“ป้าไม่มีที่ไป ป้าขอมาอาศัยอยู่ด้วยนะ ฝันก็ยังไม่ได้คืนห้องไม่ใช่เหรอ” ผ่านมาได้สามสัปดาห์ความวุ่นวายในชีวิตครั้งใหม่ของฉันก็เกิดขึ้น ป้าของฉันหนีหนี้มาหาฉันกะทันหันแล้วบอกว่าจะมาขออาศัยอยู่ด้วย
“ฝันไม่ค่อยได้อยู่ค่ะ ตอนนี้กำลังรอเงินประกันคืน” ฉันพยายามพูดบ่ายเบี่ยงเพราะไม่อยากให้ป้ามาอยู่ด้วย
“ป้าไม่มีที่ไปจริง ๆ ฝันเห็นแก่ป้าเถอะนะ ป้าขออาศัยอยู่ด้วยไม่นาน ค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ป้าจะจ่ายเองทั้งหมด ไม่รบกวนฝันหรอกลูก” ป้ามาหาฉันที่ทำงาน เพราะช่วงหลังมานี้ฉันไม่ค่อยได้ติดต่อใครสักเท่าไหร่แต่ความโชคร้ายของฉันก็คือ ญาติฉันรู้หมดว่าฉันทำงานที่ไหน พักเวลาไหน ทำให้ทุกคนที่ไม่สามารถติดต่อฉันได้ทางโทรศัพท์มือถือ มาดักรอฉันที่ทำงานกันเป็นว่าเล่น ส่วนข้อเสียของฉันน่าจะเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร และหลอกง่าย หรือให้เรียกง่าย ๆ ว่า โง่ นั่นเอง
ป้าของฉันมีลูกชายอยู่สามคนทุกคนล้วนมีครอบครัวกันหมดแล้ว คนโตทำงานที่โรงพยาบาล มีบ้าน มีรถยนต์ คนกลางหนีหนี้ไปทำงานที่ประเทศอเมริกากับภรรยา ส่วนคนเล็กก็เป็นโปรแกรมเมอร์ของธนาคารเบอร์ต้นของประเทศเฮงซวยนี้ แถมเพิ่งซื้อบ้านได้ และมีรถยนต์ไว้ใช้งานแต่เพราะป้ากับอดีตสามีของป้าหย่าร้างกัน ป้ามีสามีใหม่ ส่วนอดีตสามีไม่ได้มีครอบครัวใหม่ แต่ลูกชายทั้งสามคนของป้าก็เลือกที่จะเอาพ่อ ไม่เอาแม่ ลูกชายของป้าทุกคนให้เงินเดือนป้าใช้คนละหนึ่งพันห้าร้อยบาท เพราะต้องให้ทั้งพ่อ และแม่ จึงเฉลี่ยให้คนละเท่านี้ แต่ว่าเมื่อตอนที่ป้าหนีหนี้มาลูกชายคนโตกลับบอกว่าเพราะคนรักของเขาไม่ชอบแม่ เขาจึงบอกให้แม่เข้าใจ ส่วนคนกลางก็บอกว่าจะไม่กลับมาที่ประเทศนี้อีกแล้วหากยังไม่สามารถปลดหนี้ได้ และคนเล็กเลือกที่จะรับพ่อของตัวเองไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่ซึ่งก็คืออดีตสามีของป้า และขอให้ป้าเข้าใจ ป้าจึงได้วิ่งแจ้นมากดดันฉันถึงที่ทำงานด้วยเหตุผลที่ว่า…
‘เพราะฝันอยู่คนเดียว ฝันไม่มีครอบครัว’
‘ป้าแค่ขออาศัยอยู่ด้วย หนีร้อนมาพึ่งเย็นฝันช่วยไม่ได้เลยเหรอ’
สุดท้าย... คนอย่างฉัน... ก็ใจอ่อนจนได้
“เอ่อ... พี่ลมคะฝันมีความจำเป็นเลยยังไม่ได้คืนห้อง และต้องเช่าต่อ”
“...”
“คือป้าของฝันเขามีเหตุจำเป็นมาขออยู่ด้วยน่ะค่ะ”
ฉันบอกตรง ๆ ว่าฉันอายมากเลยที่ญาติ พี่น้อง ครอบครัวของฉันเป็นแบบนี้ ขณะที่ทางครอบครัวของพี่ลมเพียงแค่รับรู้ว่าเราสองคนคบหากัน และไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย
และที่ฉันเจ็บใจที่สุด คือป้าของฉันเคยทักข้อความในเฟซบุ๊กมาขอยืมเงินพี่ลมด้วย เขาไม่ได้ปริปากบอกฉันสักคำแต่เขาก็ไม่ได้ให้ป้ายืมไป ที่ฉันรู้เพราะหลังจากที่ป้าเข้ามาอยู่ในห้องเช่าเดิมของฉันป้าเหมือนจะละอายใจเลยสารภาพบอกฉันมา
หลังจากที่ป้าย้ายเข้ามาอยู่ พ่อของฉันก็เริ่มน้อยใจ และเมื่อถึงช่วงที่ครบกำหนดต้องจ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ป้าของฉันไม่มีจ่ายส่งผลให้สุดท้ายแล้วคนที่ต้องจ่ายคือฉัน มิหนำซ้ำฉันยังต้องซื้อกับข้าวตุนเอาไว้ให้ด้วยเพราะเขาไม่มีเงินซื้อกับข้าวกิน แถมฉันยังต้องให้เงินป้าใช้อีกสัปดาห์ละห้าร้อยบาท เพราะว่าป้าไม่มีงานทำ และขอเงินย่าของฉันใช้ ย่าของฉันซึ่งก็เป็นแม่ของพ่อกับป้าเป็นหมอนวดแผนโบราณอายุเจ็ดสิบห้าปี ป้าของฉันอายุห้าสิบแปดปี พ่อฉันอายุห้าสิบเจ็ดปีแต่ทั้งคู่ยังขอเงินย่าใช้อยู่เลย
ส่วนฉันก็แอบให้เงินย่าเอา และกำชับกับย่าเสมอว่าให้ย่าเอาไว้กินข้าว ซื้อของที่อยากซื้อ และไปทำบุญตามแบบที่ย่าชอบ แต่ย่าอย่าให้ใครเลยนะ แต่สุดท้ายแล้วด้วยความเป็นแม่ ย่าของฉันก็ใจอ่อนทุกครั้งที่ลูกขอเงิน ฉันเลยต้องกำชับป้าว่าห้ามขอเงินย่าแล้วฉันจะเป็นฝ่ายให้เงินป้าใช้เองในระหว่างที่อยู่กับฉัน
ส่วนฉันในตอนนี้จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ อ้อ ‘เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ’ หรือเปล่านะฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน
ฉันทนอยู่แบบนี้หลายเดือน เดี๋ยวพ่อก็รถเสีย เดี๋ยวป้าไม่มีเงิน เดี๋ยวพี่ชายยืมเงิน พี่สาวโทรมาขอยืมเงินจ่ายค่าไฟ ค่าเทอมลูก ค่าเสื้อผ้าลูกจนฉันระแวงโทรศัพท์มือถือไปเลยล่ะ
“คิดอะไรอยู่” เสียงของพี่สายลมทำให้ฉันได้สติขึ้นมาหลังจากตกอยู่ในภวังค์ความคิดไปตอนไหนก็ไม่ทราบ ฉันแค่รู้สึกว่าฉันก็อยู่ของฉันเฉย ๆ แต่ทำไมอยู่ ๆ เรื่องเดือดร้อนถึงวิ่งมาหาฉันถึงบ้านเลย เฮ้อ... ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด
“ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ”
พี่สายลมยิ้มอวดลักยิ้มที่แก้มข้างซ้ายให้ฉันได้เห็นก่อนจะวาดแขนวางไว้ที่พนักพิงของโซฟาที่บ้านราวกับว่ากำลังโอบกอดฉันอยู่ ในตอนนี้พี่เขาอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ ส่วนฉันก็เช่นกัน แต่ว่าเพราะปัญหาที่รุมเร้าฉันมากจนเกินไปทำให้ฉันไม่มีสมาธิมากพอที่จะอ่านหนังสือให้รู้เรื่อง
“มีอะไรคุยกับพี่ได้นะครับ”
เขายังคงก้มหน้าลงแล้วยิ้มให้ฉันก่อนที่ฉันจะยิ้มตอบกลับเขาไป สายตาของเขาที่กำลังจ้องมองดูฉันราวกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าฉันหลายเท่าทั้ง ๆ ที่เราอายุห่างกันเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้นเอง
“ขอบคุณนะคะ” ฉันพูดแล้วก็เอนตัวลงไปนอนหนุนที่ตักของพี่สายลม เราสองคนมักจะใช้ชีวิตที่เรียบง่าย และมีความสุขแบบนี้ นี่แหละ ความรักของเราทั้งสองคนไม่ได้หวือหวา ไม่ได้เร่าร้อน แต่เป็นความรักที่เรียบง่ายสุดแสนจะธรรมดา แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นใจราวกับว่าเรื่องราวที่หนักอึ้งที่ฉันพบเจอมามลายหายไปทันที ที่ฉันได้เจอหน้าของเซฟโซนของฉัน
ฉันพบเจอกับเรื่องแบบนี้มาตลอดกระทั่งวันถึงวันที่เราทั้งสองคนเรียนจบ พี่สายลมทำงานที่บริษัทของพ่อตัวเอง ส่วนฉันได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการ และย้ายเข้าสำนักงานใหญ่กลายเป็นพนักงานออฟฟิศแบบเต็มตัว
ป้าของฉันย้ายออกไปแล้วหลังจากที่ฉันเลิกให้เงินรายสัปดาห์กับป้าเพราะว่าฉันมารู้ทีหลังว่าเงินที่ฉันให้เพื่อเอาไว้ใช้ซื้อกับข้าวกินป้าของฉันกลับเอามาซื้ออาหารเสริมลดความอ้วน ซื้อกาแฟลดความอ้วน ซื้อยาโกรกผม ทำเล็บ และออกไปเที่ยวกับสามีใหม่ของตัวเอง
ฉันคืนห้องเรียบร้อย แม้จะกินเวลาไปหลายปีก็ตาม ฉันยังคงให้เงินย่าใช้อยู่ พ่อ พี่ชาย พี่สาวก็ยังคงยืมเงินฉันแล้วไม่คืนเหมือนเดิม แต่ที่ฉันยังสามารถทนได้อยู่จนถึงทุกวันนี้ เป็นเพราะพี่สายลมที่ถึงแม้จะทำงานอย่างหนักเพราะต้องเรียนรู้ระบบงานพ่อของตัวเองแต่เขาก็ยังคงเป็นกำลังใจ เป็นที่พักพิงใจให้ฉันได้เสมอ