chapter 7

1401 Words
พันดาวได้ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก จวบจนเขาเดินไปจนเกือบจะถึงประตู เธอถึงนึกได้ว่ามาทำอะไร “คุณแดนเหนือ!” เธอร้องเรียกเสียงดัง ตอนแรกเขาก็ไม่คิดจะหยุด แต่เพราะมันมีอะไรแปลกไป ทำให้เขาหยุดและหันมามอง แต่เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเรียก เขาก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไร เป็นพันดาวที่ต้องกระวีกระวาดไปหา “ขอโทษที่มารบกวน แต่ฉันนำของมาคืนคุณค่ะ” พันดาวพูดเสียงสั่นพร้อมกับรีบยื่นกล่องสีแดงที่อยู่ในมือให้แดนเหนือไป แต่นอกจากเขาจะไม่รับแล้ว ยังเอ่ยพูดที่ทำให้เธอถึงกับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน “ไม่ใช่ของฉัน!” คำเดียวที่ทำให้เธอเจ็บจุกในอก อยากจะร้องไห้ แต่แม้กระทั่งน้ำตาก็ยังไม่มีไหลออกมา ได้แต่ยืนตัวสั่นจนไม่รู้จะทำยังไงดี...มันตื้อไปหมด “อ๋อ...ฉันคงจะเข้าใจผิดนะเอง” พันดาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกไป เพราะตอนนี้รู้สึกเหมือนกับว่าหน้าที่ชาจนไม่รู้จะชายังไงแล้วตกลงบนพื้นและแตกละเอียดพร้อมกับเท้าของคนตรงหน้าที่เหยียบย่ำจนไม่อาจเอามาประกอบได้อย่างเดิมแล้ว “คงจะเป็นของคุณย่า...เนอะ” ทั้งที่แดนเหนือเป็นคนสวมให้เธอกับมือ แต่เขากลับบอกว่าไม่ใช่ เขาคงโดนคุณย่าบังคับอย่างที่เลี่ยงไม่ได้สินะ “ถ้าอย่างนั้นฉันขอโทษคุณแดนเหนือด้วยนะคะ...เข้าใจผิดมาตลอดเลย” พันดาวกำกล่องใส่แหวนมือไม้สั่น ใบหน้ามีรอยยิ้มแต่ไม่ใช่ดวงตาที่มันร้อนผ่าวไปเสียหมด “ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้ฉันจะนำไปคืนคุณย่าด้วยตัวเอง” เธอบอกเขาขณะเก็บเอากล่องแหวนใส่ในกระเป๋าและไม่รอให้แดนเหนือเดินจากไปเหมือนเช่นทุกครั้ง ครั้งนี้กลับเป็นเธอที่หันหลังเดินจากไปก่อนโดยไม่คิดจะร่ำลา เดินจากไปโดยไม่คิดหันกลับไปมอง ถึงน้ำตามันจะไหลออกมา แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนกับว่าบ่วงที่รัดเอาไว้เริ่มคลายออก เธอยังรับรู้ว่า ความรักที่มอบให้กับแดนเหนือมันยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่เธอจะต้องสร้างความรู้สึกใหม่...จากที่คิดว่าเมื่อรักแล้วจะต้องได้ครอบครองเป็นเจ้าของ ในเวลาผ่านไปอีกไม่นาน...ให้มันเป็นแค่การมองคนที่รักมีความสุขกับคนที่เขารัก เธอจะทำมันได้ใช่ไหม...พันดาว! ใครนะ...มาแต่เช้าเลย? หากพันดาวก็วางมือจากการจัดเก็บของที่เกี่ยวกับเขาคนนั้นลง ยกมือขึ้นกดซับน้ำตาที่คลอหน่วยตาออกไป ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูบ้านเพื่อรับแขก “หนึ่ง...มาแต่เช้าเลย” พันดาวเอ่ยทักคนที่มาหา ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อวานคงจะเป็นกุลทีป์นี่แหละที่โทรมาหาเธอแต่เธอไม่รับและยังจะกดปิดเครื่องด้วย ทำให้เพื่อนต้องเร่งรุดมาหาที่บ้านด้วยความร้อนรุ่มกลุ้มใจและเป็นห่วง “ดาว!” “โทษทีมึง เข้ามาในบ้านก่อนสิ” “ดาว!” “ตกใจอะไรนักหนา” คงเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของเธอที่ทำให้กุลทีป์ถึงกับตื่นตะลึงระคนงงงัน พันดาวส่งยิ้มให้เพื่อนที่ร้องอุทานเพราะสภาพใหม่ของตัวเอง ในเมื่อจะตัดเขาออกไปจากวงจรของชีวิต อะไรที่คิดว่าเกี่ยวกับเขา...เธอก็จะเปลี่ยนแปลงมันไปให้หมด เหมือนเธอเคยรับรู้ว่าเขาชอบผู้หญิงผมยาว ก็เลยไว้ผมยาว รักษามันเป็นอย่างดี มาตอนนี้เธอก็...เลือกที่จะหั่นผมตัวเองจนสั้นเต่อ “เป็นไงบ้างมึง ดูปราดเปรียวเปรี้ยวดีใช่ไหม” “มึง...” พันดาวยิ้มให้กับกลทีป์อ้าปากพะงาบ ๆ โดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี “กูไม่เป็นไร ในเมื่อเลือกที่จะหยุดทุกอย่าง ก็ต้องทำในสิ่งที่แตกต่างบ้างสิ” “แต่ผมมึง” “ถึงจะรักมันมากแค่ไหน แต่มันก็แค่ผมที่ตัดแล้วไม่นานก็ยาวใหม่ได้นะ กูจะได้เริ่มต้นหล่อเลี้ยงใจตัวเองให้เข้มแข็งเหมือนกับเส้นผมที่มันจะค่อย ๆ ยาวขึ้นอย่างช้า ๆ ไงมึง” พันดาวเดินนำกลทีป์เข้าไปในบ้านเลยไปในครัว เปิดประตูตู้เย็นหยิบเอาขวดน้ำมาเปิดเพื่อรินน้ำให้กับกลทีป์และตัวเองด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ถึงใจจะยังหน่วง ๆ กับความเจ็บที่มันยังไม่ได้จางหายไป ถึงจะยังคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะมีของหลายอย่างที่เป็นตัวแทนของแดนเหนืออยู่ที่เธอ แต่ก็รู้สึกว่าปลอดโปร่งโล่งกว่าเดิมอยู่ไม่น้อย “กูไม่เป็นอะไรจริง ๆ ” พันดาวบอกขณะยื่นน้ำให้กับกลทีป์พร้อมกับทรุดตัวลงใกล้ ๆ เพื่อนสนิทที่ยังคงมองเธอด้วยสายตางุนงงคาดไม่ถึง “มึงคงมาเรื่องงานที่กูให้ถามไป ตกลงว่ายังไง มีไหม” “ฮื่อ...แต่ว่ามีแค่งานที่อยู่ครัวกับงานพวกทำขนมแล้วล่ะ” “ก็ไม่เป็นไรนี่ งานหนักหน่อย แต่ถ้าไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็ได้อยู่นะ แต่ว่าเขาจะรับกูไหมล่ะ” ถึงกลทีป์จะรู้จักกับพี่เปรม...เปรมชัยที่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำงานตำแหน่งอะไรก็เถอะ “พี่เปรมบอกว่าถ้าทำ มะรืนก็เดินทางไปกับพี่เปรมได้เลย เขาจะรีบไปเตรียมงานกับพาคนที่รับไว้แล้วลงไปที่นั่น เพราะอีกไม่กี่เดือน โรงแรมก็เปิดแล้ว ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้รับแขกที่จองไว้แล้ว แต่ถ้าไม่สะดวกก็รอไปอีกสักสองสามอาทิตย์ ให้ไปพร้อมกับเจ้านายก็ได้นะ” “ไปพร้อมกับพี่เปรมเลยดีกว่ามึง ให้ไปกับเจ้านาย...เราไม่รู้จักเขา ไม่รู้ด้วยว่าเขาเป็นคนยังไง ไปด้วยกันกลัวจะอึดอัดใจเปล่า ๆ นี่กูก็เริ่มต้นเก็บข้าวของที่มันไม่จำเป็นใส่กล่องบ้างแล้ว” จากสิ่งเป็นความสุข เป็นสิ่งที่มีค่า เป็นความทรงจำที่ดีของเธอ ในตอนนี้เธอก็จะขอเก็บมันไว้เป็นเพียงแค่ความทรงจำที่จะอยู่ลึกที่สุดในความรู้สึก ให้มันค่อย ๆ กลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำที่มีความสุขยามเมื่อนึกถึง...ทีละน้อย ที่เมื่อย้อนคิดถึงจะมีเพียงรอยยิ้มเท่านั้น “บางส่วนก็คงจะต้องตัดใจ...ทิ้ง” เพียงเธอบอก...กุลทีป์ก็อ้าปากค้าง ของเหล่านี้ เดิมทีพันดาวพยายามที่จะขวนขวายเพื่อให้ได้มาอย่างสุดความสามารถ บางครั้งถึงกับเจ็บตัวเลยด้วยซ้ำ เธอเก็บรักษาข้าวของทุกชิ้น จดบันทึกลงในสมุดตลอด ของชิ้นไหนได้มาเมื่อไหร่ มีความทรงจำอะไรบ้าง แต่ตอนนี้ของบางอย่างทำให้พันดาวรู้สึกว่าเธอไม่น่าที่จะไปไขว่คว้ามันมาเลย เมื่อมันตอกย้ำความเจ็บปวดที่ทำให้เธอไม่อาจตัดใจจากแดนเหนือได้เด็ดขาด เธอก็จำต้องตัดมันออกไปจากชีวิต ก็เลยตัดใจจากมัน บางส่วนถ้าไม่วางอยู่บนพื้นก็อยู่ในถุงสีดำที่พร้อมจะระเห็จไปอยู่ในถังขยะ หรือบางชิ้น ถ้าไม่อยากให้คนอื่นเห็น ก็พยามตัดใจบอกว่าเธอควรจะเผาให้มอดไหม้...ไม่เหลือไว้ให้เห็นให้ปวดร้าวชอกช้ำใจ “ว่าแต่พี่เปรมบอกไหม ที่นั่นมีอะไรให้บ้าง ส่วนที่ไม่มี กูจะได้เตรียมไป” “เขามีห้องพักให้ อยู่กันห้องละสามถึงสี่คน แล้วก็มียูนิฟอร์มให้ เราก็เตรียมไปแค่ข้าวของส่วนตัว ไม่ต้องเยอะนะ เผื่อแกอยู่ไม่ได้” ถึงจะไม่ได้ลูกคุณหนูที่มีคนคอยรองมือรองเท้า แต่พันดาวก็ไม่เคยต้องลำบาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD