“อึก! ปล่อยฉันไปเถอะนะ” น้ำผึ้งขอร้องอ้อนวอนผมอีกครั้ง ลูกน้องของผมเกือบสิบชีวิตที่อยู่ภายในรถตู้เพียงคันเดียวคงทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว รถคันหรูหราถูกจอดสนิทอยู่หน้าเพนท์เฮาส์หลังใหญ่
“นายครับ สายของเราได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการโดนลอบวางระเบิดแล้วครับ” ไอ้เจแปนเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแท็บเล็ตส่งให้ผมดู ผมมองจอแท็บเล็ตด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา ก่อนจะออกคำสั่งกับลูกน้อง
“ถ้ารู้ว่าใครคือไอ้หมาลอบกัดตัวนั้นก็ให้ไอ้ไบรอันจัดการมันได้เลย”
พรึ่บ!
จังหวะที่ผมจะก้าวลงจากรถ มือเล็ก ๆ ของคนที่นั่งอยู่เบาะหลังก็เอื้อมมาหวังจะรั้งแขนของผมเอาไว้
“ฉันบอกให้ปล่อยฉันไปไง” น้ำผึ้งพูดพร้อมกระชากคอเสื้อของผมอย่างแรง ลูกน้องสองคนรีบปรามการกระทำของเธอโดยการดึงมือเล็กออกไป “ปล่อยฉัน ฉันบอกให้ปล่อย!”
“ปล่อย...” ผมออกคำสั่งกับลูกน้องด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ทำให้ผึ้งตัวน้อยขี้โวยวายถึงกับชะงักไป ก่อนที่ลูกน้องทั้งสองคนจะรีบปล่อยเธอออกจากกอบกุมตามคำสั่งของผม
“ฮือ ๆ ปล่อยฉันไปเถอะนะ” เธอพนมมือขอร้องอ้อนวอนผมอีกครั้ง ใบหน้าสวยหวานของเธอเวลากึ่งเศร้ากึ่งกลัวมันทำให้ผมใจสั่นไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทำท่าไม่สนใจ ก่อนจะก้าวขาลงจากรถแล้วหันไปอุ้มคนตัวเล็กลงมาด้วย “อึก! ปล่อยฉัน...”
“หนูอยากไปไหน” ผมเอ่ยถามพร้อมปล่อยร่างเล็กลงพื้นเมื่อเธอส่งเสียงโวยวาย น้ำผึ้งยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มลวก ๆ แล้วจึงตอบกลับมา
“ปะ...ไปจากที่นี่”
“งั้นก็ไปสิ” ผมพูดพร้อมส่งสายตาไปยังประตูรั้วของเพนท์เฮาส์หลังหรูหรา ทำให้เธอหันไปมองยังทางออกด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจนัก ก่อนจะรีบหันหลังเร่งฝีเท้าวิ่งไปยังทิศทางของประตูรั้วทันที ลูกน้องของผมมองหน้ากันอย่างงุนงง ก่อนที่ผมจะสั่งให้พวกมันวิ่งไปตามตัวน้ำผึ้งกลับมา
“เธอวิ่งออกไปจากเขตรั้วเมื่อไหร่ พวกมึงค่อยตามเอาตัวเธอกลับมา”
“ครับนาย” ลูกน้องสองคนขานรับพร้อมก้มหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังวิ่งตามน้ำผึ้งออกไป
คิดเหรอว่าผมจะปล่อยเธอง่าย ๆ ถ้าผมจะปล่อยเธอไป ผมคงไม่เสียเวลาเอาตัวเธอมาด้วยตั้งแต่แรก
“อร้ายยยย! ปล่อยฉันนะ ปล่อย!” น้ำผึ้งส่งเสียงโวยวายเมื่อลูกน้องของผมตามไปจับตัวกลับมาอีกครั้ง คนตัวเล็กใช้เรี่ยวแรงอันน้อยนิดสะบัดแขนตัวเองจนหลุดออกจากพันธนาการ ส่งผลให้เธอเสียหลักหน้าคะมำเข้าหาผมที่นั่งรอเธออยู่ตรงโซฟาตัวยาว เธอเงยหน้ามองผมด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว คงโมโหที่ถูกผมหลอกล่ะมั้ง
หึ...ดูหน้าของเธอที่มองผมสิ ขนาดโกรธยังสวยเลย
“คนไม่มีสัจจะ คุณไม่คิดจะปล่อยฉันไปจริง ๆ”
“ป๋าจะปล่อยหนูไปได้ยังไง พ่อของหนูทำป๋าเสียหายหลายล้านนะ” ผมพูดพร้อมจับเส้นผมที่หล่นปกปิดใบหน้าสวยเสียบเข้าข้างหูเล็กอย่างเบามือ น้ำผึ้งเบือนหน้าออกห่างจากมือของผมด้วยสีหน้ารังเกียจ
“มาเฟียอย่างคุณทำได้แค่รังแกผู้หญิงเท่านั้นแหละ กระจอก!” ดูปากร้าย ๆ ที่เธอเย้ยหยันผมสิ มันไม่ได้ทำให้ผมสะทกสะท้านอะไรเลย หนำซ้ำผมยังยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจในความปากดีของเธอ
“ป๋าทำได้มากกว่าที่หนูดูถูกไว้นะ และป๋าไม่เคยยุ่งกับใคร ถ้ามันไม่มาวุ่นวายกับป๋าก่อน”
“แล้วฉันไปทำอะไรให้คุณ”
“พ่อของหนูเป็นคนทำไง”
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ ค่าเสียหายทุกอย่างฉันจะหาเงินมาชดใช้ให้”
“หนูจะได้ชดใช้ป๋าแน่นอน แต่ป๋าต้องการเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เงิน” ผมลูบแก้มนวลน้อยของเธอเบา ๆ ผมมีข้อเสนอไว้สำหรับเธออยู่แล้ว
“คุณต้องการอะไรกันแน่”
“อันดับแรกที่หนูต้องทำคือเรียกป๋าว่าคุณป๋า”
“ทำไมฉันจะต้องเรียกคุณแบบนั้น โอ๊ย!”
น้ำผึ้งร้องเสียงหลงเมื่อถูกผมสอดฝ่ามือเข้าใต้กลุ้มผมแล้วดันท้ายทอยอย่างแรง บางทีผมก็ควรทำให้เธอรู้ว่าผมไม่ใช่คนที่เธอจะอวดดีได้ตลอด
“อันที่จริงป๋าก็ไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวหนูขนาดนั้นหรอก แต่ว่าหนูให้ในสิ่งที่ป๋าต้องการได้” ผมพูดพร้อมไล่มองเรือนร่างงดงามตรงหน้า หวังให้เธอตกใจเล่น
“โรคจิต!” คำพูดคำจาของเธอแต่ละคำมันน่าจับมาดูดปากลงโทษเสียจริง ๆ ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ผมต้องไปจัดการเรื่องที่บริษัทฯ ถูกลอบวางระเบิดละก็ ผมจะบดขยี้ปากเก่ง ๆ สวย ๆ ของเธอซะให้หนำใจ
“พาน้ำผึ้งขึ้นไปพักผ่อนในห้องของฉัน จัดเตรียมหมอมาตรวจร่างกายของเธออย่างละเอียด”
“ครับนาย”
“มีสิทธิ์อะไรมายุ่งวุ่นวายกับร่างกายของฉัน” น้ำผึ้งร้องโวยวายเมื่อถูกลูกน้องของผมควบคุมตัวให้ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน
“กูจะไปเช็กความเรียบร้อยที่บริษัทฯ หน่อย”
ผมหยัดกายลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาวพร้อมบอกให้ลูกน้องคนสนิทอย่างเจแปนรับทราบ เพราะมันรู้ดีว่าต้องจัดเตรียมอะไรต่อจากนั้น
.
.
.
.
.
มาแล้วค๊าบ
คุณป๋าจะเอาน้องมาทำอะไร ให้หมอมาตรวจร่างกายน้องทำไมก่อน
❤️ กดหัวใจให้กำลังควีนด้วยน๊า
💬 คอมเมนท์พูดคุยกันค๊าบบบ