหนูทำเองค่ะ พี่เอกกี้ไปนั่งพักผ่อนดีกว่าค่ะ แดดร้อนค่ะ ผิวสวยๆ ของพี่จะไหม้เอาได้” คนปากหวานประจบสอพลอ พลางทำตาปริบๆ เอกกี้ทำหน้ากรุ้มกริ่มอย่างถูกใจแล้วพยักหน้าเป็นเชิงให้ยกถาดออกไปได้แล้ว กนกขวัญเห็นแบบนั้นก็รีบเดินเร็วๆ ในมือถือถาดน้ำไปยังจุดที่กำลังถ่ายทำอยู่ “น้ำค่ะพี่” เธอเดินแจกน้ำให้กับทีมงาน ตาจับจ้องอยู่ที่พระเอกของเรื่องที่กำลังซ้อมเข้าฉากอยู่ จนไม่ทันระวังชนเข้ากับใครบางคน “เอาๆ เดินระวังหน่อยสิจ๊ะ” “ขอโทษค่ะพี่” ร่างบางผงกศีรษะลงสองสามครั้ง ขอโทษคนที่เดินชน แม้ยังไม่รู้ว่าตัวเองเผลอไปเดินชนใครเข้า “ถ้าชุดฉันเปื้อน น้ำหน้าอย่างแกจะมีเงินรับผิดชอบไหม” เสียงหวานเอ่ยบอกเบาๆ อย่างประชดประชัน ทำหน้าหงุดหงิดแล้วเดินไปเข้าฉาก กนกขวัญเหลียวหลังมองตามนางร้ายสายหวาน แล้วเบะปาก ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ก็นะ เหมาะสมกับบทนางร้ายดี” เธอว่าจบก็ล่าถอยเดินกลับเต็นท์สวัสดิการกอง เพราะยังหาลู่ทางเข้าไปถึงตัวพระเอกหนุ่มไม่ได้ เมื่อเดินมาเข้ามาในเต็นท์ก็เห็นว่าเอกกี้กับคนอื่นๆ ยืนหัวเราะเธออยู่ “มาวันแรกก็โดนเลยนะเรา” พี่เอกกี้ร้องทักเป็นคนแรกอย่างขำๆ “ไปเดินชนใครไม่ชนนะขิม ดันไปชนเจ้าแม่ขาวีนประจำกอง” ในตอนแรกยังมึนงงกับคำพูดของเอกกี้ ทว่าประโยคถัดมาของพี่สวัสดิการกองอีกคน ทำให้เธอถึงกับร้องอ้อในใจแล้วยิ้มแหยกับพี่ๆ “เจ๊เอกกี้!” เสียงเรียกชื่อหัวหน้าทีมสวัสดิการดังขึ้น ทำให้คนอื่นๆ ต่างหันไปตามเสียงเรียก กนกขวัญพอเห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นใครก็ทำหน้าตื่นๆ ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที รีบยกถาดน้ำขึ้นบังหน้า เดินไปหลบหลังชายหนึ่งเดียวภายในเต็นท์ทันที “ว่ายังไงจ๊ะ แม่ผู้จัดการคิวทอง” เอกกี้ร้องทักคนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างสนิทสนม น้ำทิพย์หรี่ตาลง รู้สึกคุ้นๆ หน้าหนึ่งในทีมสวัสดิการ เลยก้าวเร็วๆ เข้ามาจนถึงเต็นท์ สายตาจับผิดจดจ้องไปยังคนที่หลบอยู่หลังหัวหน้าทีม “ว้าย! อะไรของหล่อนยะ!” เอกกี้ร้องลั่น ที่อยู่ๆ ก็ถูกผู้จัดการพระเอก ผลักศีรษะจนหน้าแทบคะมำไปกับพื้น “หยุด” น้ำทิพย์หันหลังกลับมายกมือชี้นิ้วใส่หน้าชายใจหญิง คนถูกตวาดรีบงับปาก กลืนเสียงลงคอแทบไม่ทัน แล้วหันกลับมาหรี่ตามองคนเอาถาดน้ำบังหน้าด้วยสายตาจับผิด “เราหน้าคุ้นๆ นะ” เธอเอ่ยขึ้น “แล้วเป็นอะไรถึงต้องเอาถาดบังหน้า เอาออกเดี๋ยวนี้” กนกขวัญกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ พูดกับตัวเองเบาๆ “ซวยแล้วไอ้ขิม ยังไม่ได้เตรียมตัวเลย” “อะไรนะ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ” ร่างบางสะดุ้งเฮือกใหญ่ ขวัญหนีดีฝ่อไปหมด ริมฝีปากบางเม้มกันแน่น ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา น้ำตาเจียนจะไหลอยู่รอมร่อ กระนั้นไม่ใช่เพราะกลัว แต่แค่ยังไม่ได้เตรียมใจมารับมือกับผู้จัดการจอมดุคนนี้ต่างหาก “อ้าวถามก็ไม่ยอมตอบ แล้วเอาถาดออกได้หรือยัง” เมื่อไม่มีหนทางไหนให้หนีแล้ว คนจนมุมจนสุดทางจึงยอมลดถาดที่บังหน้าออก แสร้งขำแห้งๆ ให้คนตรงหน้า “แฮะๆ” “นี่มันเด็กไม่เต็มบาทที่เจออยู่ลานจอดรถนี่” น้ำทิพย์ยกนิ้วชี้หน้า มีท่าทางตกใจที่เห็นหญิงสาวคนนี้อีกครั้ง “หนูเต็มบาทนะคะ” คนถูกตราหน้าว่าไม่เต็มบาทรีบสวนกลับทันควัน ทวงความถูกต้องให้ตัวเอง พลางยู่ปากและทำหน้าหงิกงอ บ่นอุบอยู่คนเดียว “ไม่ใช่คนไม่เต็มบาทสักหน่อย” “หล่อนรู้จักน้องมันด้วยเหรอยะ” เอกกี้ที่เห็นว่าเด็กในปกครองของตัวเองกำลังจะถูกผู้จัดการคิวทองกินหัว รีบเดินเข้ามาคั่นกลาง “ก็เมื่ออาทิตย์ก่อนนะสิ ยัยเด็กนี่มาพูดเพ้อเจ้ออะไรก็ไม่รู้กับวิน จนเกือบไปงานสาย” น้ำทิพย์บอกกับเอกกี้ “นี่อย่าบอกนะว่าที่มาทำงานนี้ เพราะจะแอบมาตามวินน่ะ” “ปะ...เปล่านะคะ” คนมีชนักติดหลังตอบเสียงอ่อยๆ หลุบตามองพื้นไม่กล้าสู้สายตาจับผิดของผู้จัดการสาว ขยับไปหลบหลังตัวช่วยสุดท้ายของเธอ “นี่ หล่อนอย่ามาจับผิดเด็กฉันนะยะ แล้วนี่หล่อนถ่อมาถึงที่นี่มีอะไร” เพราะรู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เอกกี้จึงกล้าที่จะต่อปากต่อคำกับผู้จัดการนักแสดง “มาขอน้ำไปให้วิน” น้ำทิพย์ละสายตาจากหญิงสาว ยื่นกระบอกน้ำที่ถือติดมือมาด้วยให้กับเอกกี้ “รอเดี๋ยว” เอกกี้เอ่ยขึ้น หันหลังกลับมาหาคนที่ยืนตัวสั่นพลางยื่นกระบอกน้ำให้ “เอาไปเติมน้ำให้หน่อย” กนกขวัญคว้ากระบอกน้ำแล้วรีบเดินไปเติมน้ำใส่กระบอก โดยมีสายตาคู่หนึ่งจ้องไม่วางตา “อย่ามาหาเรื่องเด็กฉันนะยะ” เอกกี้ออกปากปกป้อง “เจ๊ดูแลเด็กเจ๊ดีๆ นะ อย่าให้มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ วิน ไม่งั้นฉันจับส่งตำรวจจริงๆ ด้วย” หญิงสาวเดินกลับมาจึงได้ยินประโยคของผู้จัดการเต็มสองหู แต่ทำได้เพียงส่งยิ้มแบบใสซื่อไม่มีอะไรแอบแฝงเลยสักนิดเดียวพร้อมกับยื่นกระบอกน้ำคืนให้ ผู้จัดการนักแสดงหนุ่มรับกระบอกน้ำแล้วเดินกลับออกไป โดยไม่ได้พูดอะไรอีก “ฟู่!” คนตัวเกร็งมาเกือบห้านาทีเป่าลมปากออกมาอย่างโล่งอก แล้วยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันเรียงสวย เมื่อถูกเอกกี้มอง “เจ๊แกน่าจะจำผิดคนค่ะ” “ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ไปๆ เตรียมเก็บของกลับบ้าน” เอกกี้ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย แถมยังไล่ให้ไปเก็บของเตรียมตัวเลิกกอง “อ้าว จะเลิกกองแล้วเหรอคะ” “นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วแม่หนู ทำงานจนไม่ดูฟ้าดูตะวันเลยเหรอจ๊ะ” แล้วคนไม่ดูฟ้าดูตะวันต้องเงยหน้าขึ้นมองหาฟ้าหาตะวัน ‘จะมืดแล้วจริงๆ ด้วย นี่แกยังไม่ได้เริ่มทำภารกิจเลยนะไอ้ขิม’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD