พื้นที่ของเรา

2518 Words
​ หลี่หนิงซินได้ให้กำเนิดบุตรสาว หน้าตาจิ้มลิ้ม แต่ตัวเล็กจนน่าเป็นห่วง เธอผ่านความเป็นความตายมาอย่างโดดเดี่ยวไร้เงาสามีเคียงข้าง พ่อแม่พี่น้องของสามี พอเห็นว่าเธอให้กำเนิดลูกสาวต่างก็ชิงชังแหนงหน่าย นางมู่หลีกับสามีออกอุบายขับไล่ลูกสะใภ้กับหลานที่เพิ่งเกิด ให้ออกไปใช้ชีวิตกันตามลำพังที่กระท่อมเล็กปลายทุ่ง ทั้งไม่ยอมให้หนิงซินใช้ชื่อมู่ปิงเฉิงลงในใบเกิด ว่าเป็นพ่อของเด็กน้อยเป่าเปา หลังจากนางมู่หลีได้โทรไปบอกเรื่องที่เกิดขึ้น มู่ปิงเฉิงก็บอกมารดาว่าต้องการแต่งงานใหม่กับคุณหนูหว่าน นางมู่หลีจึงปล่อยข่าวว่าหนูน้อยเป่าเปาเป็นลูกชู้ และหลี่หนิงซิเวทมนตร์ก็ตั้งท้องตอนที่สามีไปทำงานต่างเมือง แม้คนบ้านใกล้เรือนเคียงจะรู้ความจริงอยู่บ้าง แต่เรื่องก็ลุกลามยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง หลี่หนิงซินอดทนรอให้สามีกลับมาเพื่อที่เธอจะได้พูดคุยกับเขาให้รู้เรื่อง เธอยอมทำงานบ้านรับใช้คนในบ้านมู่ทุกอย่าง เพื่อขอโอกาสอยู่รอสามี จากวันเลื่อนเป็นเดือน จากเดือนเลื่อนเป็นปี จนเวลาผ่านไป 2 ปี ในที่สุดหนิงซินก็ทนพิษอาการป่วยไข้และขาดสารอาหารไม่ไหว กับข้าวที่พอหาได้เธอก็ยกให้ลูกสาวกินทั้งหมด เพราะลูกคือดวงใจของเธอ แล้วก็มาถึงคืนนี้ คืนที่หนิงซินคนเก่าจากไป แล้วหนิงซินคนใหม่ก็เข้ามาแทนที่ในร่างของเธอ "ฮึก แม่จ๋า หายปวกยึยัง เป่าเปาโอมเปี๊ยง อึก หายปวกนะแม่จ๋าคงเก่ง" (แม่จ๋าหายปวดรึยัง เป่าเปาโอมเพี้ยง หายปวดนะแม่จ๋าคนเก่ง) พอหนูน้อยเป่าเพี้ยงให้หนิงซิน ความเจ็บปวดในหัวของเธอก็ค่อย ๆ จางลง หลงเหลือแต่ความทรงจำของสองแม่ลูก ในเวลาที่คนหนึ่งเจ็บ อีกคนก็มักจะเป่าเพี้ยงราวกับว่ามีเวทมนตร์ แต่นั่นเป็นเพียงกำลังใจทั้งหมดที่มีส่งผ่านให้กันทางการกระทำ "หายแล้วลูก แม่จ๋าหายแล้ว" ร่างเล็กจ้อยถูกดึงเข้ามากอดอย่างทะนุถนอม หนิงซินทั้งเวทนาทั้งเอ็นดูในเวลาเดียวกัน ไม่รู้ว่าถ้าเธอไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ เด็กคนนี้จะเป็นยังไงบ้าง หนูน้องคงจะนั่งเฝ้าศพของผู้เป็นแม่จนกว่าจะมีคนมาเห็น ชีวิตหลังจากนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง... "หายแย้วหย๋อ ฮึก" "หายแล้วลูก ป่ะ แม่จ๋าจะทำอะไรให้หนูกิน เสร็จแล้วเราไปอาบน้ำพักผ่อนกันนะ" หนิงซินอุ้มลูกน้อยขึ้นแล้วเดินไปเอาเก้าอี้เด็กในร้านอาหารเข้ามาในครัว เพื่อให้หนูน้อยเป่าเปาได้นั่งมองดูเธอทำอาหาร ส่วนคนตัวเล็กที่อยู่ ๆ ก็ได้พบเจอกับเรื่องแปลกประหลาดก็มีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด "ที่ไหนหย๋อแม่จ๋า" (นี่ที่ไหนหรอแม่จ๋า) "โต๊ะไยหย๋อแม่จ๋า" (โต๊ะอะไรเหรอแม่จ๋า) "แม่จ๋าทำกะข้าวหย๋อ" (แม่จ๋าทำกับข้าวหรอ) "มีข้าวจิงยึป่าวแม่จ๋า" (มีข้าวจริงรึเปล่าแม่จ๋า) เสี่ยวเปาถูกจับนั่งบนเก้าอี้กินข้าวของเด็ก สายตาของหนูน้อยมองดูมารดาหยิบหม้อมาตั้งเตาที่หน้าตาแปลกประหลาด ก่อนจะเปิดตู้ที่มีไฟส่องสว่างแถมยังเย็นเฉียบ ที่สำคัญในนั้นมีอาหารมากมายเต็มไปหมด "แม่กำลังจะทำข้าวต้มให้หนูกิน แต่เป่าเปาสัญญากับแม่จ๋าได้ไหมว่าจะไม่บอกเรื่องที่นี่ให้ใครรู้เด็ดขาด เก็บไว้เป็นความลับระหว่างเราสองคน ทำได้ไหมลูก" หนิงซินพูดไปมือของเธอก็หยิบจับเครื่องปรุงเติมลงไปในหม้อข้าวต้ม พร้อมกับหยิบบล็อกโคลี่ออกมาผัดง่าย ๆ อีกหนึ่งอย่างและแถมไข่ดาวให้หนูน้อยอีก 1 ฟอง "ทะไมหย๋อแม่จ๋า อึก!" สายตาของหนูน้อยจ้องมองที่กระทะตาแทบไม่กะพริบ การที่จะได้กินไข่แต่ละฟองไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสองคนแม่ลูก หากมีอาหารเหลือจากคนบ้านใหญ่จึงจะตกมาถึงท้องของพวกเธอทั้งสอง เว้นแต่บางครั้งมีเวลา หนิงซินกับลูกมักจะไปรับจ้างชาวบ้านดายหญ้าตามท้องไร่ท้องนาเพื่อแลกอาหาร "ถ้าหนูบอกคนอื่นพวกเราจะถูกจับ ถูกทำร้าย แล้วก็ถูกแย่งสิ่งของทั้งหมดไป หนูรับปากแม่จ๋าได้ไหมลูก" "มะให้แม่จ๋าไปนะ เป่าเปากัว เป่าเปาม่ายบอก เป่าเปาสังยา" (ไม่ให้แม่จ๋าไปนะ เป่าเปากลัว เป่าเปาไม่บอก เป่าเปาสัญญา) หนูน้อยพูดไปก็น้ำตาเอ่อคลอไปด้วย จนหนิงซินต้องรีบคว้าทิชชูที่อยู่ใกล้ ๆ มาซับน้ำตา พร้อมกับกอดปลอบลูกสาวให้หายสะอื้น "ไม่ต้องร้องแล้วลูก แค่หนูไม่บอกเรื่องพวกนี้ให้ใครรู้ เท่านั้นพวกเราก็จะปลอดภัย แม่สัญญาว่าจะรีบจัดการเรื่องบ้า ๆ พวกนี้ให้เร็วที่สุด" "เป่าเปายักแม่จ๋า" ไม่นานเกินรออาหารทุกอย่างก็ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าหนูน้อย มุมปากเล็กมีน้ำสีใสไหลจนหยดติ๋งหลังจากได้เห็นอาหารที่มีทั้งเนื้อหมู และไข่ดาวฟองโต ๆ อยู่ตรงหน้า แถมยังมีเจ้าตัวสีส้ม ๆ อยู่ในจานผัดผักที่หนูน้อยไม่รู้จักอีกตั้งหลานตัว "ข้าวต้มแม่จ๋าเป่าให้เย็นแล้ว หนูตักกินเองได้รึเปล่า" หนิงซินเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนสำหรับเด็กมาสวมใส่ให้ลูกสาวจนเรียบร้อย จากนั้นเธอจึงปล่อยให้ลูกกินอาหารตรงหน้าด้วยตัวเอง ถือเป็นการฝึกฝนไปในตัว "ได้ค้า" ระหว่างที่หนูน้อยกำลังลังเลว่าจะใช้ช้อนหรือให้เจ้าตะเกียบสีหวาน หนิงซินจึงเอ่ยขึ้น "อาหารที่เป็นน้ำ ลูกควรใช้ช้อน แต่ถ้าเป็นชิ้นลูกใช้ตะเกียบได้จ้ะ ดูที่แม่จ๋าทำ เรียนรู้ไปทีละนิดนะลูก" "อื้อ" (พยักหน้า) หนูน้อยพยักหน้าหงึกหงักแล้วหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย สายตาของหนูน้อยยังคงจ้องมองคนเป็นแม่อยู่ตลอดเวลา ขณะที่หนูน้อยกำลังเคียวข้าวมีเสียงดัง แจ๊บ แจ๊บ แต่ที่แม่ของเธอทำอยู่กลับไม่มีเสียงอะไรออกมาเลย หลังจากกลืนอาหารหมด หนูน้อยเป่าเปาจึงตักข้าวคำที่สองเข้าปาก แค่ครั้งนี้หนูน้อยเลือกที่จะปิดปากให้สนิทแล้วเคี้ยวหนุบหนับอยู่ในปาก "หย่อยมากเยยแม่จ๋า" พอเห็นว่าตัวเองทำได้อย่างที่แม่จ๋าทำ มุมปากของหนูน้อยก็ยกยิ้มเบา ๆ อย่างมีความสุข ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินอาหารตรงหน้าเกือบหมด จนท้องน้อย ๆ ของเธอตอนนี้ป่องออกมาจนเห็นได้ชัด "อิ่มก็พอแล้วลูก มาแม่จ๋าจะอุ้มหนูลงจากเก้าอี้ หนูเดินดูรอบ ๆ ห้องได้ เดินเล่นเพื่อย่อยอาหาร เดี๋ยวแม่จ๋าขอล้างถ้วยแป้บนึง" "ค่า" ระหว่างที่เก็บถ้วยไปล้าง หนิงซินก็สังเกตดูหนูน้อยเป็นระยะว่าจะแอบซุกซนหรือไม่ จนเธอล้างถ้วยเสร็จก็พบว่าเป่าเปาทำเพียงแค่เดินเล่นตามที่เธอบอกเท่านั้น หรืออาจจะเป็นเพราะแปลกที่ก็ไม่รู้ได้ "เป่าเปา ขึ้นไปข้างบนกันจ้ะ 4 ทุ่มแล้ว หนูต้องนอนได้แล้วนะลูก" "บ้างไคหย๋อแม่จ๋า" (บ้านใครเหรอแม่จ๋า) "พื้นที่ของเราสองคน มีแต่เราเท่านั้นที่เข้ามาได้ เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันเก็บเป็นความลับนะลูก" พรึบ "เป่าเปายักแม่จ๋าตี้ฉุด จะมีข้าวกิงทุกวังใช่มะแม่จ๋า ความฝังยึป่าว" (เป่าเปารักแม่จ๋าที่สุด จะมีข้าวกินทุกวันใช่ไหมแม่จ๋า นี่เป็นความฝันรึเปล่า) หนูน้อยเดินเข้ามากอดแม่จ๋าที่ย่อตัวอ้าแขนรอรับเธออยู่ ก่อนจะซบที่ไหล่แล้วถามเรื่องอาหารเพราะกลัวว่าวันนี้จะเป็นเพียงแค่ความฝัน "ไม่ใช่ความฝันเหรอลูก แต่เป็นความจริงที่เราไม่ควรบอกใคร ไปกันเถอะ ยัยหนูของแม่ต้องง่วงมาแล้วแน่ ๆ" "ฮะ ฮะ แม่จ๋าของยัยหนู" สองแม่ลูกกอดกันกลมก่อนที่หนิงซินจะพาลูกน้อยเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นพื้นที่ในส่วนห้องพักของเธอ ทันทีที่เข้ามาถึงเธอก็เปิดเครื่องปรับอากาศและเปิดไฟให้ส่องสว่าง ในมิติแห่งนี้น่าทึ่งไม่น้อยที่มีน้ำไฟให้ใช้ได้ตามสะดวก "ว้าว ห้องนองใครหย๋อแม่จ๋า" (ห้องนอนใครเหรอแม่จ๋า) "ห้องนอนของเรา ไปอาบน้ำล้างตัวกันสักหน่อยนะลูก จะได้นอนสบายตัวหน่อย" "หนาวยึป่าว" (หนาวรึเปล่า) "ไม่หนาว แม่จ๋ามีน้ำอุ่น ๆ ให้หนูอาบ" หนูน้อยถูกจับถอดเสื้อผ้าจนหมดแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ทันทีที่เห็นฝักบัวบนหัวมีน้ำอุ่นพุ่งออกมา หนูน้อยก็หัวเราะชอบใจและยินยอมให้แม่จ๋าจับอาบน้ำสระผมได้ตามสบาย ขอแค่เธอได้เล่นน้ำอุ่น ๆ ก็พอ "ว้าว ฮะ ฮะ ฮะ ชอบตี้ฉุดเยยแม่จ๋า น้ำอุ่งดีมากเยย" (ชอบที่สุดเลยแม่จ๋า น้ำอุ่นดีที่สุดเลย) หนิงซินกลืนก้อนสะอึกลงคอด้วยความขมขื่น สองแม่ลูกคู่นี้ไม่เคยจะได้อาบน้ำอุ่นเลยสักครั้ง แม้จะเป็นหน้าหนาวก็ตาม แต่น้ำอุ่นที่ทุกคนในบ้านมู่ได้อาบกลับเป็นสองคนแม่ลูกคู่นี้ที่ต้มไว้รอ ไม่รู้ว่าทั้งสองอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ได้ยังไง "พอแล้วลูก สระผมถูกสบู่เสร็จแล้ว ไว้พรุ่งนี้แม่จ๋าจะหาแปรงสีฟันเตรียมไว้ให้หนู แล้วเราค่อยมาอาบน้ำที่นี่กันอีกนะ" "ได้เยยค่า จู๊ จุ๊ ที่ของเยา เกะเป็งความยับ" (ได้เลยค่า ที่ของเรา เก็บเป็นความลับ) "เป่าเปาคนเก่ง ไปกันลูก เดี๋ยวแม่จ๋าเป่าผมให้แห้ง" "เป่าผมหย๋อ ยังไงหย๋อแม่จ๋า เป่าผมเหมืองเป่าเปาม้าย" (เป่าผมหรอ ยังไงหรอแม่จ๋า เป่าผมเหมือนเป่าเปาไหม) "ไม่เหมือนจ้ะ มาใส่เสื้อผ้าก่อนเดี๋ยวก็รู้" ร่างเล็กจ้อยถูกห่อหุ้มด้วยผ้าเช็ดตัวแล้วพาไปวางลงบนเตียงใหญ่ หนิงซินรีบเช็ดตัวทาแป้งให้ลูกน้อยแล้วหยิบเสื้อยืดตัวของเธอออกมาให้เป่าเปาใส่ไปก่อน จากนั้นก็เริ่มเป่าผมให้หนูน้อย ระหว่างนั้นก็เจาะนมถั่วเหลืองให้ยัยหนูได้ดูดไปพลาง ๆ "งื้อ เป่าผมชาบายตี้ฉุด" (เป่าผมสบายที่สุด) หนูน้อยชื่นชอบกิจกรรมใหม่ที่ได้ทำไม่น้อย ผมของเธอทั้งหอมทั้งนุ่มลื่นจนมือน้อย ๆ อดไม่ได้ที่จะลูบผมของตัวเองอยู่บ่อย ๆ "แม่รู้ว่าหนูชอบ แต่เราคงทำแบบนี้บ่อย ๆ ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นอาเล็กของหนูต้องสังเกตเห็นแล้วจับตาดูพวกเราแน่ ๆ ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะเข้ามาในนี้อีกไม่ได้" "ม่ายเอานะแม่จ๋า เป่าเปามะให้ใครยู้หยอก" "จ้ะ ถึงเราจะมีเสื้อผ้าใหม่ ๆ แต่ยังไงเราก็ต้องใส่ชุดเดิมไปก่อนนะลูก เรื่องที่เหลือหนูไม่ต้องห่วง ไปนอนได้แล้วจ้ะ" "อื้อ นองกังแม่จ๋า" "หนูนอนก่อนนะ แม่จ๋าขออาบน้ำแป้บนึง ถ้าง่วงก็หลับได้เลย กอดพี่กระต่ายก็ได้นะลูก" หนูน้อยยิ้มแฉ่งเมื่อเห็นตุ๊กตากระต่าย เสี่ยวเปาไม่เคยมีโอกาสได้รีบสิ่งของดี ๆ เหล่านี้เลย แม้แต่บอกว่ารักพ่อเธอยังถูกปู่กับย่าตำหนิด่าทอจนร้องไห้ ราวกับว่าเธอไม่มีสิทธิ์รักผู้ให้กำเนิดของตัวเอง "พี่กาต่าย นองกะเป่าเปากะแม่จ๋านะ เป่าเปายกให้พี่กาต่ายเป็งเพื่องคงแยกเยย ตกยงหย๋อ ฮะ ฮะ ฮะ" (พี่กระต่าย นอนกับเป่าเปากับแม่จ๋านะ เป่าเปายกให้พี่กระต่ายเป็นเพื่อนคนแรกเลย ตกลงหรอ) หนิงซินเห็นว่าลูกน้อยอยู่ได้เธอจึงไปจัดการกับร่างกายของตัวเอง พอเข้าไปถึงห้องน้ำส่องกระจก หนิงซินพบว่าผู้หญิงตรงหน้าเหมือนเธอไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่ซูบผอมกว่าเท่านั้น ระหว่างนั้นเธอก็ครุ่นคิดว่าจะจัดการยังไงกับบ้านสกุลมู่ต่อ "ทะเบียนสมรสก็ยังไม่ได้หย่าขาด ขืนมีทรัพย์สมบัติตอนนี้บ้านนั้นคงไม่ปล่อยเราออกไปง่าย ๆ แน่ ๆ" หนิงซินเลือกที่จะชำระล้างร่างกายทั้งหมดยกเว้นแต่ผม เธอเลือกที่จะไม่สระผมเพราะรู้ว่าแชมพูที่ใช้กลิ่นค่อนข้างหอมและติดทน เธอจึงรอหาเก็บเอามะกรูดมาสระผมแบบที่ร่างนี้เคยทำจะดีกว่า ช่วงนี้เธอคงต้องเข้าไปทำงานบ้านให้ครอบครัวนั้นให้เสร็จก่อน ช่วงบ่ายพอมีเวลาว่างค่อยแอบเข้าไปหาเงินในเมือง ตอนนี้ทั้งตัวของหนิงซินเห็นมีเงินอยู่ในกางเกงของร่างเดิมเพียงแค่ 2 หยวนเท่านั้น ไม่แปลกที่เธอป่วยแทบตายก็ไม่ได้ไปหาหมอ "หลับปุ๋ยเลยเหรอลูก เธอไม่ต้องห่วงนะ ลูกของเธอฉันสัญญาว่าจะดูแลให้ดีเหมือนเป็นลูกของฉันเอง ขอบคุณเธอมากที่มอบลูกสาวที่ฉลาดและน่ารักขนาดนี้ไว้ให้ฉัน อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป" วืดดดด หนิงซินออกจากห้องน้ำมาก็พบว่าหนูน้อยนอนหลับปุ๋ยทั้งรอยยิ้ม ในแขนของยัยหนูมีพี่กระต่ายให้กอด ทันทีที่หนิงซินพูดจบก็มีลมพัดผ่านหน้าเธอ ทั้งที่มองไปรอบห้องก็ปิดสนิทมีเพียงแค่เครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่เปิดอยู่ หรือว่า..... "เธอคงได้ยินที่ฉันพูดแล้วสินะ ช่วยปกป้องฉันกับลูกด้วยนะ ขอให้คนบ้านนั้นรีบปล่อยพวกเราให้เป็นอิสระเร็ว ๆ " ​คุณยายฝากแม่ ๆ กับพี่ ๆ ช่วนกันเลี้ยงยัยหนูเป่าเปาด้วยนะคะ เอ็นดูน้องหน่อยน๊า ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD