บทที่ 4
รอยลิปสติกกับคาลาไมน์
มื้อค่ำจบลงแล้ว เป็นมื้ออาหารที่ไร้ความอร่อยมากที่สุดเท่าที่มาลุลีเคยรับประทานมา ตอนนี้เธออยู่ในห้องครัว เฝ้ามองลดาและน้าแรมเก็บข้าวของ ว่างมากเข้าก็ช่วยเช็ดจานเช็ดช้อนที่เพิ่งล้างเสร็จ
“ขึ้นข้างบนเถอะค่า เดี๋ยวลดากับน้าแรมทำกันเอง คุณลุลีไม่ต้องห่วง”
“ห่วงอะไรล่ะ เขามาจับผิดยังไม่รู้ตัวอีก” แรมจันทร์เอ่ยประชดแทรกเสียงอันเกรงอกเกรงใจของหลานสาว
มาลุลีมองค้อน “แล้วน้าแรมทำผิดอะไรหรือคะ ถ้าไม่ได้ทำผิดก็ไม่ต้องกลัว ลุลีไม่ใช่ตำรวจซะหน่อย”
แรมจันทร์บ่นขมุบขมิบ ไม่พอใจที่เจ้านายคนใหม่เข้ามาวุ่นวายในนี้ ห้องครัวน่ะ เหมือนอาณาเขตของนาง เจ้านายก็อย่าเข้ามาวุ่นวายนักเลย
“ต่อไปอะไรประหยัดได้ก็ประหยัดนะคะ ข้าวของอะไร หรือแม้แต่อาหารสดก็ซื้อเท่าที่จำเป็น กับข้าวก็อย่าทำเยอะเกินไป เอาแค่ที่พอดีคนกิน” เธอเอ่ยขึ้นพลางมองแกงหม้อใหญ่ที่ทำขึ้นโต๊ะตอนเที่ยงแล้วไม่มีคนกิน มันเหลือบูดจนต้องทิ้ง
“ถ้าทำอาหารน้อยก็ไม่พอกินสิคะคุณ”
“ถ้าไม่พอกินก็ทำเพิ่ม น้าแรมมีหน้าที่ทำกับข้าวไม่ใช่หรือคะ”
เธอโต้คืน วางจานที่เช็ดแล้วซ้อนกันเอาไว้ เสียงน้าแรมลอบถอนหายใจ คงระอาเจ้านายอย่างเธอเต็มทนแล้ว
“โอ๊ะโอ...น้องลุลีเข้ามาทำอะไรในนี้คะ เหม็นจะตาย”
เจ้าของเสียงแหลมเล็กเอ่ยถามแล้วเดินกรีดกรายเข้าครัว ในชุดนอนสุดเซ็กซี่ที่เจ้าตัวบอกว่าบังเอิญมีติดรถมา
มาลุลีมองชุดเจ้าหล่อนแล้วเลิกคิ้วสูง นางร้ายในละครนี่เตรียมตัวมาดีจริงๆ แล้วนั่นเอาอะไรมาวางที่กลางโต๊ะเตรียมอาหารล่ะ
“อ้อ...กาแฟน่ะ เก้าต้องดื่มกาแฟหลังมื้อค่ำ น้องไม่รู้ใช่ไหมคะ”
คนถูกถามยิ้มแห้งๆ “ค่ะ พอดีเพิ่งแต่งงานจดทะเบียนเมื่อวาน จะให้รู้ทุกอย่างก็คงไม่ได้ คงต้องให้คนที่เคยๆ ช่วยบอกช่วยสอน”
แพรดาวพยักหน้า ไม่รู้จะดีใจหรือเคืองใจดี ตกลงว่าถูกชมหรือถูกเหน็บก็ไม่แน่ใจนัก
“แล้วนี่...เอากาแฟไปให้กันเรียบร้อยแล้ว?” มาลุลีย้อนถามทั้งที่รู้
“ค่ะ ขอโทษนะคะที่พี่ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา พี่นึกว่าน้องลุลีอยู่กับเก้าบนห้อง ก็เลย...”
“แล้วไหนละคะ เครื่องดื่มของลุลี ขึ้นไปห้องเจ้าของบ้านทั้งที มีแต่ของของพี่เก้าหรือคะ อย่างนี้ลุลีก็น้อยใจแย่”
ยามเมื่อถูกดักทาง แพรดาวก็จนใจจะแก้ต่าง หันไปทางสองสาวต่างวัยที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพื่อหาตัวช่วย
“คุณลุลีไม่อิ่มมื้อค่ำหรือคะ จะเอาอะไร ฉันจะหยิบให้”
มาลุลียิ้มเย้ยหยันแล้วค่อยตอบน้าแรม “ไม่ค่ะ ลุลีอิ่มแล้ว อาหารบางอย่างถ้าได้กินจนอิ่มก็ไม่ต้องการอะไรมาเสริมหรอกค่ะ ไม่เหมือนคนที่อดอยาก ขนาดไม่ค่อยแสดงออกลุลียังรู้เลยว่า หิว”
“นี่เธอ...”
“คะ...ไม่เรียกน้องลุลีแล้วหรือคะ ตายละ ไม่สนุกเลย นึกว่าจะเก็บอาการนานกว่านี้หน่อย”
แพรดาวกลั้นเสียงกรี๊ดจนหน้าแดง มาลุลีร้ายกว่าที่เธอคิด คำด่าที่ไม่มีคำหยาบสักคำทำไมถึงทำให้เธอเจ็บได้นะ ยัยเด็กคนนี้ประมาทไม่ได้เลย
“ขอตัวนะคะ เดี๋ยวสามีจะรอ” พูดจบก็เดินออกมาจากห้องครัว แพรดาวตามมาติดๆ
“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งสิ อย่าเพิ่ง!”
แพรดาววิ่งมาขวางหน้ามาลุลี ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินขึ้นบันไดไป
“มีอะไรคะ”
“เมื่อกี้เธอว่าฉันเหรอ”
“แล้วคุณแพรคิดว่ายังไงละคะ”
มาลุลีย้อนถาม แพรดาวเชิดหน้าน้อยๆ คิดหาทางเอาตัวรอด
“เธอกำลังเข้าใจผิด”
คนร้อนตัวรีบแก้ต่าง มาลุลียิ้มเย็น
“ไม่ต้องทำแบบนี้หรอกนะคะ ลุลีเดาออกว่าคุณแพรรู้สึกยังไง และกำลังคิดจะทำอะไรกับครอบครัวของลุลี เซนส์มนุษย์เมียมันแรงน่ะ”
“ฉันเปล่า ฉันแค่พาลูกมาส่งที่นี่”
“รอดูต่อไปสิ อีกหน่อยคงได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวร และถ้าคิดแบบนั้นอยู่ ก็เลิกตีสองหน้าเถอะค่ะ การสู้แบบซึ่งๆ หน้ามีศักดิ์ศรีกว่าเยอะ ถ้าคิดว่าแย่งเขาคืนไปได้ละก็ เอาสิคะ มาแย่งเลย ถ้าคนของลุลีไม่หนักแน่นพอ ลุลีจะถอยเอง”
“หมายความว่าไง ฉันไม่นึกเลยว่าจะได้มาเจอผู้หญิงอย่างเธอ”
“ก็เจอแล้วไงคะ ลุลีไม่ได้เก่งกาจอะไร ลุลีแค่มองโลกในความเป็นจริง คุณแพรอยากได้คนรักเก่าคืนไป ลุลีไม่ห้ามหรอกค่ะ เพราะถ้าคุณแพรทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งเขาคืน ลุลีก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาเขาไว้เหมือนกัน”
“เฮอะ! ทำวิธีไหนล่ะ เธอกับเขาไม่ได้แต่งงานเพราะความรักสักหน่อย” โต้กลับในเรื่องที่รู้มาจากแรมจันทร์ โกมินทร์ไม่ได้รักมาลุลีสักนิด ที่แต่งงานด้วยก็เพราะมารดาร้องขอต่างหาก