“…เธอ” เสียงแหบพร่าดังออกมาจากปากของคนที่อยู่ภายในห้องเดียวกันส่งผลให้ใบหน้าสะสวยหันไปมองอัตโนมัติ ตากลมเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าคนที่เธอช่วยเหลือฟื้นตัวขึ้นแล้ว ไม่ลังเลที่จะผละออกจากจอไอแพดตรงเข้าไปหาเขาทันที
“คุณเป็นไงบ้างคะ” คนถูกถามตวัดสายตาขึ้นมองเล็กน้อยก่อนตอบออกไป
“ดีขึ้นแล้ว แผลฉัน…”
“ใส่ยาฆ่าเชื้อครบตามที่แพทย์สั่งเลยค่ะ ไข้ก็ลดแล้ว คุณหิวไหม”
“หิว…”
“งั้นรอแป๊บนะคะ เดี๋ยวฉันไปหาข้าวมาให้” ใบหม่อนผละตัวออกจากคนตัวสูงอีกครั้ง เดินไปถือชามพร้อมโจ๊กที่ซื้อมาตอนเช้าแล้วกลับเข้ามาในห้องตามเดิม
“มีใครกลับมาถามหาฉันอีกไหม” ถามพร้อมกับหยุดสายตามองใบหน้าจิ้มลิ้มของคนที่กำลังเทโจ๊กจากถุง
ใบหน้าเรียวสวย หยุดสายตาคนมองได้แม้เธอจะอยู่ในลุคที่โคตรจะธรรมดาแต่ไหนก็ตาม
“ก็นอกเหนือจากวันนั้นที่มีคนมาตามหาคุณในห้องน้ำ ก็มีผู้ชายอีกสองคนมาตามหา ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่าเลยไม่ได้บอกใครว่าคุณอยู่ที่นี่”
“ฉันรักษาตัวอยู่กี่วัน”
“สามวัน” ไบรอันสบตากับคนตอบพลางมองออกไปรอบๆ ห้อง เป็นบ้านไม้ธรรมดาแค่ในห้องสะอาดหน่อย ตกแต่งดีตามประสาผู้หญิง มีเครื่องปรับอากาศเก่าๆ ไม่มีห้องน้ำในตัว
“เธออยากได้เท่าไหร่”
“คะ?”
“ที่ช่วยฉัน เธออยากได้เท่าไหร่”
“ตื่นขึ้นมาคุณก็ใช้คำนี้เลยนะ พักผ่อนให้หายก่อนเถอะค่ะ ฉันไม่ได้ช่วยใครเพื่อหวังผลประโยชน์อะไรแบบนั้น”
“…เธอชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร แล้วอยู่บ้านกับใครบ้าง” คนถูกถามถอนลมหายใจออกมาเบาๆ พลางเลื่อนชามโจ๊กไปวางข้างลำตัวของคนเจ็บ
“ชื่อใบหม่อนค่ะ อายุยี่สิบหก ฉันรับงานรีวิวสินค้าระหว่างที่กำลังหางานประจำที่เหมาะกับตัวเองอยู่”
“เธออยู่บ้านหลังนี้กับใคร”
“พ่อแม่และน้องสาว”
“แล้วผู้ชายคนนั้นที่ฉันเคยได้ยินเสียง?”
“อ๋อ พี่หมอเคน เป็นรุ่นพี่ที่เคยเรียนด้วยกันน่ะ ฉันขอให้เขามาช่วยคุณ”
“แค่พี่น้อง?” คนถูกถามพยักหน้ารับ รู้สึกเจ็บจี๊ดในใจเล็กน้อยเพราะความจริงความสัมพันธ์ของเธอและรุ่นพี่หนุ่มมันควรก้าวกระโดดมากกว่านี้ ตามประสาคนที่รู้สึกดีต่อกัน แต่ก็นั่นแหละ อย่างเธอมันไม่คู่ควร
ในขณะที่ไบรอันกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เสียงโวยวายก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน ส่งผลให้เจ้าของห้องดึงสายตากลับไปมอง
“คุณทานข้าวเลย เดี๋ยวฉันกลับเอายาแก้ปวดมาให้ เดี๋ยวฉันมา” มาเฟียหนุ่มมองความเคลื่อนไหวของคนที่เปิดปากสั่ง มองตามหลังเธอที่เดินออกจากห้องไป
“…แกค้างค่าเช่าฉันมาเดือนกว่า นี่ยังจะมีหน้ามาชี้หน้าด่าฉันอีกเหรอ”
“ก็ฉันบอกแกอยู่เนี่ยว่าจะหาให้ แกจะเคี่ยวอะไรนักหนา แกบังคับฉันเกินไปแล้วนะ!” เสียงของแม่ที่ทะเลาะกับเจ้าของบ้านเช่าซึ่งเป็นภาพที่เห็นจนชินตาส่งผลให้ใบหม่อนถอนลมหายใจออกมาหนักๆ ฝ่ามือเล็กยกขึ้นกุมขมับ เหนื่อยจะพูดแล้วจริงๆ
“ป้า หม่อนบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวหม่อนเคลียร์ให้” ใบหม่อนเข้าแทรกเพราะไม่อยากให้เรื่องราวมันบานปลายใหญ่โต
“เมื่อไหร่ล่ะนังหม่อน บอกจะจ่ายก็จ่ายมาเลย”
“นี่ป้า ป้าทำแบบนี้ เอาจริงๆ คือป้าอยากไล่พวกเราออกจากบ้านเพื่อปล่อยให้คนอื่นมาเช่าต่อ หวังกินเงินมัดจำแค่นั้นใช่ไหมล่ะ” ใบพลูเถียงกลับ ปากไม่แผ่ว ยิ่งร้ายมาก็จะร้ายกลับให้ดู
“แหมอีนังใบพลู เก่งจริงมึงก็หาเงินมาจ่ายช่วยพี่มึงสิ ปล่อยให้นังหม่อนมันหาเงินงกๆ มึงน่ะมันเก่งแต่ปาก”
“อย่ามาด่าลูกกูนะเว้ย”
“พอแล้วได้ไหม หม่อนขอร้อง เลิกทะเลาะกันแบบนี้สักทีได้ไหม แม่… พอแล้ว” คนเป็นแม่หน้างอใส่เมื่อลูกสาวคนโตไม่ยอมเข้าข้าง
“ถ้าแกอยากจบแกก็หาเงินมาจ่าย ถ้าหาไม่ได้ก็พาพ่อแม่พี่น้องแกออกจากบ้านฉันไป”
“ไม่ไปโว้ย! ก็บอกว่าจะจ่าย รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็ต้องรอ!” เสียงของแม่ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เป็นภาพเดิมๆ ที่เห็นจนชินตา เหนื่อยเกินกว่าจะพูด เบื่อจนไม่รู้จะพูดยังไง
“นังหม่อน แกอ่ะก็มีผัวเป็นหมอไม่ใช่เหรอ ขอเงินมันสิ อ้อลืมไป บ้านนั้นเขาไม่ต้อนรับคนที่ฐานะต่ำต้อยกว่า วาสนาแกเลยไม่ถึงเขานี่หว่า”
“อย่ามาว่าลูกกูนะเว้ย” ใบหม่อนคอตก ถอยกลับเมื่อรู้แล้วว่าเสียเวลาที่จะคุยต่อ ก็คนมันลำบาก ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดิ้นรน แต่พยายามยังไงมันก็ไม่พอแค่นั้นเอง
กลับเข้ามาในห้อง ร่างบางจำต้องชะงักเมื่อคนเจ็บที่เธอรักษามาหลายวันลุกจากเตียงแล้ว และกำลังมองผ่านหน้าต่างลงไปยังชั้นล่าง แปลว่าเขาเห็นทุกอย่างหมดแล้ว
“บ้านฉันก็เป็นแบบนี้แหละ คุณอย่าสนใจเลยค่ะ คุณไม่ทานข้าวเหรอคะ”
“ฉันจะกลับแล้ว ขอยืมโทรศัพท์หน่อย”
“อ๋อ ได้ค่ะ” คนตัวเล็กเดินไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะยื่นมันให้เขา มาเฟียหนุ่มรับมาถือเอาไว้ก่อนจะมองสบตากันตรงๆ
“เธอไปกับฉันไหม”
“อะไรนะคะ?”
“ลำบากไม่ใช่เหรอ กำลังหางานอยู่ไม่ใช่หรือไง”
“คุณมีงานให้ฉันทำเหรอคะ?” คนถามทำตาโต ดูจากทรงเขาแล้ว รู้เลยว่าไม่ได้มีดีแค่หล่ออย่างเดียว เสื้อผ้าตัวที่เขาใส่มานั่นน่ะแบรนด์เนมทั้งนั้น
“ใช่ ฉันมีงานให้เธอทำ คืนบ้านสัปปะรังเคให้มนุษย์ป้าไปซะ ฉันมีที่ให้ครอบครัวเธออยู่ ถ้าเธอรับงานของฉัน”
“งานอะไรเหรอคะ”
“มาเป็นผู้หญิงของฉันหนึ่งปี ฉันจะให้เธออยู่กับฉันในฐานะคู่หมั้น แล้วฉันจะตอบแทนเธอ”
“คุณ… สมองของคุณ ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงมาใช่ไหม” คนตัวเล็กกว่ามากๆ เขย่งปลายเท้า ถือวิสาสะใช้หลังมืออังหน้าผากของคนหล่อจนมาเฟียหนุ่มนิ่วหน้า
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา”
“การที่เธอช่วยฉัน มันทำให้ฉันเห็นว่าเธอไม่กลัวตาย แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ รู้จักวิธีเอาตัวรอด ฉันต้องการคนแบบเธอมาอยู่ข้างๆ อย่างน้อยๆ เธอก็คงช่วยฉันในสถานการณ์ที่มันฉุกเฉิยได้ ฉันให้เธออยู่ในฐานะคู่หมั้นของฉัน หนึ่งปีที่อยู่กับฉัน ชีวิตของเธอและครอบครัวจะสุขสบาย”
“คุณเป็นใครอ่ะ เราเจอกันในวันที่คุณโดนทำร้ายมา ถ้าฉันรับงานคุณ ไปเป็นคู่หมั้นคุณฉันจะโดนแบบคุณไหม ไม่ไหวนะ ตัวฉันก็เล็กแค่นี้ เอวบางนิดเดียว กระสุนทะลุตัวฉันแน่” ไบรอันกดปลายลิ้นเข้ากับมุมปาก ปรายตามองคนที่บอกว่าตัวเองตัวเล็กๆ เอวบางๆ ก่อนจะเค้นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“งั้นเธอที่อายุแค่นี้ ตัวแค่นี้ เธอฝันจะทำงานและมีเงินเดือนเดือนละเท่าไหร่?”
“ฉันเรียนเก่งนะ งานอะไรฉันก็ทำได้”
“เท่าไหร่” พอเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าอยากได้ตัวเธอไปทำงานด้วยก็เริ่มมีความหวัง
“คุณจะสู้ไหวเร้อ” ลองสบประมาทเขาเล่นๆ ไปก่อน ได้หรือไม่ได้ผลยังไงก็ค่อยว่ากัน
“เท่าไหร่”
“กันเองละกันนะ ฉันขอเดือนละห้าหมื่น คุณสู้ไหม?” ใบหม่อนมองริมฝีปากของเขาขณะลุ้นคำตอบ ฐานเงินเดือนเท่านี้มันก็เยอะแหละ แต่เขาจะเอาตัวเธอไปเป็นคู่หมั้นเลยนะ เธอต้องเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ ต้องวิ่งหนีกระสุนปืนกี่ครั้งก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าถ้าเขาสู้ไหวก็ค่อยว่ากัน อย่างน้อยๆ ก็ขอเรียกค่าฝึกฝนที่เคยวิ่งสี่คูณร้อยตอนสมัยเรียนประถมก่อนจะเปลี่ยนจากการวิ่งบนสนามมาวิ่งหนีกระสุนหน่อยละกัน
“เงียบ คุณไม่ไหวใช่ไหมล่ะ แล้วก็พูดเหมือนใจป๋า” จะว่าหงอยเลยก็ใช่ ห้าหมื่นต่อเดือนเลยนะใครจะไม่อยากได้
“ฉันให้เธอเดือนละแสนห้า เก็บเสื้อผ้าไปกับฉันวันนี้เลย”
“สะ แสนห้า! เอาใหม่ ไม่ใช่หมื่นห้านะ”
“แสนห้า จะโอนล่วงหน้าให้หนึ่งเดือน เธอต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามใครรู้ว่าเธอน่ะตัวปลอม ไม่ใช่ผู้หญิงของฉันจริงๆ”
“แน่นะ”
“แน่ และเธอก็เอาให้แน่ ระหว่างเราแค่หนึ่งปี บางทีภารกิจอาจจบเร็วกว่านั้น แค่จำให้ขึ้นใจว่าเราเกี่ยวข้องกันยังไง อย่าล้ำเส้นก็พอ”
****************
หนึ่งปีจ้า ไม่ใช่ตลอดชีวิตน้าาา~ จะมาเอะอะกอด เอะอะหอม ทำเป็นลืมว่าเคยพูดอะไรไว้นี่มันไม่ได้นะคะเฮียไบรท์ ทุกคนโปรดเป็นพยานค่ะ 😂😂