บทนำ

1397 Words
ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากจะมีชีวิตที่ดี มีคนรักที่ดี และมีความรักที่มั่นคง ฉันเองก็อยากที่จะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ใครหลายคนวาดฝัน ฉันอยากมีบ้าน ฉันอยากมีรถ ฉันอยากมีเงินสด และอยากมีความรักที่มั่นคง คนรักที่รักฉันอย่างมั่นคงเช่นกัน ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ของฉันจะมีโอกาสได้มีความรักแบบนั้นไหม เมื่อย้อนคิดดูดี ๆ ฉันตอนนี้เป็นผู้หญิงที่อยู่ในวัยสามสิบห้าปี เหมือนกับว่าฉันเองก็คงจะเคยมีความรักที่ดี และคนรักที่มั่นคง แต่ว่าความตลกในชีวิตของฉันคือฉันสูญเสียเขาไปแล้ว สูญเสียเขาไปตลอดกาล… ในตอนนั้นฉันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสอง ส่วนเขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสามเป็นรุ่นพี่ของฉันเพียงแค่ปีเดียว ฉันไม่ได้เป็นน้องรหัสของเขา อันที่จริงเส้นทางความรักของเราไม่ควรจะมาเกี่ยวข้องกันเลย แต่เพราะว่าฟ้าอาจจะเห็นว่าฉันยังลำบากไม่มากพอเลยส่งเขามาให้ฉันล่ะมั้ง ให้ฉันได้เรียนรู้ความรักที่เรียบง่าย ให้ฉันได้เรียนรู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร ก่อนจะปล่อยฉันให้ตกลงไปที่เหวลึกจนฉันแทบจะปีนขึ้นมาไม่ได้ถ้าไม่ได้รับการบำบัด ในตอนนั้นฉันกำลังนั่งอยู่ที่คาเฟ่ของมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะได้ขอยืมใช้ wi-fi ของทางคาเฟ่ บ้านฉันไม่ได้รวยแถมพ่อก็เป็นคนขับรถแท็กซี่ที่มีหนี้เป็นโขยง อีกทั้งแม่ของฉันก็เพิ่งเสียไปได้ไม่นาน ฉันคิดว่าฉันจะต้องหางานพาร์ตไทม์ทำเพื่อมีชีวิตรอดในแต่ละวัน ทั้งค่าเทอมที่พ่อไม่สามารถส่งฉันเรียนได้ และค่าใช้จ่ายรายวันที่ฉันต้องรับผิดชอบเอง ฉันตัดสินใจออกมาจากห้องเช่าเล็ก ๆ เพราะฉันไม่มีบ้าน และเช่าอะพาร์ตเมนต์อยู่ซึ่งเป็นห้องขนาดเล็ก เปิดประตูเข้าไปก็เจอกับเตียงนอนขนาดห้าฟุต พัดลมเพดาน มีห้องน้ำในตัว และระเบียงแคบ ๆ ด้วยค่าเช่าที่ถูกมากสำหรับฉันเพียงแค่หนึ่งพันแปดร้อยบาทต่อเดือนเท่านั้นเอง ฉันคิดว่ามันก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของฉันหรอก ฉันได้ทำงานเป็นแคชเชียร์กะดึกของซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ตรงข้ามกับที่พักของฉัน เวลาเข้างานคำนวณดูแล้วก็โอเคอยู่แม้เวลานอนของฉันจะค่อนข้างน้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้นอน ฉันเข้างานเวลาสี่ทุ่ม และเลิกงานเวลาเจ็ดโมงเช้ารายได้ของฉันก็แค่หมื่นแปดต่อเดือนโดยแบ่งจ่ายทุกสิบห้าวัน ก็ถือว่าไม่เลว ฉันวางแผนไว้ว่าเมื่อเลิกงานแล้วฉันจะรีบไปเรียนทันที เมื่อเลิกเรียนแล้วฉันก็จะกลับมานอนถึงจะแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตามความโชคดีของฉันก็คือมีพี่ที่ทำงานที่ใจดีมาก และเอ็นดูฉันมาก “ขอโทษนะครับ พี่ขอนั่งด้วยได้ไหม” ในตอนที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ เพราะทุกอย่างก็เข้าร่องเข้ารอย และฉันก็ชินกับชีวิตแบบนี้ไปแล้ว กลับได้ยินเสียงนุ่มทุ้มของใครบางคนที่ดังขึ้นเหนือศีรษะตรงข้ามฉัน ฉันมองตรงไปตามเสียงที่ฉันได้ยินสิ่งแรกที่เห็นเป็นกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำ มีชายเสื้อเชิ้ตที่หลุดลุ่ยแต่ก็เห็นเนกไทสีกรมท่าที่ผูกอย่างไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ หรือบางทีเขาอาจจะคลายปมเนกไทออกเพราะร้อนก็ได้ ลำคอของเขาสวยทีเดียว ส่วนใบหน้าก็… “คะ?” หล่อมาก เขาหน้าใส คิ้วเข้ม จมูกเป็นสัน ปากเรียวสวยอมชมพูเหมือนผู้หญิงเลยล่ะ เขาเหมือนคุณชายรวย ๆ ที่ดูเป็นคนอบอุ่นมาก ๆ ฉันเหม่อมองใบหน้าของเขานานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเขาก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามฉันแล้ว “พอดีผมรอเพื่อนน่ะ แต่ไม่มีที่ว่างเลย” อ้อ ฉันก็คิดว่าโชคชะตาจะส่งผู้ชายหน้าตาดีแบบนี้มาให้ฉันเสียอีกที่ไหนได้เขารอเพื่อนอยู่นี่เอง งั้นฉันควรจะหลีกทางหรือเปล่า หรือยังควรนั่งตรงนี้ดี ฉันเองก็ไม่มีเพื่อนที่เรียนที่เดียวกันเลยมีแค่เพื่อนที่เรียนอยู่คนละที่ “ผมชื่อสายลมนะ คุณล่ะครับชื่ออะไร” ฉันอดไม่ได้ที่จะไม่มองกลีบปากสวยของเขาเลย เขาเป็นผู้ชายเจ้าสำอางหรือเปล่านะปากของเขาอมชมพูมากไม่เหมือนคนอื่น ๆ เลย “ฉัน ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันคิดว่าเราอาจจะไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว เลยไม่จำเป็นต้องบอกชื่อของฉันกับเขาไป ฉันลุกออกมาเลยไม่รู้ว่าจะเสียมารยาทหรือเปล่าแต่แล้วยังไงล่ะชีวิตทุกวันนี้ก็ยุ่งเหยิงมากพอแล้ว ฉันรีบกลับไปนอนที่ห้องพักของฉันดีกว่าแล้วค่อยตื่นมาแล้วแต่งตัวไปทำงาน ฉันยังคงเป็นกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเมื่อตอนที่ตื่นขึ้นมาในเวลาสองทุ่มครึ่งฉันอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงานที่เพียงแค่เดินออกจากซอยข้ามถนนก็ถึงที่ทำงานของฉันแล้วล่ะ แต่ที่ยังกังวลเพราะว่าคุณคนนั้นอาจจะไม่พอใจฉันขึ้นมาน่ะสิเพราะในเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าที่ลูกค้าค่อนข้างน้อยแล้ว ฉันจะเดินเข้าไปตามล็อกเพื่อจัดเรียงสินค้าช่วยเพื่อนร่วมงานกะดึกเหมือนกัน แต่ก็มีลูกค้าคนหนึ่งมายืนอยู่ด้านหลังของฉันเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมองถึงได้เห็นว่าเป็นผู้ชายคนที่เดินมานั่งกับฉันที่คาเฟ่ “เอ่อ” หรือว่าเขาไม่พอใจฉันกันนะที่ฉันเดินออกมาแบบนั้น “ทำงานที่นี่เหรอครับ” หรือว่าเขาแค่อยากรู้อยากเห็นเหมือนลุงข้างบ้านกัน? “คุณลูกค้าต้องการให้ช่วยเหลืออะไรหรือเปล่าคะ” ฉันเองก็ต้องพูดตามสเตปที่ได้รับการอบรมมาสิ “ทำงานที่นี่ห้ามคุยกับลูกค้าเหรอ” ฉันชักสีหน้านิดหน่อย เพราะอยู่ดี ๆ เขาก็เข้ามาคุยกับฉันแบบนี้ อ้อ เขาชื่อสายลมใช่ไหมฉันจำผิดหรือเปล่านะ “นาย… คุณไม่พอใจอะไรฉันหรือเปล่า” ขอแค่อย่าคอมเพลนฉันก็พอ ฉันต้องทำมาหากินนะแถมฉันยังเชื่อว่าฉันตั้งใจทำงานมากเลยด้วย “เหมือนผมจะรู้มาว่าคุณเป็นรุ่นน้องของผมนะ คุณเหมือนฝัน” สายตาของเขาจ้องมาที่ป้ายชื่อที่ติดอยู่ที่หน้าอกข้างซ้าย ชุดทำงานของที่นี่ค่อนข้างสวยเลยเพราะเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวมีโบผูกที่คอด้วย และยังเป็นกระโปรงที่ให้ใส่ตามสีเช่นวันจันทร์ พุธ ศุกร์ใส่สีชมพู วันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ใส่สีม่วง ฉันโชคดีเป็นบ้าที่ได้หยุดวันอาทิตย์ด้วย “เรียกพี่ลมสิ” “ทำไมฉันต้องเรียกแบบนั้นด้วย” คนคนนี้แปลก ๆ หรือว่าเขาเป็นโรคจิตกันแน่ “ดื้อเหมือนกันนะเนี่ย เลิกงานกี่โมงเหรอ” “แล้วจะรู้ไปทำไมคะ” ฉันเห็นพี่เขายิ้ม และเพิ่งเห็นว่าพี่เขามีลักยิ้มที่ข้างซ้ายด้วย อ่า... น่ารักชะมัดเลย “พี่อยากรู้จักเราน่ะ ถ้าไม่บอกไม่เป็นไรครับ พี่รอเราเลิกงานก็ได้” ให้ตายเถอะ ฉันคิดว่าฉันเกลียดลักยิ้มของเขานะ แต่ตอนนี้ยิ่งกว่าความเกลียดฉันรู้สึกว่าหน้าฉันกำลังร้อน ๆ ยังไงไม่รู้ “จะ เจ็ดโมงค่ะ” “โอเค พี่ขอเบอร์เราหน่อยสิ” “ไม่ได้ค่ะ” เขาขมวดคิ้วราวกับว่ากำลังสงสัย แต่ยังคงจ้องหน้าของฉันไม่เลิกราวกับว่าถ้าไม่ได้คำตอบเขาก็จะไม่ไปไหน “ฝันกำลังทำงานอยู่นะคะ” “อ้อ งั้นเดี๋ยวเจ็ดโมงเจอกันนะ” เขาพูดไว้แค่นั้นสีหน้าแสดงออกถึงความเข้าใจก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับขนมสองสามชิ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD