ภายในรถที่กำลังแล่นด้วยความเร็วอยู่บนท้องถนนใหญ่ใจกลางเมืองหลวง ผมมองความวุ่นวายของรถราที่แล่นสวนกันไปมาผ่านกระจกรถด้วยแววตาที่ไม่ได้บอกความรู้สึกแน่ชัด ก่อนจะก้มลงมองคนตัวเล็กที่นั่งหลับอยู่บนตักของผม เธอคงเหนื่อยล้าจากการนั่งรถเข็นสเตนเลสไปทั่วห้างสรรพสินค้าตลอดเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกัน แถมยังถูกผมกลั่นแกล้งไม่ให้ได้ทานอะไรนอกจากน้ำเปล่าอีก
“หิวข้าว~” เสียงคนละเมอทำให้ผมเผลออมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะงอนิ้วชี้ไล้ปลายจมูกเชิดรั้นเล่นเบา ๆ เธอช่างน่ารักน่าเอ็นดูในยามที่หลับใหล ตื่นขึ้นมาไม่รู้แผลงฤทธิ์อะไรอีก
“คุณน้ำผึ้งเวลาหลับเหมือนเด็กเลยนะครับ” ไอ้เจแปนลูกน้องคนสนิทของผมเอ่ยขึ้น มันคงรู้แหละว่าผมเอ็นดูน้ำผึ้งอยู่ไม่น้อย ถ้าเธอทำตัวน่ารักเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ผมสนใจ เธอจะได้ทุกอย่างที่ต้องการเพียงชั่วข้ามคืน แต่การที่น้ำผึ้งทำตัวดื้อรั้นแบบนี้คงจะได้อยู่กับผมอีกนาน เพราะดูผมจะชอบปราบผู้หญิงแสนพยศซะด้วย
“พวกมึงคิดว่าเธอเหมาะไหม”
“ครับ?” เจแปนถามกลับมาสั้น ๆ ด้วยความสงสัย ลูกน้องคนอื่น ๆ ภายในรถก็เช่นกัน ทุกคนต่างรอคำตอบจากผม
“นายหญิงของพวกมึงไง เธอเหมาะสมไหม” ลูกน้องทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างไรประหลาดใจ พวกมันคงไม่คิดว่าผมจะพูดคำนี้ออกมา “ทำไมพวกมึงทำหน้าแบบนั้น เธอไม่เหมาะสมเหรอ?”
อันที่จริงผมก็คือผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่สามารถตกหลุมรักผู้หญิงเพียงแค่ข้ามวันได้หรอก แม้ว่าผมจะสนอกสนใจเธอมาก แต่คำว่า ‘รัก’ มันยังคงอีกยาวไกลสำหรับเธอ ที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ผมก็แค่อยากทำให้ลูกน้องมันตกใจเล่นเท่านั้นเอง ผมมีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว
“เปล่านะครับนาย เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่กล้าลองดีกับนาย ผมเกรงว่า...” ไอ้เจแปนดูเหมือนอึดอัดที่จะตอบ มันคงกลัวว่าน้ำผึ้งจะตายคามือผมเข้าสักวัน
“กูชอบนะ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนอวดดีกับกูขนาดนี้มาก่อน”
ผมพูดพลางลูบแก้มของเธอเบา ๆ แม้การกระทำบางอย่างของเธอจะทำให้ผมรู้สึกโมโหจนขาดสติ แต่ผมกลับรู้สึกตื่นเต้นและท้าทายในทุก ๆ วัน อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่ผมอีก เพราะผมก็อยากจะมอบบทลงโทษให้กับเธอเหมือนกัน
“ข้าว อยากกินข้าว!” คนที่เพิ่งตื่นนอนตะโกนพูดเสียงดัง ขณะที่ผมอุ้มกระเตงเธอเข้ามาภายในเพนท์เฮาส์หลังหรูหรา ผมยิ้มเยาะอย่างสะใจก่อนจะปล่อยให้เธอยืนอย่างอิสระ ก่อนจะหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องที่เดินตามหลังผมมา
“พาเธอไปพักบนห้อง”
น้ำผึ้งเบะปากคว่ำราวกับจะร้องไห้ เธอโดนผมกลั่นแกล้งมาตลอดทั้งวันจนไม่มีเรี่ยวแรงตอบโต้
กลิ่นโชยของอาหารมื้อเย็นที่ลอยละล่องมาแตะจมูกทำให้น้ำผึ้งได้แต่มองตามหลังผมที่กำลังเดินไปยังโต๊ะรับประทานอาหารอย่างอาลัยอาวรณ์ ส่วนตัวของเธอก็ถูกพาขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน
“คุณน้ำผึ้งไม่ได้มาทานข้าวด้วยหรือคะ ป้าอุตส่าห์เตรียมมือเย็นไว้สำหรับเธอด้วย”
“เธอไม่หิว” ผมบอกปัดทั้งที่สายตามองคนที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปอย่างหมดเรี่ยวแรง
“แต่ป้าได้ยินเธอตะโกนหิวมาแต่ไกล...” เจ้าของคำพูดรีบสงบเสงี่ยมถ้อยคำเมื่อโดนผมตวัดสายตามมอง
“เธอบอกเองว่าไม่หิว”
ผมหมายถึงเมื่อเช้าเธอบอกเองว่าไม่อยากทานอะไรทั้งนั้น ผมผิดหรือถ้าหากจะสนองความต้องการของเธอ เหล่าคนใช้ได้แต่มองหน้ากันด้วยความเวทนาในตัวน้ำผึ้ง ก่อนที่ผมจะยอมใจอ่อนและเอ่ยถ้อยคำที่ทุกคนต้องการได้ยินออกมา
“เตรียมอาหารไว้ให้เธอด้วย”
“อึก!” น้ำผึ้งสะอื้นให้ภายในห้องเพียงลำพัง มือเรียวเล็กกุมหน้าท้องเอาไว้พลาง ๆ เนื่องจากหิวข้าวจนเจ็บแสบท้องไปหมด
“ถ้าคิดว่าตัวเองไม่สามารถอดข้าวได้ทั้งวัน ก็อย่าอวดดีอีก” ผมเดินเข้ามาภายในห้องนอน ก่อนจะมีคนรับใช้ถือถาดอาหารเดินตามหลังมา น้ำผึ้งลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงและเบือนหน้าหนีผมอย่างแสนเคือง ผมจึงหันไปพูดกับสาวใช้ที่กำลังเลื่อนอาหารมาให้ “สงสัยจะไม่หิวแล้วล่ะมั่ง”
“หิว~” เธอหันมาตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อันที่จริงข้าวยังไม่ตกถึงท้องเธอเลยตั้งแต่เมื่อวาน
“ออกไปได้แล้ว” ผมออกคำสั่งกับคนรับใช้ ก่อนที่ผมจะเป็นคนรับช่วงต่อด้วยการเลื่อนโต๊ะอาหารมาให้คนที่นั่งงอแงอยู่บนเตียง บนโต๊ะเลื่อนไม่ได้มีแค่อาหารแต่มีซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนวางอยู่ด้วย “เรามาคุยธุระกันก่อน แล้วป๋าจะอนุญาตให้หนูกินข้าวได้”
“ธุระอะไร! กินไปคุยไปไม่ได้หรือไง” เธอพูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ทำให้ผมเผลอตวัดสายตามองด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยปากดุเธอไปทีหนึ่ง
“แน่ใจเหรอว่าจะพูดกับป๋าแบบนี้”
“คุณป๋าผึ้งหิวข้าว” น้ำผึ้งพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงพลางเบ้ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ผมจึงลูบศีรษะทุยเล็กอย่างเวทนา ผมก็สงสารเธอนะ แต่ผมก็อยากต่อรองบางอย่างกับเธอก่อน
“เปิดเอกสารอ่านก่อน”
น้ำผึ้งยอมหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนขึ้นมาเปิดออกแล้วอ่านสัญญาจำนวนสามหน้าอย่างละเอียดยิบ
“นี่คือสิ่งที่คุณป๋าต้องการจากผึ้งเหรอ?” เธอเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผมด้วยความไม่พอใจ “ทางเลือกนี้ไว้ใช้กับหมาจนตรอกชัด ๆ ผึ้งไม่ทำ!”
“หนูมีทางเลือกเดียวคือต้องทำเท่านั้น ป๋าไม่มีผู้หญิงที่อยากจะใช้ชีวิตด้วย แต่ป๋าต้องการทายาทมาสืบทอดธุรกิจ แล้วคนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่มาจากสายเลือดของป๋า”
“คุณป๋าก็มีผู้หญิงให้เลือกตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่ให้ผู้หญิงที่เขาเต็มใจมาตั้งท้องให้ ทำไมต้องบังคับผึ้ง?”
“แม่ของลูกป๋าทั้งคน ป๋าจะเป็นคนเลือกเอง”
“เฮ้อ...” น้ำผึ้งถอนหายใจหนัก เธอคงกำลังคิดว่าข้อเสนอของผมมันจะคุ้มค่าเหนื่อยเธอหรือเปล่า แต่ถึงยังไงเธอก็มีเพียงทางเลือกเดียวอยู่ดี “ผึ้งยอมอุ้มบุญให้คุณป๋าก็ได้”
“ไม่เห็นต้องพึ่งเครื่องมือแพทย์ให้มันยุ่งยาก ใช้วิธีธรรมชาตินี่แหละ” ผมพูดพลางลูบแก้มของเธออย่างเบามือ ผมสามารถเป็นทั้งคนที่อ่อนโยนและเป็นปีศาจร้ายในเวลาเดียวกัน อยู่ที่เธอจะทำให้ผมแสดงด้านไหนออกมา “ป๋าจะให้เวลาหนูปรับตัวก่อน ดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดี หนูพร้อมเมื่อไหร่ก็แค่บอกป๋า ป๋าต้องการแค่ลูกชายเท่านั้น ถ้าได้ลูกสาวหนูเองก็น่าจะรู้นะว่าต้องจัดการยังไง อย่าลืมเซ็นสัญญาด้วย เพราะถ้าหนูไม่เซ็น หนูอาจจะไม่ได้อะไรจากป๋าเลย”
“เฮ้อ” น้ำผึ้งถอนหายใจอีกครั้งหลังจากที่ผมเดินออกไปจากห้องนอน
เธอยังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงต่อดี ผลตอบแทนที่ผมเสนอมามันก็ไม่เลวนัก หลังจากที่เธอคลอดลูกชายให้กับผมแล้ว สิ่งที่พ่อของเธอได้ทำพลาดไปก็จะถูกหักกลบลบหนี้ทั้งหมด แถมเธอยังได้เงินตั้งตัวและได้บ้านหลังใหญ่ตอบแทนอีก ทำงานหนักสิบปีไม่รู้จะได้ค่าตอบแทนเท่านี้หรือเปล่า น้ำผึ้งนั่งคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจจรดปลายปากกาเซ็นชื่อของตัวเองลงบนสัญญา
“หวังว่าทางเลือกของเราจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดนะ”
.
.
.
.
.
มาแล้วค๊าบ มาแล้วค๊าบ
คุณป๋าเจ้าเลห์ น้ำผึ้งจะทันเหลี่ยมไหมน๊า
❤️ กดหัวใจให้กำลังควีนด้วยน๊า
💬 คอมเมนท์พูดคุยกันค๊าบบบ