“เสือ! ทางนี้”
พยัคฆราชมองเลยศีรษะของคนที่สูงเพียงอก แล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนผลักหญิงสาวที่เซมาล้มอยู่ในอ้อมแขนออก ดวงตาสีน้ำตาลเข้มก้มลงมองไปที่หญิงสาวอย่างนึกตำหนิ
เขาถอนหายใจเบาๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย มองกลุ่มคนที่กำลังเดินตามหลังนักแสดงหนุ่มออกไป
‘มัวแต่มองดารา จนไม่ดูตาม้าตาเรือ’ เขาบริภาษคนตรงหน้าในใจ
“หนูขอโทษค่ะ” เสียงหวานกล่าวขอโทษเสียงแผ่วเบา
เขาแอบตัดสินหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าไปแล้วว่าเป็นพวกคลั่งนักแสดงจนเกินเหตุในใจ
พยัคฆราชไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเลือกที่จะเดินออกมาแล้วตรงไปหาหญิงสาวในชุดสูททันสมัยจากห้องเสื้อน้องใหม่ป้ายแดงที่กำลังเป็นที่พูดถึง และนิยมมากที่สุดในขณะนี้
“ลินมาถึงนานหรือยัง” เขาเดินมาหยุดตรงหน้าหญิงสาวที่มีอายุมากกว่าเพียงสองปี
“มาถึงสักพักแล้ว เห็นวินบอกว่ามีงานที่นี่ด้วย ลินเลยแวะมาหาน้องก่อนน่ะ”
“หึ...มันไม่กลับบ้านมากี่เดือนแล้วล่ะ” เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอ เมื่อชื่อของเพื่อนรักถูกกล่าวขึ้นในบทสนทนาด้วย
“จะสองเดือนแล้ว ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง เหมือนคนกำลังหนีความผิด”
เกวลินทำเสียงติดเคืองน้องชายที่ตอนนี้เป็นนักแสดงดังไปแล้ว ใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยวย่นหน้าเล็กน้อย แต่กลับดูน่ารักไม่หยอก ปากสวยเป็นรูปกระจับคว่ำแล้วคว่ำอีก ยามเอ่ยถึงน้องชายเพียงคนเดียวที่ไม่ค่อยมีเวลาได้กลับบ้าน จนคุณมณีรัตน์ มารดาอันเป็นที่รักยิ่งต้องเอ่ยปากขอให้เธอช่วยมาดูลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านให้หน่อย
กวินภพให้เหตุผลที่ไม่ค่อยกลับบ้านว่าต้องไปออกกองแต่เช้ามืดทุกวัน และงานอีเว้นต์ต่างๆ ที่รุมเร้าอยู่ในตอนนี้ทำให้การมาอยู่คอนโดมิเนียมย่านกลางใจเมืองเป็นอะไรที่สะดวกสบาย และใกล้ที่ทำงานที่สุด
และนั่นจึงทำให้วันนี้เธอถึงต้องลงทุนตามมาบอกน้องชายให้กลับบ้านด้วยตัวเอง แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ เมื่อพ่อซูเปอร์สตาร์อย่างกวินภพทิ้งเธอไปทำงานต่อหน้าตาเฉยเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ใช่มันแอบเอาใครไปไว้ที่คอนโดเหรอ ถึงได้ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเป็นเดือนๆ” เห็นพี่สาวคนสวยกำลังกลายร่างเป็นอาจารย์จอมเนี้ยบแล้วอดที่จะแกล้งไม่ได้
“มันใช่เรื่องมาพูดเล่นเหรอเสือ” ดวงตาสีดำสดใสเป็นประกายหรี่มองเขาอย่างดุๆ “เดี๋ยวน้องนกมาได้ยินก็เป็นเรื่องใหญ่เลยนะเสือ”
น้องนก หรือทิชากร น้องสาวคนเล็กและน้องน้อยของบ้าน
วชิรจักรที่ดูเหมือนเจ้าป่าทั้งสามอย่างสิงหราช พยัคฆราช และคเชนทร์จะหวงเอามากๆ แถมน้องสาวคนนี้ยังเป็นความหวังเดียวของเหล่าพี่ชายอย่างพวกเขาอีกด้วย
“ไม่พูดเล่นแล้วก็ได้ครับอาจารย์ลินคนสวย” พยัคฆราชยิ้มขำที่สามารถทำให้อาจารย์คนเก่ง ประจำภาคบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยชื่อดังองค์ลงได้
“หิวแล้ว ไปหาอะไรทานกันดีกว่า วันนี้เสือเลี้ยงลินเอง”
“ของมันแน่อยู่แล้วค่ะนายเสือ แหม พ่อเลี้ยงไร่ม่านฟ้ามาเองขนาดนี้ ไม่เลี้ยงข้าวพี่สาว เดี๋ยวคนเขาจะว่าเอาได้ แบบเสียหน้าแย่เลยเนาะ”
พยัคฆราชพยักหน้ารับน้อยๆ กับกิริยาดูห้าวๆ ต่างกันลิบลับกับตอนอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ของเกวลิน มุมปากหนาระบายยิ้มอีกครั้งให้กับคนตัวเล็กที่ออกแรงดึงรั้งแขนของเขาให้เดินไปยังร้านอาหารภายในห้างสรรพสินค้าด้วยกัน
อาหารที่สั่งไปก่อนหน้าเริ่มทยอยมาเสิร์ฟจนจะเต็มโต๊ะ ใบหน้าหล่อคมคายติดหวานหน่อยๆ มองหญิงสาวตรงข้ามที่กำลังง่วนอยู่กับอาหารอย่างไม่ห่วงสวย
“จริงสิ เสือกลับมาอยู่บ้านกี่วันเหรอ” เกวลินที่กำลังตักต้มยำกุ้งใส่ถ้วยของตัวเอง เงยหน้าขึ้นมาถาม
“กลับวันพรุ่งนี้”
“อ้าว ทำไมรีบกลับล่ะ คิดว่าจะอยู่นานกว่านี้เสียอีก” เสียงหวานร้องขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะชายหนุ่มเพิ่งมาถึงกรุงเทพฯ เมื่อเช้านี้เอง
“ที่ไร่ยุ่งๆ ช่วงนี้ฤดูเก็บเกี่ยวด้วย เสือไม่อยากทิ้งมานาน เดี๋ยวมีปัญหา”
พยัคฆราชตอบออกไปนิ่งๆ ช่วงนี้ผลไม้ที่ไร่มีหลายอย่างต้องรีบเก็บเกี่ยวส่งเข้าโรงงานให้ทันตามกำหนด แม้จะมีลูกน้องคนสนิทคอยดูแลให้ แต่ก็ยังไม่วางใจ หากไม่ได้เข้าไปคุมงานด้วยตัวเอง
“แล้วคุณหญิงย่าอาการเป็นยังไงบ้าง ลินว่าจะพาคุณย่ากับคุณแม่ไปเยี่ยมวันพรุ่งนี้”
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวเหยียด สบตาสาวเจ้าอย่างเหนื่อยหน่าย “อาการก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ทรงๆ ทรุดๆ ตามประสาคนแก่”
เกวลินพยักหน้ารับ ก่อนใบหน้าหวานจะมีแววขี้เล่น
“หรือเราจะยอมตามใจคุณหญิงย่าดู ไม่แน่นะ ถ้าเสือตกลงแต่งงานกับลิน ท่านอาจจะหายป่วยเป็นปลิดทิ้งเลยก็ได้” ว่าจบก็หัวเราะขำเบาๆ
พยัคฆราชกลอกตามองบน แล้วลากสายตากลับมามองคนที่กำลังหัวเราะอย่างสะใจที่สามารถแกล้งเอาคืนเขาได้
“ไม่มีทางเด็ดขาดเลย แต่งงานกับลิน เสือยอมเป็นโสดตลอดชีวิตดีกว่า”
“โฮ พูดแรงมากเลยจ้ะพ่อ ลินก็ไม่แต่งกับเสือหรอก แต่งกับคนหน้าตายแบบเสือ ทรมานไปทั้งชีวิตเลย”
จบประโยคของหญิงสาว ทั้งสองก็หัวเราะขำออกมาพร้อมกัน
เขาเป็นลูกชายคนรองของราชสกุลวชิรจักร ถึงแม้จะเป็นบุตรนอกสมรสของหม่อมหลวงชนะศึก แต่ถึงกระนั้นคุณหญิงอัปสรผู้เป็นย่า หรือแม้กระทั่งหม่อมหลวงกานธิดา ภรรยาหลวงของบิดาก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นคนนอกเลยแม้แต่น้อย
ราชสกุลวชิรจักรกับตระกูลสุทธาเทพรู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า ความตั้งใจที่จะให้ลูกทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองกัน เป็นอันต้องล่มไป เพราะทั้งวชิรจักรและสุทธาเทพได้ถือกำเนิดบุตรชายด้วยกันทั้งสองตระกูล แต่ถึงอย่างนั้นความตั้งใจเดิมของสองตระกูลยังมั่นคง
ท้ายสุดแล้วความหวังจึงมาตกที่รุ่นหลานแทน สิงหราช ทายาทอันดับหนึ่งของวชิรจักรประกาศชัดเจน ค้านหัวชนฝา ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมถูกจับคลุมถุงชนตามคำสัญญาของคนรุ่นปู่ย่าแน่ๆ
ส่วนหลานชายคนเล็กสุดของตระกูลก็ทำตัวอยู่เหนือปัญหา แต่เพราะเป็นหลานรักจึงไม่มีใครทำอะไรได้ นั่นจึงทำให้ภาระอันหนักอึ้งมาตกอยู่ที่ทายาทคนที่สองที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงอย่างพยัคฆราชแทน
‘ “ถ้าแกยังทำตัวเป็นหลานชายแสนดีของคุณหญิงย่าอยู่แบบนี้นะ แกก็เตรียมตัวอยู่แบบไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตได้เลยไอ้เสือ”
“แต่งกับคนไหนจะไม่ว่าเลย นี่แต่งกับอาจารย์แม่เลยนะเว้ย คราวนี้แหละแกเอ๊ย แกได้มีแม่อีกคนจริงๆ แน่ คิดแล้วยังสยองไม่หาย”
พยัคฆราชในวัยยี่สิบห้ามองพี่ชายต่างมารดาที่ชอบทำตัวเป็นพ่อคนที่สองของเขา กำลังอบรมสั่งสอนเรื่องคู่ชีวิตมาเกือบชั่วโมงเต็ม ตาปริบๆ
“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง”
สิงหราชไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก หากแต่ใบหน้าหล่อคล้ายกับเขา ทว่าออกไปทางหวานมากกว่าและผิวขาวกว่ามาก ยิ้มอย่างมีเลศนัย
พยัคฆราชลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รู้สึกสยดสยองทุกครั้งที่เห็นสายตาร้ายกาจ ไม่สิ ต้องบอกว่า ‘ชั่วร้าย’ ถึงจะถูก ’
นึกมาถึงตรงนี้แล้วเขายังอดรู้สึกขอโทษคุณหญิงย่าอีกครั้งไม่ได้
ไอ้สิงโตปากเปราะนั่นกุเรื่องเป็นตุเป็นตะ หาว่าเขาพยายามฆ่าตัวตาย เพราะไม่อยากแต่งงาน แถมมันยังจับเขามัดมือมัดปากไว้กับเตียงโรงพยาบาล เพื่อเล่นละครตบตาคนเป็นย่าอย่างแนบเนียน
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณมันไม่น้อยที่ทำให้เขาสามารถหลุดพ้นจากการจับคลุมถุงชนได้สำเร็จ
แม้คุณหญิงย่าจะพยายามขอร้องให้เขาแต่งงานกับเกวลินอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ถึงกับบังคับเหมือนครั้งก่อน