บทที่ 4 น้องสาวคนเล็ก (1)

1501 Words
“คุณหลอกหนู!” กวินภพทำหน้าเหวอทันทีที่เปิดประตูห้องออกมาเห็นคนยืนทำหน้ามู่ทู่อยู่ด้วยความมึนงง “ขึ้นมาได้ไงวะ” คอนโดมิเนียมสุดหรูใจกลางเมืองในเครือวชิรจักรแห่งนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเลิศ เพราะลูกบ้านต่างล้วนแล้วแต่เป็นคนมีชื่อเสียงและเหล่าบรรดาคนมีเงิน “หนูถามคุณ ไม่ใช่ให้คุณมาถามหนูกลับ” หญิงสาวตอบสวนขึ้นทันควัน ดวงตากลมโตมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ กวินภพกลอกตามองบนแล้วลอบถอนหายใจหนักๆ เขาหลับตาลง นึกย้อนกลับไปเมื่อสองวันที่ได้นัดกับหญิงสาวตรงหน้าไว้ เขาไม่ได้ไปตามนัดจริงๆ นั่นแหละ ยอมรับเลยว่ากลัวผลที่จะตามมา สายตาเด็ดเดี่ยวของเด็กคนนี้ทำให้เกิดความกลัว จนคิดจะไม่ไปตรวจดีเอ็นเอตามสัญญา “ฉันมีธุระเลยไปไม่ได้” เขาตอบนิ่งๆ “เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยว่าเข้ามาในคอนโดฉันได้ยังไง” กนกขวัญถลึงตาใส่คนที่บอกว่ามีธุระอย่างเคืองๆ ก่อนหลบสายตาเมื่อจบประโยคหลัง ใครจะไปบอกกันเล่าว่าเธอแอบมาตีซี้กับพี่ยาม และพอพี่เขาเผลอเธอก็แอบหลบเข้ามาข้างใน แล้วแสร้งตีเนียนกับลูกบ้านคนหนึ่งว่าลืมคีย์การ์ด จึงขอให้เขาช่วยแตะบัตรให้ลิฟต์ขึ้นมายังห้องของเขาจนได้ “คุณวินอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง คุณหลอกให้หนูไปรอคุณที่โรงพยาบาลตั้งแต่เช้าจนดึก ทำแบบนี้นิสัยไม่ดีเลย รู้ตัวหรือเปล่า” “แล้วใครให้รอ” กนกขวัญมองนักแสดงหนุ่มตาขวาง เม้มริมฝีปากแน่น โกรธจนควันออกหู แต่ยังข่มอารมณ์เอาไว้ “ยังไงวันนี้คุณก็ต้องไปตรวจดีเอ็นเอกับหนู” “อือ” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น เอาไว้หลังผลตรวจออกค่อยว่ากันอีกที ในที่สุดกวินภพก็มาถึงโรงพยาบาลจนได้ โชคดีที่วันนี้เขาไม่มีคิวถ่ายละคร แต่มีอัดรายงานช่วงดึก ระหว่างนั่งรอหน้าห้องพบแพทย์ กนกขวัญเหลือบสายตามองนักแสดงหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีดำพอดีตัวสวมทับด้วยเสื้อหนังสีน้ำตาลเข้มกับกางเกงยีนแบรนด์ดัง ใบหน้าหล่อมีแว่นตาสีดำและหน้ากากผ้า แถมยังสวมหมวกแก๊ปเพื่อปิดบังใบหน้าอีกต่างหาก เธอมองอย่างไม่เข้าใจ ก็รู้นะที่ดาราแบบเขาไม่อยากเป็นข่าว ไม่อยากให้ใครรู้ แต่ว่าแต่งตัวเด่นขนาดนี้ ปิดหน้าปิดตาจัดเต็มมาโรงพยาบาล ดูไม่ค่อยเป็นจุดเด่นเลยมั้ง เธอค่อนขอดชายหนุ่มในใจ ละสายตาจากคนข้างๆ มองไปรอบๆ ตัวก็เห็นสายตาหลายสิบคู่มองมายังเธอและเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “คุณหมอเชิญข้างในค่ะ” ทว่าคนที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองก็สะดุ้งน้อยๆ เมื่อเสียงของพยาบาลสาวสวยเดินเข้ามาเรียกให้เข้าไปในห้องตรวจ ร่างสูงที่นั่งกดโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในห้อง เธอจึงต้องลุกขึ้นเดินตามหลังเขาไป “แกทำให้ฉันตกใจนะเพื่อน” พอเข้ามาในห้อง นายแพทย์หนุ่มก็พูดขึ้นอย่างเป็นกันเอง พลางลากสายตามามองที่เธออย่างสนใจ กวินภพเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามแพทย์เจ้าของห้อง “เรื่องนี้ต้องเป็นความลับ ถ้าเรื่องฉันหลุดออกไปเมื่อไร แกเตรียมตัวหาหุ้นส่วนโรงพยาบาลนี้ใหม่ได้เลย” นายแพทย์พายุหัวเราะขำ ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับคำขู่แกมบังคับของนักแสดงหนุ่มมากนัก แล้วหันกลับมาให้ความสนใจสาวน้อยที่ยืนตัวลีบอยู่ข้างหลังเพื่อน เขากวาดสายตาพิจารณาหญิงสาวคร่าวๆ พร้อมกับนึกย้อนไปถึงน้ำเสียงร้อนอกร้อนใจของนักแสดงหนุ่มเมื่อหลายวันก่อน ที่ได้โทรมาขอคำปรึกษาเรื่องสำคัญ “เชิญนั่งก่อนครับสาวน้อย พี่หมอขอคุยกับเราหน่อยสิ” กนกขวัญพยักหน้ารับแล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ นักแสดงหนุ่ม ที่เวลานี้ได้ถอดหมวกและอุปกรณ์ปิดบังใบหน้าออกแล้ว เธอนั่งฟังนายแพทย์หนุ่มอธิบายเกี่ยวกับการตรวจดีเอ็นเอ และผลการตรวจเป็นภาษาทางการแพทย์เสียส่วนใหญ่ แต่เธอจับใจความได้สั้นๆ เพียงว่า ผลการพิสูจน์ความเป็นพี่น้องมีความแม่นยำไม่มากนัก หากต้องการผลความแม่นยำที่สูงควรมีบิดาหรือมารดาที่คิดว่ามีสายเลือดเดียวกันร่วมตรวจด้วยจะดีกว่า กนกขวัญเดินตามแผ่นหลังกว้างของนักแสดงหนุ่มต้อยๆ หลังจากเข้ารับการตรวจตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว จนเดินมาถึงลานจอดรถที่ค่อนข้างปลอดคน เขาหยุดเดินแล้วหันกลับมามองเธอ ‘คิดว่าลืมกันไปแล้วซะอีก’ เธอมองเขาอย่างตำหนิ “เธอกลับเองแล้วกันนะ ฉันมีงานต้องไปทำต่อ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ กวินภพรู้สึกเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด เขาเอ่ยบอกกับหญิงสาวจบก็หมุนตัวกลับ ขาเรียวกำลังก้าวเดินเข้าไปในรถสปอร์ตหรูของตัวเอง “เดี๋ยวค่ะ” ทว่าประตูรถที่กำลังจะปิดถูกขืนเอาไว้เสียก่อน เขามองเจ้าของดวงตากลมโตอีกครั้ง “หนูยังยืนยันคำเดิมนะคะคุณวิน หนูไม่ได้อยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณ เพียงแต่หนูต้องการความช่วยเหลือจากคุณเท่านั้น” กวินภพถอนหายใจอีกครั้ง “แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ” “ขอให้ผลตรวจออกมาก่อนได้ไหมคะ ถ้าผลออกมาว่าหนูเป็นน้องสาวของคุณวิน หนูจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณฟัง แต่ถ้า...” กนกขวัญเงียบเสียงลง จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มอย่างต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง แล้วเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบาอีกครั้ง “ถ้าไม่ใช่ หนูจะไม่มายุ่งกับคุณอีก” เธอไม่ได้ต้องการดึงใครมาเข้ามามีส่วนร่วมกับปัญหาของเธอ เพียงแค่อย่างน้อยถ้าเขาเป็นพี่น้องกับเธอจริง การขอความช่วยเหลือจากพี่ชายตัวเองคงไม่แปลกใช่ไหม เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ จึงจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ พูดจบก็เดินจากไป ได้แต่หวังว่าเขาจะเข้าใจในเจตนาของเธอ กวินภพมองตามหลังหญิงสาวด้วยสายตาหลากหลายความรู้สึก มีหลายครั้งที่เขาแอบเห็นว่าเธอกำลังพยายามทำตัวเข้มแข็ง นัยน์ตาหวานดูหวาดกลัวแต่กลับเด็ดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน บางครั้งก็ทำตัวเป็นเด็กกวนประสาทจนเขาอยากจะจับมานั่งอบรมสั่งสอนอยู่หลายครั้ง เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว กว่าจะรู้ตัว ร่างบางของหญิงสาวได้เดินหายลับไปจนพ้นสายตาแล้ว จึงเปลี่ยนกลับมาตีหน้าขรึม แล้วขับรถไปยังสตูดิโอของช่องน้อยสีที่จะใช้ถ่ายทำในเย็นวันนี้ น้ำทิพย์เดินตามหลังนักแสดงหนุ่มในสังกัดที่ตัวเองดูแลอยู่ด้วยสายตาราบเรียบ เมื่อขึ้นมานั่งในรถตู้เรียบร้อยแล้ว เธอก็เริ่มเปิดประเด็น “วินเป็นอะไร สองสามวันมานี้วินไม่ค่อยมีสมาธิทำงานเลยรู้ตัวหรือเปล่า” ผู้จัดการสาวบ่นให้คนทำงานออกมาได้ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น แม้คนอื่นๆ จะมองมาว่าเขาทำดีแล้ว แต่เธอที่เห็นพัฒนาการมาตลอดตั้งแต่เข้าวงการแรกๆ จนขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการได้ มองเพียงนิดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร “ช่วงนี้เหนื่อยๆ น่ะพี่บี พรุ่งนี้ไม่มีงานแล้วใช่ไหม ผมขอปิดโทรศัพท์นะครับ ไม่รับงานด่วนใดๆ ทั้งสิ้น” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ ในขณะที่ยังหลับตาอยู่ น้ำทิพย์ไม่พูดอะไรต่อ เธอทำเพียงพยักพเยิดหน้าแล้วเลิกสนใจนักแสดงหนุ่ม คิดเอาเองว่ากวินภพคงเหนื่อยอย่างที่บอกไว้จริงๆ กวินภพหลังจากขึ้นรถตู้มาได้ก็หลับตาลงอย่างต้องการพักสายตา หลายวันมานี้เขาไม่ค่อยมีสมาธิกับการทำงานจริง และเรื่องที่กวนใจจนเกือบทำให้งานเสียก็คงหนีไม่พ้นเรื่องผลตรวจดีเอ็นเอ วันพรุ่งนี้แล้วสินะที่เขาต้องไปฟังผลตรวจ ตลอดหลายวันมานี้ เขาพยายามรวบรวมความกล้าที่จะถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับบิดา ทว่าพอได้ยินเสียงของบิดาผ่านทางโทรศัพท์ก็เปลี่ยนใจ หน้ามารดาที่เคารพรักยิ่งลอยเข้ามาในความคิด ทำให้คนเป็นลูกอย่างเขาไม่อยากเห็นมารดาเสียใจกับการกระทำที่ผ่านมาของบิดา ดังนั้นเขาจึงต้องยอมแบกรับความรู้สึกอันแสนหนักอึ้งนี้ไว้เพียงคนเดียวมาตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD